พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 2169 กระบี่เก้าเตาตัดเชือกขาด

บทที่ 2169 กระบี่เก้าเตาตัดเชือกขาด
เชี่ยเซิงเผยสีหน้าเศร้าสลดอย่างอดไม่ได้ เป็นเช่นนี้จริง ๆ เถิงเฟยสามารถปล่อยใครไปก็ได้ มีเพียงท่านอ๋องคนเดียวที่ปล่อยให้รอดชีวิตไม่ได้ ไม่ใช้ว่ามีความแค้นฝังลึกอะไรต่อกัน ถ้าเปลื่ยนี้เป็นท่านอ๋องก็ไม่เหลือหนทางรอดไว้ให้เถิงเฟยเช่นกัน ไม่ใช้เพราะอะไร เป็นเพราะอีกฝ่ายได้รับการสนับสนุนในระดับเดียวกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งภัยพิบัติแฝงระดับนี้เอาไว้ บรรดาท่านอ๋องที่เหลือก็คงไม่อยากเห็นทัพตะวันออกที่รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วถูกประมุขชิงเสี้ยมให้เกิดเรื่องนี้ ไม่อยากเห็นสถานการณ์กึ่งแข่งขันกึ่งร่วมมือของสี่ทัพถูกทาลายอีก
ทางรอดเดียวในตอนนี้ เกรงว่าคงจะมีเพียงการหนี ทิ้งกำลังพลที่เหลือแล้วหนี้ไปเงียบ ๆ ถ้านาคนกลุ่มใหญ่ไปด้วย ใครจะไปรู้ว่าในจำนวนั้นนมีหนอนบ่อนไส้อยู่เท่าไร ที่สำคัญคือหลังจากออกไปแล้วไม่มีทรัพยากรมาเลี้ยงกำลังพลมากมายขนาดนั้นได้อีก เมื่อเวลานานไปจะต้องเกิดเรื่องแน่นอน…พอนึกถึงตรงนี้ เชี่ยเซิงกำลังจะชี้แนะเช่นนี้พอดี แต่กลับเห็นเฉิงไที่เจ๋อขมวดคิ้ว แววตาวูบไหวไม่หยุด สีหน้าเศร้าโศกถูกแทนที่ด้วยอารมณ์อีกแบบ ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้
เขากำลังอยากจะถาม แต่เฉิงไที่เจ๋อกลับเป็นฝ่ายจ้องเขาและพูดออกมาเอง “หนิวโหย่วเต๋อเคยบอกว่าจะให้ทางรอดกับข้าได้”
“…” เชี่ยเซิงงุนงง ถามอย่างสงสัยว่า “เป็นไปได้หรือขอรับ ?”
เฉิงไที่เจ๋อเอามือลูบเคราพร้อมกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ จู่ ๆ เขาก็ติดต่อข้ามา บอกประมาณว่าประมุขชิงทิ้งข้าแล้ว ก็ให้ข้าไปหาเขาได้เลย บอกว่าไม่มีทางเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วย…ตอนั้นนข้าก็ยังไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร ยังรู้สึกว่าคำพูดของเขาช่างน่าขา แต่พอมาดูตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังแอบบอกใบ้ข้า เขารู้ตั้งแต่ตอนั้นนแล้วว่าประมุขชิงจะทิ้งข้า เหมือนกำลังเตือนว่าวันนี้จะมาถึง ไม่อย่างนั้นคนไม่พูดอะไร แปลก ๆ แบบนั้นออกมา”
เชี่ยเซิงถามอย่างระแวงสงสัยไม่หยุด “ท่านอ๋องแน่ใจเหรอ ? ตามหลักแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรับท่านอ๋องไว้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าคนอื่นจะยอมให้เขาขยายอำนาจแบบนี้หรือเปล่า เขาจะชี้แจงกับเถิงเฟยยังไง ? ถ้าเขาทำแบบนี้ สถานการณ์กึ่งร่วมมือกัึ่งแข่งขันระหว่างสี่ทัพก็จะถูกทาลายไม่ใช้เหรอ ?”
เฉิงไที่เจ๋อโบกมือ”แม้เจ้าเด็กันน่จะอายุไม่เยอะ แต่กลับมีวิธีการไม่ธรรมดา อาศัยแค่ที่เขาโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางก็รู้แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กันน่มีแผนชั่วอะไร ตอนนี้ข้ามีหายนะมาจ่อตรงหน้า ลอทวงถามขาสักหน่อย หยั่งเชิงเขาสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร”
“นั่นก็ใช้ขอรับ” เชี่ยเซิงพยักหน้าเงียบ ๆ
เฉิงไที่เจ๋อเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาสองก้าว พอหยุดเดินก็เหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้เสียเลย…
ในจวนอ๋องสวรรค์หนิว โถงหลัก สวีถังหรานใช้สองมือกาไลเก็บสมบัติให้ไว้บนโต๊ะน้าชา จากนั้นก็ถอยออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เหมียวอี้ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะชานากาไลเก็บสมบัติมานับ ข้างในล้วนี้เป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ธนูฝ่าอิทธิฤทธ์สี่สิบล้านห้าแสนคัน!
พอเก็บกาไลเก็บสมบัติไว้ เหมียวอี้ก็ลุกขึ้นชมด้วยรอยยิ้ม “ทำได้ไม่เลว”
สวีถังหรานพยักหน้าโค้งตัวทันที่”เป็นเพราะท่านอ๋องเตรียมวางแผนภูาพรวมไว้ดี ข้าน้อยก็แค่วิ่งเต้นทำงานให้ไม่ได้สิ้นปลืองกำลังอะไรเลย ที่สำคัญคือท่านอ๋องปราดเปรื่องไม่ธรรมดา กำหนดชะตาฟ้าดินด้วยมือเดียว ข้าน้อยนับถือมากจริง ๆ”
เหมียวอี้ไม่เกรงใจเช่นกัน “ยังมีอีกเรื่องต้องให้เจ้าวิ่งเต้นอีกสักรอบ”
สวีถังหรานทาสีหน้าฮึกเหิมทันที่ไม่กลัวงานเยอะงานลำบาก กลัวก็แต่จะไม่มีงานทา กอย่างที่บอก ประสบการณ์ในหลายปีได้พิสูจน์แล้ว เขาไม่กลัวว่าท่านอ๋องจะก่อเรื่อง ยิ่งเรื่องราวใหญ่โตก็ยิ่งดี เพราะทุกครั้งหลังจากเกิดเรื่องใหญ่ เขาก็จะได้รับผลตอบแทนมหาศาลตามไปด้วย เรื่องในครั้งนี้เขาเห็นทิศทางที่กระบี่ของท่านอ่องชี้ไปแล้ว เร้าใจมาก รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจจนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ! คาดว่าเรื่องเข่นฆ่าทาศึกคงไม่ถึงคร่าวใช้งานเขาหรอก เขากลัวว่าจะโดนทิ้งไว้ข้าง ๆ กลัวไม่มีโอกาสให้เขาได้สร้างผลงาน ถ้าไม่ได้สร้างผลงานใหญ่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเขาได้ลำบากทำงานก็พอแล้ว
สุดท้ายถ้าตบรางวัลตามผลงาน เขาก็จะต้องได้รับส่วนแบ่งสักส่วนแน่นอน
เขารีบยื่นหน้ามาใกล้ “ท่านอ๋องกาชับมาได้เลยขอรับ ต่อให้ข้าน้อยบุกน้าลุบไฟก็จะไม่ปฏิเสธ!”
“เจ้าชิงจะเตรียมกำลังพลกลุ่มหนึ่งให้เจ้า เจ้าไปคุมที่ตระกูลหวงฝู่เอาไว้ ไม่ว่าสุดท้ายเรื่องราวจะดำเนินไปยังไง ถ้าเกิดเหตุไหมคะคิดอะไรขึ้น จาไว้แค่อย่างเดียวว่า ต้องคุ้มครองให้หวงฝู่จวินโหรวหนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันกับนาง เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาพบข้าอีกเหมือนกัน!” เหมียวอี้กล่าว
สวีถังหรานยืดอก ตอบด้วยสีหน้าเคารพอย่างสูง “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าน้อยไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรกับนางเด็ดขาด ถ้าทำให้นำงผมหลุดแม้แต่เส้นเดียว ไม่ต้องให้ท่านอ๋องลงโทษหรอก ข้าน้อยจะเด็ดหัวตัวเองมีารับผิดกับท่านอ๋องเอง!”
หยางเจาชิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ที่จริงแล้วปวดประสาทนิดหน่อย
ทว่าเหมียวอี้ชื่นชมท่าทีของสวีถังหราน ไม่ใช้เพราะสวีถังหรานประจบสอพลอจนเขาสบายใจ แต่เป็นเพราะไม่ว่าเรื่องอะไรที่สวีถังหรานรับประกันต่อเขา ก็ล้วนทาสำเร็จเสมอ ไม่เพียงแค่ทำได้ แต่ยังทำได้ดีมากด้วย แม้แต่สิ่งที่เจ้าคิดไม่ถึง อีกฝ่ายก็ยังรับใช้จนเจ้าสบายอกสบายใจได้
แม้แต่อวิ๋นจือชิวก็ยังพูดถึงสวีถังหรานในทางที่ดี บอกว่าสวีถังหรานใช้งานถนัดมือถ้ามเรื่องอะไร แค่อธิบายให้ชัดเจนแล้วให้เขาไปจัดการต่อให้ตัวเองจะลาบากแต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้งานพัง เป็นคนที่ทำงานตามคำสั่งได้ดีคนหนึ่งเลย
แน่นอน เจ้าหนุ่มนี่ก็มีข้อเสียเหมือนกัน ขอเพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะวิธีการสั่งชาอะไรก็งัดออกมาใช้ได้หมด ไม่เคยแยแสเลยว่าคนอื่นจะมองอย่างไรหรือคิดอย่างไร
“อืม!” เหมียวอี้พยักหน้า “จับตาดูทางโถงชุมนุมอัจฉริยะให้ดีด้วย ในเวลานี้ข้าไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอะไร”
“จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่องานใหญ่ของท่านอ๋องแน่นอน!” สวีถังหรานรับประกันอีกครั้ง
“ดีเรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ เจ้ารีบไปเตรียมการเถอะ” เหมียวอี้โบกมือ
หยางเจาชิงยื่นมือเชิญ สวีถังหรานกลับทาความเคารพก่อนแล้วเดินตามเขาไป
ระหว่างทาง บังเอิญเจอกับหยางชิ่งที่กลับมาแล้ว หลังจากเห็นหยางชิ่งกับหยางเจาชิงพยักหน้าที่กทายให้กันแล้วเดินเข้าไปข้างในโดยไม่มีใครขวาง ทหารยามก็ไม่ขวางเช่นกัน สวีถังหรานจึงเดินไปสองสามก้าวแล้วหันกลับมาจองเงาหลังของหยางชิ่ง ในใจรู้สึกสงสัยนิดหน่อย…
“ท่านอ๋อง!” หยางชิ่งเข้ามาในโถงแล้วทาความเคารพ
เหมียวอี้พยักหน้า “ลำบากแล้ว ทางฝั่งนั้นจัดการเรียบร้อยแล้วสินะ ?”
” เตรียมการเรียบร้อยแล้วขอรับ คงจะไม่มีปัญหาอะไร” หลังจากหยางชิ่งตอบแล้ว ก็นากระบี่ด้ามหนึ่งออกมาจากกาไลเก็บสมบัติ ยาวครึ่งจั้ง ตัวกระบี่เป็นสีขาวดุจหิมะทั้งด้ามแต่กลับเปล่งรัศมีสีทองระดับความคมของกระบี่ แค่ใช้สายตาประเมินก็มองออกแล้ว
กลับด้านกระบี่แล้วยื่นให้แสดงออกว่าไม่มีเจตนาเป็นศัตรูใช้สองมือถือกระบี่มอบให้
เหมียวอี้อึ้งเล็กน้อย รับกระบี่มาไว้ในมือเงียบ ๆ พลิกดูกระบี่ด้ามใหญ่ไปมา พอใช้น้วดีดตัวกระบี่เบา ๆ ก็มีเสียงดังทึบ ๆ “ตึก” ไม่ใช้เสียงทองและเสียงหยก จึงถามอย่างสงสัยว่า “อย่าบอกน่ะว่านี่คือกระบี่เก้าเตาของประมุขชิง ?”
หยางชิ่งตอบว่า “ใช้แล้ว เดิมทีประมุขชิงประทานให้หวังติ้งเฉา ตอนหลังห่วงติ้งเฉาโดนชิงหยวนจุนฆ่า มันจึงตกอยู่ในมือชิงหยวนจุน ว่ากันว่าเป็นอาวุธที่ประมุขชิงใช้บุกยึดใต้หล้าในปีนั้น การที่เขาประทานให้หวังติ้งเฉาได้ จะเห็นได้ว่าเชื่อใจหวังติ้งเฉาขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่หวังติ้งเฉาติดตามรับใช้ชิงหยวนจุน ได้รับใช้ผิดคน ไม่ได้เสพสุขจากความเมตตาของประมุขชิง ได้ยินว่ากระบี่นี้หลอมสร้างมาจากแร่ผลึกประหลาดที่หายากที่สุด ในเหมืองแร่แห่งหนึ่งอาจจะหาแร่ผลึกประหลาดชนิดนี้ไม่เจอเลยก็ได้ สามารถหลอมสร้าง
กระบี่วิเศษแบบนี้ออกมาได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง ได้ยินว่ากระบี่ด้ามนี้ตระกูลเซี่ยโห้วเคยมอบให้ประมุขชิงเมื่อนำนมาแล้ว มีความหมายแฝงว่าอยู่ยงคงกระพัน ว่ากันว่าในมือหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วยังมีกระบี่วิเศษที่ทำจากผลึกประหลาดสีดำอยู่อีกด้ามหนึ่ง คมกว้ากระบี่ด้ามนี้ว่ากันว่าเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้ว”
“อยู่ยงคงกระพัน! ของดีที่ประมุขชิงใช้บุกยึดใต้หล้าตกอยู่ในมืออ๋องผู้นี้แล้ว ถือว่าเป็นลางดี่” เหมียวอี้หัวเราะเบา ๆ พลิกมือหยิบกระบี่วิเศษผลึกแดงด้ามหนึ่งออกมา นากระบี่สองด้ามมาโบกฟันกัน เกิดเสียงดังแกร๊ง กระบี่วิเศษสีแดงแตกหักทันที่เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “เป็นกระบี่วิเศษที่คมดีมาก!”
แกร๊ง! เขาโยนกระบี่วิเศษที่หักครึ่งทิ้ง แล้วนากระบี่เก้าเตามาจ่อบนคอตัวเองอย่างไม่พูดพร่าทาเพลง
“ท่านอ๋อง…” หยางชิ่งตกใจ นึกว่าเขาจะปาดคอผลก็คือพบว่าเหมียวอี้ก็แค่ดึงเชือกเสันหนึ่งบนคอมาปาดหั่นเท่านั้น
จี๊ด! คมกระบี่กับเชือกเสียดสีกันจนเกิดเสียงดังแสบหูทว่าเชือกกลับไม่ขาด
หยางชิ่งสงสัยไม่หยุด ไม่รู้ว่าเชือกที่เหมียวอี้ใส่ไว้บนคอคืออะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่วิเศษที่คมขนาดนี้ก็ยังต้านทานได้!
หลังจากหันซ้ำไปซ้ำมา ในที่สุดเชือกเสันั้นนก็ขาดแล้ว
พอเก็บเชือกที่ตกลงพื้นขึ้นมา มองดูลูกประคาสีเขียวเข้มในฝ่ามือในใจเหมียวอี้ก็รู้สึกทึ่งไม่หยุด ในปีนั้นหลังจากสวมใส่สร้อยเส้นนี้ไว้บนคอเขาก็ไม่เคยถอดออกอีกเลย ไม่ใช้ว่าเขาไม่อยากจะถอดออกมาดูแต่เป็นเพราะไม่มีทางถอดออกได้ ใช้อาวุธแหลมคมมาทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถตัดเชือกเสันนี้ให้ขาดได้ ตอนนี้ใช้กระบี่เก้าเตา ในที่สุดก็ตัดขาดแล้ว
เมื่อเห็นเหมียวอี้ทาสีหน้าตกตะลึง หยางชิ่งก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านอ๋อง นี่คือวัตถุอะไรกัน ?”
เหมียวอี้ยิ้มบาง ๆ “เป็นของขวัญแรกพบจากท่านผู้นั้น”
หยางชิ่งขานรับ “อ้อ” คิดในใจว่า มิน่าล่ะ เป็นของทนทานที่ขนาดกระบี่เก้าเตายังตัดทาลายไม่ได้ง่าย ๆ เกรงว่าคงไม่ใช้ของที่คนธรรมดาจะมีได้เช่นกัน
พอกลับด้านกระบี่วิเศษ เหมียวอี้ก็ยื่นให้”ท่านบุรุษสร้างผลงานใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีอะไรจะเป็นรางวัล มอบกระบี่นี้ให้ท่านบุรุษแล้วกัน!”
หยางชิ่งรีบถอยหลังและโบกมือกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนว่า “กระบี่นี้เป็นอาวุธชั้นดีที่ประมุขชิงใช้บุกยึดใต้หล้าในปีนั้น มีที่มาที่ไปแบบนี้ ก็แสดงว่าไม่ใช้กระบี่วิเศษธรรมดา เปป็นของที่มีความหมายแฝงพิเศษ กลายเป็นกระบี่แห่งราชันสวรรค์ มีแต่คนที่มอำนาจคู่ควรกับกระบี่ด้ามนี้เท่านั้นถึงจะนำออกมาใช้ได้ คนส่วนใหญ่ไม่มีวาสนาใช้มันได้เลย ดีไม่ดีอาจจะนำภัยมาสู่ตัวเองก็ได้ หวังติ้งเฉาก็เป็นตัวอย่าง
ให้เห็นแล้ว! ข้าน้อยมิับงอาจรับรางวัลนี้เด็ดขาด กระบี่ดังนี้ มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่คู่ควร”
เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เจ้าไปเรียนประจบสอพลอมาจากไหน ? ก็ได้ ในเมือเจ้าพูดซะร้ายแรงขนาดนั้น ข้าก็ไม่ทำให้เจ้าลำบากใจแล้วกัน” เขาพลิกมือเก็บกระบี่วิเศษ แล้วเพ่งมองจี้ในมืออย่างละเอียด
ของสิ่งนี้อยู่กับเขามาหลายปี เขาคุ้นชินมาตั้งนานแล้ว พอถอดออกอย่างกระทันหัน ก็รู้สึกว่าขาดอะไรไป หลังจากลังเลซ้ำ ๆ เขาก็ใส่กลับคืนมาที่คออีก ผูกมันไว้อีกครั้ง
พอวางมือลงก็ถือโอกาสหยิบระฆังดาราอันหนึ่งขึ้นมา แล้วเลิกคิ้วอุทานว่า “เฉิงไที่เจ๋อ!”
ทั้งสองสบตาให้กันอย่างร้อยู่แก่ใจ
หลังจากเชื่อมสัญญาณระฆังดาราแล้ว เหมียวอี้ก็ถามว่า : ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเฉิงมีอะไรจะชี้แนะ ?
เฉิงไที่เจ๋อ : น้องชายร้อยู่แก่ใจแล้วยังจะถามอีกทำไม น้องชายบอกว่าจะให้ทางรอดข้า ไม่ทราบว่าทางรอดอยู่ที่ไหน ?
เฉิงไที่เจ๋อ : ทุกคนล้วนี้เป็นคนชัดเจน อ้อมค้อมไปจะมีความหมายอะไร ?
เหมียวอี้ : ข้าบอกแล้วว่าให้มาหาข้า นี่ยังตรงไม่พออีกเหรอ ? ขออเพียงเจ้ามาหาข้า ข้ารับรองว่าตระกูลเฉิงไม่ต้องกังวลเรื่องที่อันตรายถึงชีวิต!
เฉิงไที่เจ๋อ ่ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ ?
เหมียวอี้ : ท่านอ๋องกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ ? ถ้าเจ้าไม่ให้กำลังพลกลุ่มนั้นกับข้า ข้าจะอาศัยอะไรไปทาเรื่องที่เปลืองแรงทั้งยังล่วงเกินคนอื่น ?
เฉิงไที่เจ๋อตกใจมาก ถามว่า : เจ้าอยากได้กำลังพลในมือข้าเหรอ ? ต่อให้ข้าให้แต่เจ้าจะกล้ารับไว้เหรอ ?
เหมียวอี้ : กลัวว่าจะให้น้อย ไม่กลัวว่าจะให้เยอะ เจ้าว่าข้ากล้ามั้ยล่ะ ?
พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท