พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 2160.2 คุณชายเฮยองอาจปราดเปรื่อง (2)

บทที่ 2160.2 คุณชายเฮยองอาจปราดเปรื่อง (2)

ปราณชั่วร้ายกัดกร่อนเกราะป้องกันไม่หยุด ส่วนเกราะป้องกันก็สูญเสียพลังงานไปกับการต่อต้านปราณชั่วร้ายกัดกร่อน

ตอนแรกใช้ว่าทุกคนจะไม่เคยเห็นเหตุการณ์เวลาที่ปราณชั่วร้ายกัดกร่อน แต่ไม่เคยเห็นสภาพการกัดกร่อนที่ใหญ่โตขนาดนี้ ปราณชั่วร้ายที่เข้มข้นขนาดนี้ปิดล้อมกราะป้องกันเอาไว้มิดชิดจนแม้แต่น้าก็ซึมผ่านไม่ได้

ซีเหม็นอู๋เหย่ รองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ถามเสียงต่าว่า  นี่มันเรื่องอะไรกัน ? 

คนที่อยู่ทางซ้ายและขวามองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าเกิดเรื่องอะไร ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์นี้ เมื่อก่อนนอกจากเข้ามากวาดล้างตามกำหนดเวลา ก็ไม่มีใครเข้ามาอยู่ประจำคาดว่าคงไม่มีใครรู้ชัดว่าในแดนมรณะดึกดำบรรพ์จะมีการเปลื่ยนแปลงอะไรกันแน่

ทหารคนหนึ่งตอบว่า  นายท่าน เกราะป้องกันเสียพลังงานมากเกินไปแล้ว ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป เกราะป้องกันก็จะต้านทานได้อีกไม่นาน 

แม่ทพอีกคนที่กำลังถือระฆังดาราก็กล่าวเช่นกันว่า  นายท่าน จุดดักซุ่มแต่ละแห่งล้วนประสบกับเหตุการณ์เดียวกัน กำลังขอคำชี้แน่ะว่าควรจัดการยังไง 

ซีเหม็นอู๋เหย่ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเพิ่งปล่อยกำลังพลออกมาอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวก็เจอเรื่องแปลกแล้ว อย่าบอกน่ะว่าฝั่งหนิวโหย่วเต๋อสามารถควบคุมปราณชั่วร้ายได้ ? เขากล่าวเสียงต่า  ได้รับข่าวจากเบื้องบน มีความเป็นไปได้สูงว่าหนิวโหย่วเต๋อใกล้จะมาถึงแล้ว ให้แต่ละจุดเติมีพลังงานใส่ค่ายกลป้องกันต่อไป อดทนอีกสักหน่อย 

ทหารคนหนึ่งถามว่า  ยืนยันแล้วเหรอว่าจะมา ? ถ้าไม่มาก็จะเสียพลังงานทิ้งไปเปล่า ๆ ใช้ค่ายกลป้องกันต่อไม่ได้แล้ว ดูจากเหตุการณ์นี้ ก็ยังไม่รู้เลยว่าพวกเราตองอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุไม่คาดหวังอะไรขึ้นอีก ถ้ามีเตรียมไว้ในมือน้อยก็จะไม่เหมาะสม! แล้วก็มีเหตุการณ์นี้อีก ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อจะเข้ามาแล้ว แต่พวกเรามีกำลังพลมากมายขนาดนี้ จะเผยตัวออกมาโจมตีได้ยังไง ? คนส่วนใหญ่ไม่มีทางอยู่ท่ามกลางปราณชั่วร้ายได้นาน! 

ทัพใหญ่ที่มากวาดล้างในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนดึงตัวคนฝึกวิชาที่สามารถต่อต้านปราณชั่วร้ายมาจากที่ต่าง ๆเดิมทีคนที่มาก็ไม่กล้าทำอะไรเอิกเกริกอยู่แล้ว กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น

ซีเหม็นอู๋เหย่เงียบไป หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเบื้องบน รายงานสถานการณ์ที่นี่ให้ฟัง

จวนอ๋องสวรรค์หนิว หลังจากเหมียวอี้ที่นั่งสง่าอยู่ในห้องหนังสือติดต่อกับเฮยทั่นแล้ว ก็วางระฆังดาราลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวอย่างร่าเริง  ชมตัวเองก็เป็น เฮยทั่น เจ้าเวรนั่นช่างลาพองใจนัก อยู่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์มอำนาจไม่น้อยเลย 

ความจริงก็เป็นอย่างนั้น ตอนนี้เฮยทั่นก็ไม่ต่างอะไรกับราชันของแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ชื่อเสียงคุณชายเฮยโด่งดัง วิญญาณชั่วร้ายที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง ทุกที่ล้วนมีสายลับของเฮยทั่น ถ้าอยากจะหลบซ่อนในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ให้พ้นสายตาเฮยทั่นก็ไม่ใช้เรื่องง่ายเลย ทุกการกระทำของซีเหม็นอู๋เหย่ล้วนอยู่ในการรับรู้ของเหมียวอี้ การดักซุ่มเป็นเรื่องนาขาจริง ๆ

เพียงแต่กำลังพลที่ดักซุ่มอยู่ตรงทางออกก็เป็นปัญหายุ่งยากแล้วจริง ๆ ทัพใหญ่ที่เข้ามาไม่มีทางกระจายตัวได้ภายในครั้งเดียว เพราะจะสร้างความเสียหายจำนวนมหาศาลได้ง่าย ต้องแก้ปัญหาก่อนสักหน่อย บีบคนให้ไปก่อนถึงจะจัดการได้ง่าย

หยางเจาชิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม  ไม่รู้ว่าประมุขชิงจะกล้ายอมรับหรือเปล่าว่าส่งกำลังพลไปดักซุ่มเพื่อลอบสังหารท่านอ๋อง ชีวิตของกองทัพองครักษ์สิบล้านเชียวนะ 

ขณะที่พูดก็หยิบระฆังดาราออกมา หลังจากติดต่ออยู่พักหนึ่ง ก็รายงานว่า  ท่านอ๋อง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลโจมต่ออกมาแล้ว กำลังพลสายมะเส็งแพ้ถอยกลับมา! 

เหมียวอี้เอาฝ่ามือยันโต๊ะยืนขึ้น แล้วแสยะยิ้ม  แพ้ได้สวย! 

วังสวรรค์ ตาหนักดาราจักร

หลังจากได้ฟังซ่างกวนชิงรายงานสถานการณ์ผิดปกติที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ประมุขชิงก็สีหน้าเครียดขรึมลง  ปราณชั่วร้ายปะทุออกมาจำนวนมาก นี่มันสถานการณ์อะไรกัน ? ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อพบแล้ว แต่หนิวโหย่วเต๋อจะควบคุมปราณชั่วร้ายได้เชียวเหรอ ? 

ช่วงนี้บรรดาลูกนองค์นสนิทคอยฟังคำสั่งอยู่ที่นี่ตลอด ตอนนี้เผยสีหน้าตรึกตรอง ต่างก็ส่าย่อหน้าแสดงออกว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 อืม!  ประมุขชิงเงย่อหน้าบอกใบ้ซ่างกวนชิง แล้วซ่างกวนชิงก็เดินก้าวยาวออกจากตาหนักดาราจักรไป

รอจนกระทั่งพวกประมุขชิงเดินออกจากตาหนัก มังกรสีทองตัวหนังกบินเข้ามาพร้อมเสียงคาราม บินวนอยู่บนฟ้าได้สักพัก ร่างกายมึหมาก็เหยียบลงนอกตาหนัก แล้วทาท่าก้มหัวฟังคำสั่ง

ซ่างกวนชิงเล่าสถานการณ์ผิดปกติในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ให้ฟังรอบหนึ่ง แล้วถามมังกรทองตัวนั้นว่า  รู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ? 

มังกรทองยกกรงเล็บขึ้นมา แล้วเขียนตัวอักษรบนพื้น : ไม่เคยได้ยินมาก่อน ตอนที่เผ่าหงส์และมังกรยังอยู่ที่แดนสุขีนั่น ปราณชั่วร้ายไม่มีทางล้นเอ่อขนาดนี้

หลังจากพวกเขาอ่านตัวอักษรชัดแล้ว ก็สบตากันแวบหนึ่ง ตอนนี้เข้าใจแล้ว รู้สิ่งที่มังกรพูดคงไม่ใช้เรื่องโกหกเช่นกัน ตอนที่

เผ่าหงส์และมังกรยังเฝ้าอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ แดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ยังไม่เรียกว่าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ เพราะมีภูเขาสวยน้าใส สามารถเลือกที่นั่นได้ว่าแดนสุขี จะมีปราณชั่วร้ายล้นเอ่ออยู่ได้อย่างไร อีกฝ่ายไม่เคยเห็นก็เป็นเรื่องปกติมาก

เพียงแต่พอพูดแบบนี้ การที่ฝั่งนี้กักขังเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ไว้ก็เหมือนจะโดนกรรมตามสนอง ยกหินทุ่มเท้าตัวเอง

หลังจากซ่างกวนชิงโบกมือให้มังกรทองออกไป้พวกเขาก็หันตัวเดินกลับเข้ามาในตาหันกอีก

อู๋ฉวี่บอกว่า  เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเวลานี้ ทั้งยังเป็นตอนที่หนิวโหย่วเต๋อไปแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ก็อาจฟังดูดันทุรังเกินไป เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อจริง ๆ กำลังพลที่ดักซุ่มอาจจะถูกเปิดโปงแล้วจริง ๆ!  เขากล่าวด้วยสีหนาวิตกกังวล กังวลความปลอดภัยของคนกลุ่มนั้นของกองทัพองครักษ์ ถ้าถูกหนิวโหย่วเต๋อเพ่งเล็งขึ้นมาจริง ๆ จะเอาตัวรอดออกมาได้หรือ ?

ซ่างกวนชิงกับซือหม่ำเวิ่นเทียนสบตากันแวบหนึ่ง ตามแผนเดิม ถ้าหากแผนี้นล้มเหลว ก็เตรียมจะหาข้ออ้างเข้าไปกวาดล้างที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์อีกครั้ง แล้วถือโอกาสถอนกำลังพลออกมา แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เจ้ายังจะกวาดล้างแดนมรณะดึกดำบรรพ์อะไรได้อีก ไม่ใช้การล้อเล่นหรอก หรือพูดไปแล้วฟังขึ้นไหม ? ใครจะฟังล่ะ ? ต่อให้วังสวรรค์ตั้งกลุ่มไปกวาดล้างกันเอง แต่หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่มีทางให้เจ้าเข้าใกล้

เกิดเรื่องขนทุกที่ประมุขชิงค้นพบความรู้สึกกดดันเหมือนไฟไหม้หัว เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกออกคำสั่งว่า  บอกให้พวกเขาถอยเถอะ ซ่อนตัวให้ดี รอให้ผ่านช่วงนี้ไปแล้วค่อยคิดหาวิธีการรับมืออีกที่ 

 รับทราบ!  ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ

ทางฝั่งซือหม่ำเวิ่นเทียน พอวางระฆังดาราก็รายงานด่วนอกว่า  ฝ่าบาท ทัพใหญ่แดนรัตติกาลโจมต่ออกจากแดนรัตติกาลแล้ว กำลังทาศึกใหญ่กับกำลังพลทัพใต้ กำลังพลทัพใต้ต้านไม่ไหว พ่ายแพ้! 

ทุกคนได้ยินแล้วอึ้ง ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป ประมุขชิงรีบถามว่า  ทัพใหญ่แดนรัตติกาลโจมต่ออกจากแดนรัตติกาล โจมตีกำลังพลทัพใต้แล้ว ทั้งยังเอาชนะกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อได้ด้วยเหรอ ? 

  ไม่ผิดขอรับ สายลับที่สังเกตการณ์อยู่บริเวณนั้นเห็นกับตา กำลังพลทัพใต้ก็เหมือนจะนึกไม่ถึงเช่นกันว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลจะโจมต่ออกมา โดนโจมตีจนทำอะไรไม่ถูก แพ้แล้วขอรับ!  ซือหม่ำเวิ่นเทียนตอบ

ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าชิงหยวนจุนบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือกิ่นยาผิดมา ? เหมือนเจอใครก็กัดคนั้นน กำลังพลน้อยนิดแค่นั้นก็กล้าสู้กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วเหรอ ? นี่กำลังเรียนรู้ช่องทางที่หนิวโหย่วเต๋อโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางหรือตระกูลเซี่ยโห้ววางแผนอะไรไว้ถึงทำให้เขารู้สึกไร้ความเกรงกลัวเพราะมีที่พึ่ง ?

  หึหึ! ขุนพลที่รบชนะบ่อย ๆ อย่างหนิวโหย่วเต๋อเปืนเรื่องแปลกใหม่ที่ได้ยินว่าเขาแพ้ ด้วยนิสัยของเจ้านั่น มีหรือที่จะกล้ำกลืนความเสียเปรียบไว้!  ประมุขชิงกล่าวอย่างนั้น แต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ ช่วงนี้ไม่ได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้มานานแล้ว เขาชี้ซ่างกวนชิง  ติดต่อหนิวโหย่วเต๋อบอกเขาว่า กองทัพองครักษ์ยินดีจะช่วยเขาอีกแรง! 

เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งแล้วครั้งแล้ว ในที่สุดครั้งนี้เขาก็หาโอกาสทำให้สถานการณ์สั่นคลอนได้แล้ว

แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ในค่ายกลป้องกันใต้ดิน ซีเหม็นอู๋เหย่จ้องเกราะป้องกันที่มีแสงสีเงินกระเพื่อมมาตลอด จู่ ๆ ก็หยิบระฆังดาราขึ้นมา หลังจากติดต่อได้สักพัก ก็พูดกับคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาว่า  เรื่องที่พวกเราดักซุ่มอยู่ที่นี่ถูกเปิดโปงแล้ว เป็นไปได้ว่าหนิวโหย่วเต๋อรู้แล้ว ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เก็บกำลังพลเดียวนี้ ปฏิบัติตามคำสั่งของข้า! 

ตามเสียงคำสั่ง กำลังพลหนาแน่นในค่ายกลป้องกันก็ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หดเข้าไปอยู่ในกาไลเก็บสมบัติบนตัวคนไม่กี่คน

ในช่องว่างใต้ดินที่ว่าง เปล่าเหลือแค่พวกซีเหม็นอู๋เหย่ไม่กี่คน พอเก็บค่ายกลป้องกัน พวกเขาก็ปล่อยสัตว์พาหนะที่บินได้ออกมา ร่างกายปล่อยเพลิงเดือดออกมาปกป้องตัวเองและสัตว์พาหนะ สัตว์

พาหนะกระพือปีกบินขึ้นมา บินฝ่าปราณชั่วร้ายที่พรั่งพรูเข้ามา เสียงเผาไหม้ดังฉ่า ๆ ผ่านประเดียวเดียวก็ผ่านไปได้แล้ว

เสียงผิวดินดังโครมคราม มันถูกเปิดออกแล้ว ผิวดินพังยุบลงมา สัตว์พาหนะไม่กี่ตัวที่มีเปลวเพลิงครอบตัวพุ่งฝ่าทะเลหมอกปราณชั่วร้ายออกมา บินวนเวียนอยู่บนฟ้าสูง

พวกซีเหม็นอู๋เหย่ขี่สัตว์พาหนะอยู่บนฟ้าสูง พอก้มมองเมฆปราณชั่วร้ายที่กว้างสุดลูกหูลูกตาข้างล่าง ก็แอบรู้สึกตกใจ

เพียงประเดียวเดียว ตรงจุดที่อยู่ไม่ไกลก็มีสัตว์พาหนะเปลวเพลิงทยอยพุ่งออกมา บินมาร่วมตัวกันและปรึกษากันเล็กน้อย จากนั้นก็รีบหนี้ไปไกลโดยมีซีเหม็นอู๋เหย่เป็นคนนา

ในห้องหนังสือของจวนอ๋องสวรรค์หนิว เหมียวอี้กำลังติดต่อกับซ่างกวนชิง

หลังจากฟังซ่างกวนชิงพูดแล้ว เหมียวอี้ก็ตามไปโดยตรงเลยว่า : ร่วมมือกันเหรอ ? คำพูดของฝ่าบาท อ๋องผู้นี้จะเชื่อได้เหรอ ?

ซ่างกวนชิง : คำพูดของฝ่าบาทมีน้ำหนักมาก มีอะไรที่เชื่อไม่ได้ ?

เหมียวอี้ : ผายลมเจ้าสิ! ไม่นานก่อนหน้านี้ตระกูลเซี่ยโห้วบอกข้าไว้ว่าฝ่าบาทดักซุ่มกำลังพลสิบล้านไว้ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ เตรียมจะลอบสังหารข้า เรื่องนี้ฝ่าบาทจะอธิบายยังไง ? พูดเรื่องนี้กับข้าให้กระจ่างก่อนเถอะ!

ซ่างกวนชิงรีบเงย่อหน้าถ่ายทอดคำพูดของเหมียวอี้ให้ประมุขชิงฟัง แน่นอนว่าเว้น คำว่า ‘ผายลม’ ไว้

พอพวกประมุขชิงได้ฟัง ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว มิน่าล่ะหนิวโหย่วเต๋อถึงรู้ว่ามีกำลังพลดักซุ่ม วุ่นวายอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็เป็นอุบายของตระกูลเซี่ยโห้วนี่เอง คิดไปคิดมาก็พบว่าตระกูลเซี่ยโห้วน่ากลัวจริง ๆ ไม่มีรูไหนที่แทรกซึมไม่ได้ แม้แต่เรื่องลับขนาดนี้ก็ยังรู้แล้ว

 

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท