พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 2166 รู้สึกว่าข้าเลอะเลือนใช้มั้ย ?

บทที่ 2166 รู้สึกว่าข้าเลอะเลือนใช้มั้ย ?

คำพูดจอมปลอมหรือการเสแสร้งอะไรล้วนวางไว้หมดแล้ว ไม่เกิดการถกเถียงอะไรเอ่ย่างที่วังสวรรค์กังวล ไม่จำเป็นต้องให้ฮวาอี้เทียนถ่อมาถึงที่นี่ด้วย ทว่าตอนแรกวังสวรรค์ไม่รู้ถึงท่าทีที่แท้จริงของเหมียวอี้เช่นกัน ไม่รู้ว่าจะเล่นพิเรนทร์อะไร เรื่องบางเรื่องควรส่งคนมาเจรจาดีกว่า

เพียงแต่ลำบากเฉิงไที่เจ๋อกับทัพใหญ่แดนรัตติกาลแล้ว ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นว่าอยู่ดี ๆ ตัวเองจะถูกอำนาจที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังทรยศแล้ว

 เรื่องที่ทัพใหญ่แดนรัตติกาล ต้องรบกวนท่านบุรุษแล้ว  เหมียวอี้เอียงหน้าพูดกับหยางชิ่งที่อยู่ข้างกายด้วยรอยยิ้ม

หยางชิ่งกุมหมัดคารวะ  เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของของข้าน้อย 

เหมียวอี้พยักหน้า แล้วหันกลับมาถามหยางเจาชิ  เตรียมกำลังพลไว้คุ้มครองท่านบุรุษหรือยัง ? 

หยางเจาชิงพยักหน้า  เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ รับรองว่าคุ้มครองท่านบุรุษอย่างไร้ข้อผิดพลาด 

หยางชิ่งกุมหมัดคารวะต่อเหมียวอี้อีก  ท่านอ๋อง เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ ข้าน้อยจะออกเดินทางตอนนี้! 

เหมียวอี้ลังเลนิดหน่อย ก่อนจะบอกว่า  ก่อนเซี่ยโห้วท่าตาย ข้าเคยรับปากเขาไว้ว่าจะพยายามให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้แก่ตายตามอายุขัย ถ้าไม่จำเป็น กอย่าฆ่านาง! 

 เข้าใจแล้ว  หยางชิ่งพยักหน้า กุมหมัดคารวะอีกครั้ง

เหมียวอี้กุมหมัดคารวะน้อมส่ง เรียกได้ว่าดูแลอย่างดี หยางเจาชิงก็ยื่นมือเชิญเช่นกัน แล้วสาวเท่าเดินออกไปกับหยางชิ่ง

เพิ่งจะออกจากโถงรับแขกได้ไม่นาน ก็เห็นอวิ๋นจือชิวนาคนไม่กี่คนเดินเข้ามา ซูอวิ้นก็อยู่ในนนเช่นกัน

 คานับห่วงเฟย!  หยางชิ่งกับหยางเจาชิงทาความเคารพพร้อมกัน

เห็นสองคนนี้มีสีหน้าทาทางรีบร้อน อวิ๋นจือชิวก็รู้ว่าคงมเรื่องสำคัญของไปทา จึงไม่ได้ถ่วงให้ทั้งสองเสียเวลา พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินจากไป

หยางชิ่งกับซูอวิ้นเอียงหนามิองฝ่ายตรงข้ามพร้อมกัน เดินผ่านกันไปอย่างนี้ ไม่พูดอะไรสักประโยค หยางชิ่งหันหน้ามองอีกฝ่ายเดินก้าวยาวจากไป

ซูอวิ้นเม้มริมฝีปากแน่น นางไม่รู้ว่าหยางชิ่งออกไปเมื่อไร และไม่รู้ว่าหยางชิ่งกลับมาเมื่อไรด้วย กลับมาแล้วก็ไม่มาหานางสักครั้ง ถ้าไม่ใช้เพราะครั้งนี้บังเอิญเจอเกรงว่าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเขากลับมาแล้ว

แม้จะรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ในใต้หล้าผันผวนรุนแรง หยางชิ่งต้องมีงานสำคัญอะไรต้องจัดการแน่นอน ไม่มีอารมณ์มาคิดถึงความรักลึกซึ้งระหว่างชายหญิง แต่พอเป็นอย่างนี้ ในหัวนางก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา หรือว่าได้ครอบครองแล้วจึงไม่แยแส ?

อวิ๋นจือชิวให้คนข้างหลังรอก่อน ไม่ได้พาเข้ามาในโถงรับแขกด้วย นางเองก็รู้ว่าเหมียวอี้กำลังรับแขกอยู่ทางนี้ จึงถือโอกาสผ่านทางมาเจอสักหน่อย

เมื่อเห็นนางเข้ามาแล้ว เหมียวอี้ก็ถามด้วยรอยยิ้ม  มเรื่องอะไรเหรอ ? 

อวิ๋นจือชิวส่าย่อหน้าถอนหายใจ  เรื่องการแต่งงานของชิงเยว่ ข้าคุยกับนางแล้ว นางบอกว่านางจะไม่แต่งออก จะแต่งเข้า! 

เหมียวอี้งงไปชั่วขณะ ยังนึกว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร จึงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า  อยากจะหาผู้ชายแต่งเข้าสักคน เรื่องนี้ง่ายมาก อาศัยฐานะตำแหน่งของนาง คงไม่ขาดูแคลนผู้ชายที่เป็นฝ่ายขอแต่งเข้าหรอก 

อวิ๋นจือชิวพูดเสริมอกว่า  นางบอกว่านางจะเลือกผู้ชายสิบคนแต่งเข้ามาพร้อมกันเลย เลี้ยงไว้ในบ้านให้ค่อย ๆ ปรนนิบัตินาง! 

 …  เหมียวอี้เหม่อทันที่มุมปากกระตุกไม่หยุด ไม่รู้ว่าจะบรรยายผู้หญิงคนนี้อย่างไรด้ ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าเป็นบ้าแค่ตอนอยู่บนสนามรบ

จนกระทั่งอวิ๋นจือชิวออกไปแล้ว หยางเจาชิงกลับมาแล้ว เหมียวอี้ก็ยังอยู่ในสภาพเหม่องง ยังดึงสติ๊กลับมาไม่ได้

 ท่านอ๋อง หยางชิ่งไปแล้วขอรับ  พอหยางเจาชิงรายงาน เหมียวอี้ถึงดึงสติ๊กลับมาได้ เขาจัดระเบียบความคิดตัวเอง ออกแรงสั่นหัวแล้วบอกว่า  ทางด้านเหิงอู๋เต้า บอกให้เขาถอนกำลังพลกลับมาดำเนินการตามแผนได้แล้ว 

 ขอรับ!  หยางเจาชิงเอ่ยรับ

วังสวรรค์ ตาหนักดาราจักร เมื่อรู้ว่าเจรจากับหนิวโหย่วเต๋อเรียบร้อยแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่อู๋ฉวี่กลับตอบสนองใหญ่โต ยืนกรานคัดค้านไม่ให้ทัพใต้ปราบกบฏ ขอร้องให้กองทัพองครักษ์จัดการเรื่องนี้

ประมุขชิงชี้หน้าด่าเขาภายใต้อารมณ์โกรธ  ตราบใดที่เจ้าสามารถโน้มน้าวเข้าได้ ข้าก็ไม่คัดค้านอะไร!  พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยความเดือดดาล

ส่วนอู๋ฉวี่ก็ทาสีหน้าผิดหวัง ได้แต่หลับตาส่าย่อหน้า

คนอื่น ๆ ในตาหันก็กได้แต่มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา เลิกลั่กแล้ว

สุดท้ายก็เป็นซ่างกวนชิงที่เดินไปข้างกายอู๋ฉวี่ ตบบ่าเขาพร้อมบอกว่า  ไปกันเถอะ พวกเราไปหาโพ่จวินกัน 

อู๋ฉวี่ยิ้มเจื่อน หันตัวเดินก้าวยาวออกไป้ส่วนซ่างกวนชิงก็กุมหมัดคารวะอีกสองคน แล้วสาวเท่าเดินตามอู๋ฉวี่ออกไป้

เพิ่งจะออกจากประตูวังไป จู่ ๆ ข้างหูอู๋ฉวี่ก็มีเสียงของซ่างกวนชิงดังมา  เลี้ยวขวา ฝ่าบาทกำลังรอเจ้าอยู่! 

อู๋ฉวี่หันกลับมามองแวบหนึ่ง ซ่างกวนชิงที่เดินมาข้างกายเขาเฉียดผ่านเขาไป แล้วเลี้ยวเข้าไปในประตูพระจันทร์ด้านขวาโดยตรง ทั้งยังหันกลับมากวักมือเรียกเขาด้วย

อู๋ฉวี่เดินตามไปด้วยสีหน้าสงสัย

พอเข้ามาในลานตาหนักแล้ว ก็ตามซ่างกวนชิงเข้าไปในห้องรับแขก เห็นเพียงประมุขชิงยืนเอามือไขว้หลัง กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ต่างกับท่าทางเดือดดาลก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจ แต่ก็ยังก้าวขึ้นมากุมหมัดคารวะ  ฝ่าบาท! 

 รู้สึกว่าข้าเลอะเลื่อนใช้มั้ย ?  ประมุขชิงถามด้วยรอยยิ้ม

อู๋ฉวี่คิดไปคิดมาก็ยั่งยืนกรานความคิดของตัวเอง  ฝ่าบาท หนิวโหย่วเต๋อแค่ไม่ลงมือเท่านั้นเอง ถ้าลงมือขึ้นมา ทัพกบฏแดนรัตติกาลไม่ใช้คู่ต่อสู้ของหนิวโหย่วเต๋อแน่นอน แม้ทัพกบฏแดนรัตติกาลจะมีโทษสมควรตาย แต่ในมือพวกเขาก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หลายสิบล้านคัน ถ้าตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อในภายหลังจะกลาย

เป็นปัญหาใหญ่แน่นอน ธนูฝ่าอิทธิฤทธ์สิ่บล้านคันที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ตกอยู่ในมือเขาแล้ว! 

ประมุขชิงหรี่ตา  มีหรือที่ข้าจะไม่รู้! เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หลายสิบล้านคันตกอยู่ในมือเขาเหรอ ? 

  ฝ่าบาทหมายความว่า ?  อู๋ฉวี่งุนงง

ประมุขชิงแสยะยิ้ม  พวกเขาคิดจะช่วยเถิงเฟยรวมทัพตะวันออก เช่นั้นนก็ให้พวกเข้าสู่กันไปเถอะ กำลังพลหลายร้อยล้านของข้าที่ถอนออกมาจะได้เคลื่อนย้ายพอดี เฉิงเฟยกับเฉิงไที่เจ๋อเข่นฆ่ากัน กำลังพลทัพตะวันออกถูกถ่วงไว้หนึ่งสายแล้ว หากตัดใจสละลูกไม่ได้ ก็จับหมาป่าไม้ได้ ในมือทัพกบฏมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมาก หนิวโหย่วถึงเต๋อทาสำเร็จไม่ได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเช่นั้นนก็ต้องทำให้กำลังพลจำนวนมากของหนิวโหย่วเต๋อสิ้นเปลือง ตอนนี้ก็เหลือแค่กำลังพลของอ๋องสวรรค์โค่วกับอ๋องสวรรค์ก่วง พี่ใหญ่พุทธะเคลื่อนัทพออกมาควบคุมสักหน่อย ถึงตอนั้นนทัพใหญ่ของข้าที่เคลื่อนทัพได้ก็จะออกมาหมด เจ้าคิดว่าใครยังจะมาตรึงทัพใหญ่ของข้าได้อีก ? เจ้าคิดว่าข้าจะให้หนิวโหย่วเต๋อกำเริบเสิบสานต่อไปเหรอ ? ถ้าอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หลายสิบล้านคันั่นน ก็ต้องดูก่อนว่าเขาจะมีชีวิตไปเอาหรือเปล่า! 

อู๋ฉวี่เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน แอบตกใจเช่นกัน ถึงตอนั้นนทัพใต้โดนตีย่อยยับ ทัพตะวันออกเข่นฆ่ากันเองจนเสียหายไปพอสมควร ทั้งสองฝ่ายจะถูกฝ่าบาทจับแยกอาณาเขตแน่นอน จะเหลือแค่อ๋อง

สวรรค์โค่วกับอ๋องสวรรค์ก่วงซึ่งไร้กำลังจะต่อต้านฝ่าบาทได้ ทั้งยังมีประมุขพุทธะคอยควบคุมอีก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต่อไปฝ่าบาทจะทาเรื่องอะไร ยามเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลอย่างนี้ ฝ่าบาทคงจะปลุกปั่นให้ทัพตะวันตกกับทัพเหนือเกิดความวุ่นวายภายในได้อย่างง่ายดาย แล้วถือโอกาสแบ่งแยกอีกครั้งในครั้งเดียว ถึงตอนั้นนสี่ทัพที่ยึดครองใต้หล้ามาหลายปีก็ไร้กำลังจะต่อต้านตาหนักสวรรค์อีก!

 ฝ่าบาทปราดเปรื่องเป็นข้าน้อยเองที่โงเงา!  อู๋ฉวี่รีบกุมหมัดขออภัย

ประมุขชิงเอามือไขวหลังเดินไปเดินมาช้า ๆ  นี่เป็นเพราะตระกูลเซี่ยโห้วกดดัน ตอนที่เซี่ยโห้วท่ายังอยู่ มีจิ้งจอกเฒ่านั่นจับตาดูอยู่ ข้าหวาดกลัวมาก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม หาโอกาสลงมือไม่ได้ด้วย เรื่องที่ตาหนักเย็น ตอนแรกข้าก็หาเบาะแสไม่เจอไม่รู้ความตื้นลึกของเฉาหม่ำน ไม่กล้าทำอะไรวู่วามด้วย พอมาดูตอนนี้แล้ว เฉาหม่ำนแตกต่างกับบิดาของเขามาก ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าปลุกปั่นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในที่สุดข้าก็เห็นโอกาสลงมือแล้ว จุดที่น่ากลัวที่สุดของตระกูลเซี่ยโห้วก็คือวิธีการเหนือชั้นที่ลึกลับจนเทพไม่รผูี้ไม่เห็น ปลุกปั่นศึกใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา ภายใต้การกวาดล้างทั่วสารทิศ ข้าก็อยากจะเห็นว่าพวกเขาจะก่อกวนยังไง! 

 เรื่องนี้ควรจะบอกโพ่จวิน เขาจะได้รู้ถึงความทุ่มเทของฝ่าบาท มีโพ่จวินออกมาควบคุมหน่วยองครักษ์ซ้าย…  อู๋ฉวี่กล่าว

ประมุขชิงโบกมือตัดบท  แผนการนี้โพ่จวินรู้ก่อนเจ้าแล้ว ให้เขารออยู่ข้าง ๆ ก่อนเถอะ เล่นละครไงล่ะ ต้องเล่นให้สมจริงสักหน่อย ตระกูลเซี่ยโห้วลึกลับซับซ้อน ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นว่าเขากระจายสายลับไว้เยอะขนาดไหน ถ้าจะบอกว่าในโครงสร้างที่ใหญ่โตอย่างกองทัพองครักษ์ไม่มีคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ข้าก็ไม่เชื่อหรอก พอเรื่องที่ตาหนักเย็นรั่วไหล ก็เท่ากับเป็นการเตือนข้าแล้ว เป็นการเตือนเจ้าด้วย หลังจากกลับไปเจ้าเตรียมกระจายงานอย่างเป็นความลับ อย่าให้มีข่าวหลุดไป แผนการสำคัญขนาดนี้ ข้าปกปิดแม้กระทั่งซือหม่ำและเกาก้วน ไม่อยากให้มีช่องโหว่อะไร เข้าใจหรือยัง ? 

  ข้าน้อยน้อมรับบัญชา!  อู๋ฉวี่กุมหมัดรับคำสั่ง ความกังวลในใจถูกกวาดหายไปหมดสิ้นแล้ว

จวนจอมพลสายมะเส็ง ตั้งอยู่ในจุดที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ สภาพแวดล้อมงดงามราวกับแดนสวรรค์ เจ้าของเดิมที่อยู่ในจวนออกไปแล้ว

ในตึกศาลา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่กำลังหันมองรอบๆ รู้สึกไม่อยากจากที่นี่ไปเลย สภาพแวดล้อมของที่นี่ดีกว่าจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลตั้งเยอะ

หยางชิ่งกำลังชี้แนะอยู่ข้าง ๆ ว่าสามารถถอนทัพได้แล้ว ในใจชิงหยวนจุนไม่ค่อยอยากจากไป สถานที่ใหญ่โตที่มีทรัพยากรหลากหลาย ไม่ใช้สิ่งที่แดนรัตติกาลจะเทียบติด อย่างน้อยการขยาย

ทัพก็ทำได้สะดวกกว่าเยอะ ถ้าทิ้งไปก็เสียดายไปหน่อย เขาถามอย่างสงสัยเล็กน้อยว่า  ข้าได้ยินมาว่า ทางทัพตะวันออกเมฆแห่งสงคราม

กำลังก่อตัวหนาแน่นแล้ว เหมือนท่านอ๋องก็จะใช้กำลังทหารเหมือนกัน ด้านหลังว่าง เปล่า พวกเราจะอยู่ต่อเพื่อสร้างความมั่นคงด้านหลังให้ท่านอ๋องดีมั้ย ? 

ประโยคที่กล่าวด้วยน้ำเสียงธรรมดาของหยางชิ่งทำให้ชิงหยวนจุนหัวใจกระตุกวูบ ถูกประโยคนี้อุดปากจนพูดไม่ออก

พอได้ยินว่ากองทัพองครักษ์สามร้อยล้านกว่า เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็กลัวจนตับสั่นเช่นกัน รีบหันตัวมาโน้มน้าว  จุนเอ๋อร์ ท่านน้าของเจ้าพูดไม่ผิด ออกคำสั่งถอนทัพเถอะ! 

ชิงหยวนจุนพยักหน้า แล้วออกคำสั่งถอนทัพทันที่

ทว่าเกิดผลสะท้อนกลับจากเบื้องล่างเร็วมากำลังพลที่ประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ กำลังคิดว่าจะรวมกำลังสรรพวุธเพื่อยึดครองทรัพยากรอย่างไร ผลปรากฏว่ายังนั่งก้นไม่ทันร้อนก็จะถอนัทพอีกแล้ว ที่ตอนแรกบอกว่ามีตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุน ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงพะวงหลังเป็นเพียงคำพูดเหลวไหลอย่างนั้นเหรอ ? ถ้าไม่มีผลประโยชน์นี้ ตอนแรกใครจะอยากร่วมก่อกบฏไปกับเจ้าล่ะ ?

ชิงหยวนจุนทำตามที่หยางชิ่งบอก บอกเบื้องล่างว่าเป็นแค่แผนถ่วงเวลาฝ่ายตรงข้าม ไฟสงครามทางฝั่งทัพตะวันออกอาจจะเผาเข้า

มาในอาณาเขตทัพใต้ ตอนนี้หลบเลี่ยงชั่วคราว รักษากำลังเอาไว้เท่านั้น ตอนหลังก็ยังต้องกลับมาอีก

เป็นเพราะคนของทัพใหญ่แดนรัตติกาลหลอกง่าย ล้วนี้เป็นกำลังพลที่ย้ายมาจากกองทัพองครักษ์ หลายปีมานี้ประมุขชิงก็ตั้งใจจะควบคุมทัพใหญ่แดนรัตติกาลเช่นกัน ทำให้ความสามารถในการรับข่าวสารของคนเหล่านี้อ่อนแอมาก ล้วนไม่มีช่องทางข่าวสารเป็นของตัวเองเลย ข่าวบางอย่างที่ได้มาก็ไม่ต่างอะไรกับข่าวลือตามข้างทาง

สุดท้ายกำลังพลเหล่านี้ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็น ทำได้เพียงถอนกำลังพลตามคำสั่ง

หลังจากจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย เดินผ่านข้างกายสองแม่ลูกออกไป้หยางชิ่งที่เดินออกจากลานตาหันก็กมายืนคุยกับฉินฟ่างอยู่ใต้ชายคา

 สถานการณ์เบื้องล่างเป็นยังไงบาง ?  หยางชิ่งถ่ายทอดเสียงถาม

 มีบ่นบ้าง แต่ก็กำลังถ่ายทอดคำสั่งเก็บรวมกำลังพล  ฉินฟ่างตอบ

 ลงมือได้แล้ว ไม่ต้องฆ่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่  หยางชิ่งพูดทิ้งท้ายแล้วก้าวช้า ๆ เดินจากไป

 

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท