บทที่ 198 เด็กรับใช้มารายงาน
บทที่ 198 เด็กรับใช้มารายงาน
พากู้ซินเถาไปด้วยอย่างนั้นหรือ? ซุนซื่อไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไร จึงบ่นอุบอิบ “คุณชายพูดอะไรหรือไม่ เจ้าควรชี้แจงให้กระจ่าง อีกอย่างทำไมเขาถึงขอให้เราไปที่ร้านอาหาร?”
เด็กรับใช้ที่วิ่งเข้ามา หอบหายใจโดยยังไม่ทันได้เช็ดเหงื่อก็โดนซุนซื่อซักไซ้ จึงตอบได้เพียงว่า “ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่คุณชายบอกว่ามีแขกผู้มีเกียรติในร้านอาหารและขอให้ข้ามาเรียกท่านทันที และบอกว่าท่านต้องพาแม่นางกู้ไปด้วย”
คราแรกซุนซื่อเต็มไปด้วยความสงสัย แต่คราวนี้หลังจากได้ยินนางก็รู้สึกดีใจมากในทันที
เมื่อไม่นานมานี้ ตนเองได้บอกสามีกับเรื่องของเจียงหย่วน และบอกว่านางต้องการให้กู้ซินเถาของพวกเขาแต่งงานกับตระกูลเจียง กู้ฉวนลู่จึงตบต้นขาของเขาทันทีเพื่อแสดงความเห็นชอบ
“ตระกูลเจียงนี้แข็งแกร่งและทรงพลังในเมืองหลิวเจีย หากสามารถแต่งงานกับตระกูลเจียงได้มันจะเป็นความโชคดีของซินเถา” กู้ฉวนลู่ยิ้มลูบเครา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาราวกับว่าลูกสาวของเขาแต่งงานแล้ว
“คงไม่ใช่…” ซุนซื่อถูมือเข้าด้วยกัน หากกู้ซินเถาเป็นที่ชื่นชอบของเจียงหย่วนและได้แต่งงานกับตระกูลเจียง ครอบครัวกู้ของพวกเขาก็จะทะยานขึ้นไปบนกิ่งไม้ และกลายเป็นหงส์สง่างาม
“แม้ว่าครอบครัวของเราจะซื้อบ้านในเมืองแล้ว แต่รากฐานก็ยังตื้นเกินไป” กู้ฉวนลู่ถอนหายใจ บนถนนที่พลุกพล่านนี้ บ้านของพวกเขาเป็นบ้านที่อยู่ชายขอบ มีขนาดเล็กที่สุดและทรุดโทรมที่สุด เดิมทีต้องใช้เงินหลายพันตำลึงเงินเพื่อซื้อบ้านหลังใหญ่และหรูหราบนถนนสายอื่น อย่างไรก็ตาม ความคิดของกู้ฉวนลู่คือ แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าแห่งร้านหลิวเจียไม่ได้ แต่เขาควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรวมเข้ากับตำแหน่งสูงสุดในเมืองหลิวเจีย
ดังนั้นจึงใช้สมองและซื้อบ้านในพื้นที่ชุมนุมที่มั่งคั่ง และทรงพลังที่สุดในเมืองหลิวเจีย แม้ว่าถนนสายนี้จะไม่เด่นสะดุดตา แต่ในอนาคตก็อาจพบผู้ที่มีอำนาจและทรงพลังมากที่สุดในเมืองหลิวเจีย กู้ฉวนลู่คิดว่าหากเราพบกัน ในอนาคตจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน ถ้าเราคุยกัน เราก็จะสามารถทำความรู้จักกันได้ไม่ใช่หรือ?
“แล้วถ้ารากฐานของเราตื้นเกินไปล่ะ?” เมื่อเห็นว่าเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวพูด แต่ซุนกซื่อกลับไม่เห็นด้วยบางส่วน เมื่อนึกถึงกู้ซินเถาที่งดงามและกู้จื่อเหวินที่มีการศึกษาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “สามี ท่านลองดูว่าในเมืองหลิวเจียนี้มีสตรีคนไหนดีกว่าซินเถาของเราอีก? ข้ากล้าพูดได้เลยว่า ถ้านายน้อยเจียงเห็นซินเถาของพวกเรา เขาคงจะไม่โหยหาหญิงใดอีก”
เมื่อพูดถึงกู้ซินเถา กู้ฉวนลู่ก็พอใจมากเช่นกัน
กู้ซินเถาแม้จะมีอายุเพียงสิบเอ็ดปี หากแต่ก็ยังไม่โตเต็มวัย แต่ด้วยการแต่งกายที่พิถีพิถันของซุนซื่อประกอบกับความงามตามธรรมชาติของกู้ซินเถา ทำให้นางยิ่งดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้านางกระจ่างใส และก็มีเสน่ห์อย่างสุดจะพรรณนา
ถ้านางโตขึ้นและสูงขึ้นอีก กู้ฉวนลู่คิดไม่ออกเลยว่าจะมีบุรุษสักกี่คนที่มาหลงใหลลูกสาวของเขา
“ไม่เลว ถ้าแต่งงานกับตระกูลเจียงได้จริง อย่างนั้นก็คงจะดีไม่น้อย” ถ้ากู้ซินเถาทำให้เจียงหย่วนสนใจได้และกลายเป็นสะใภ้ของตระกูลเจียง ก็คงเป็นควันสีเขียวจากหลุมศพของบรรพบุรุษ[1] ของตระกูลกู้
“ข้าเคยพูดกับซินเถาไว้ครั้งที่แล้ว และนางก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้” ซุนซื่อกล่าว “แต่พวกเราไม่รู้จักเจียงหย่วน และนายน้อยเจียงผู้นั้นไม่มีผู้ใดแนะนำเกรงว่านี่จะเป็นเรื่องยุ่งยาก”
“จะยุ่งยากอะไรกัน นายน้อยเจียงผู้นั้นเคยมาทานอาหารที่ร้านซุ่นซิน ข้าเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว” กู้ฉวนลู่กล่าว
“จริงหรือ?” สีหน้าของซุนซื่อประหลาดใจ “เจ้าเคยเห็นนายน้อยเจียงหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง?”
กู้ฉวนลู่มีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อนายน้อยเจียงผู้นี้ “มีกิริยาที่โอ่อ่า แต่หน้าตาธรรมดา”
จำได้ว่าปีนี้เป็นครั้งแรกที่นายน้อยเจียงมาที่ร้านอาหารซุ่นซิน เขายังคงจำช่วงเวลาที่นายน้อยเจียงมาและเหล่าข้ารับใช้ตะโกนขอทาง รอบกายเต็มไปด้วยผู้คนห้อมล้อม นายน้อยเจียงผู้นั้นอ้วนเตี้ย อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย และเจ้าของร้านซุ่นซินได้เดินเข้ามาทักทายเขาด้วยตนเอง หลังจากจัดเตรียมอาหารแนะนำของร้านซุ่นซินแล้ว เขากินมันเพียงเล็กน้อย ก่อนจะโยนตำลึงเงินสองตำลึงเงินให้แล้วจากไป
การรออาหารออกมาก็ไม่ต่างจากการเดินเข้ามา
แม้แต่เถ้าแก่ก็ชอบใจ “ถ้านายน้อยเจียงมาที่นี่อีก เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติในร้านอาหารของเรา! ถ้านายน้อยเจียงมาที่นี่ในอนาคต เจ้าต้องรับใช้เขาอย่างดี และถ้ามีอะไรผิดพลาด ก็ไสหัวออกไปซะ!”
กู้ฉวนลู่รู้สึกประหลาดใจมากกับความเคร่งขรึม และระมัดระวังมากขึ้น
กู้ฉวนลู่รู้สึกทึ่งกับความฟุ่มเฟือยของนายน้อยเจียงและคำเยินยอของเถ้าแก่
ในเวลาต่อมาได้เรียนรู้ว่าตระกูลเจียงในเมืองหลิวเจียนั้นทรงพลัง มีอำนาจ และร่ำรวยขนาดไหน ทั้งยังมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นขุนนางในเมืองหลวง ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายน้อยเจียงนั้นจะใช้ชีวิตหรูหราเช่นนี้
ต่อมาเมื่อเขาย้ายไปที่ถนนสายนี้ เป็นเรื่องบังเอิญที่กู้ฉวนลู่ภูมิใจมากที่รู้ว่าตระกูลเจียงก็อาศัยอยู่บนถนนสายเดียวกัน และบ้านอยู่ห่างกันไม่กี่หลัง
“สามี ถ้าสามารถเป็นสะใภ้กับตระกูลเจียงได้จริง ๆ ก็คงเป็นเพราะบรรพบุรุษของพวกเราก็สะสมคุณธรรมเอาไว้” ซุนซื่อตื่นเต้นมากและกล่าวว่า “ลองคิดดู ตระกูลเจียงทั้งร่ำรวยและมีอำนาจ ถ้าสามารถช่วยเหลือเหวินเอ๋อร์ได้ในอนาคต เหวินเอ๋อร์ของพวกเราก็จะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงไม่ใช่หรือ?”
ซุนซื่อผู้นี้ได้เปลี่ยนไปตามผู้คนรอบตัวนาง และนางก็ได้เลียนแบบวิธีพูดมา กู้ฉวนลู่ก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของซุนซื่อ และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขารู้สึกว่าซุนซื่อมีกิริยาท่าทางที่แตกต่างออกไป
“สามี ถ้านายน้อยเจียงไปร้านอาหารอีกในอนาคต ขอให้เด็กรับใช้มาส่งข่าว แล้วข้าจะพากู้ซินเถาไปที่นั่น” ซุนซื่อตื่นเต้นมากและกล่าวกับกู้ฉวนลู่
กู้ฉวนลู่พยักหน้าซ้ำ ๆ
ซุนซื่อดูตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เด็กรับใช้ที่อยู่ข้างหน้า ดูเหมือนว่าเจียงหย่วนจะไปที่ร้านอาหารแล้ว
ซุนซื่อรีบดึงกู้ซินเถากลับไปที่บ้าน วันนี้นางจะไปพบแขกผู้มีเกียรติ นางจึงต้องแต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อย
ขณะแต่งตัว ซุนซื่อก็บอกกับกู้ซินเถาว่าเจียงหย่วนมาถึงร้านอาหารแล้ว และยังบอกว่าเมื่อไปถึงให้นางไปทักทายและกลับมา
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ และนางก็พึมพำเป็นคำตอบ
ซุนซื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เพื่อสร้างความประทับใจให้เจียงหย่วน เจียงหย่วนผู้นี้เป็นลูกชายของครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่มีสาวใช้ที่น่ารักที่บ้าน และเขาไม่เคยเห็นสาวสวยข้างนอกเลย
ซุนซื่อรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อนางแต่งตัวให้กู้ซินเถาเสร็จ ใจที่วิตกกังวลของนางก็โล่งอก เมื่อมองดูลูกสาวที่งดงามราวกับนางฟ้า ก็อดชมไม่ได้ “อืม ไม่เลว ไม่เลว”
กู้ซินเถาหน้าแดงด้วยความเขินอาย และรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางคร่ำครวญในใจ ซึ่งท่าทางเช่นนั้นมันช่างน่ารักเสียจริง
………………………………………………………………………….
*[1] หมายถึงการกระทำที่ยิ่งใหญ่หรือตำแหน่งทางการระดับสูง
สารจากผู้แปล
พี่เย่จือทำน้องตกใจหมดแล้ว อุตส่าห์ช่วยนะนั่น
ส่วนครอบครัวใหญ่กู้นี่ก็เชิญสำเริงสำราญให้พอก่อนลงนรกนะคะ
ไหหม่า(海馬)