บทที่ 252 สมรู้ร่วมคิดยึดที่ดิน
บทที่ 252 สมรู้ร่วมคิดยึดที่ดิน
หมอเหลยกลอกตาและครุ่นคิด แต่เขาคิดวิธีแก้ปัญหาดี ๆ ไม่ได้ จึงกล่าวได้เพียงว่า “คุณชายกู้ ในตอนนี้แม้ว่าเราจะไม่มีทางออกที่ดี แต่บางทีในอนาคตอาจจะคิดออก ท่านรอสักหน่อย หากข้าคิดวิธีอื่นได้ จะมาหาท่านอีกครั้ง”
เมื่อได้ยินหมอเหลยกล่าวเช่นนี้ กู้ฉวนลู่ก็ทำได้เพียงพยักหน้า
หมอเหลยผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก ได้ยินมาว่าคนของทางการในที่ว่าการอำเภอและหมอเหลยผู้นี้มีมิตรภาพต่อกัน
“หมอเหลย ท่านรู้จักกับทางการไม่ใช่หรือ?” กู้ฉวนลู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็มีความคิดที่ดี ๆ ขึ้นมา
“อืม ก็รู้จักกันอยู่!”
“ฟังนะ ท่านช่วยหาคนรู้จักแล้วทำโฉนดทางการสักสองสามแผ่น และเอามาได้หรือไม่?”
“ท่าน…” ทันทีที่หมอเหลยคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็เข้าใจในทันทีว่ากู้ฉวนลู่หมายถึงอะไร “ท่านหมายถึง พวกเราจะสร้างโฉนดที่ดินปลอมอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นไปที่ว่าการอำเภอแล้วไปทำโฉนดที่ดินกัน อย่างไรก็ตาม สาวน้อยผู้นั้นอยู่ไกลจากที่นี่มาก คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกเราไปยื่นทำโฉนดที่ดินกันก่อน เมื่อถึงตอนนั้นหากมีคดีความเกิดขึ้น ท่านก็ไปหาท่านเจ้าเมืองเพื่อทำให้ที่ดินนี้เป็นของพวกเรา”
ครั้นได้ยินสิ่งที่กู้ฉวนลู่กล่าว ดวงตาของหมอเหลยก็เป็นประกาย “มีที่ดินเท่าไร?”
“ห้าสิบหมู่!” กู้ฉวนลู่กล่าว “หลังจากเรื่องนี้จัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง!”
เรื่องนี้กู้ฉวนลู่เข้าใจดีว่าถ้าเขาไม่วางเหยื่อขนาดใหญ่เช่นนี้ ชายแซ่เหลยผู้นี้คงจะไม่ทำอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม โฉนดที่ดินปลอมนี้ และทางการทั้งหมดคือสิ่งที่เขากำลังมองหา ดังนั้นเขาจะมอบเพียงแค่ที่ดินครึ่งหนึ่งแก่เขา แล้วปล่อยเขาไปทำงานหนักก็พอแล้ว
“นี่เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?” หมอเหลยดีใจมาก ด้วยการใช้เส้นสายกับทางการเพื่อจัดการเรื่องนี้ก็สามารถได้ที่ดินครึ่งหนึ่ง เมื่อลองคิดดูก็รู้สึกว่านี่เป็นข้อตกลงที่ดี
“นั่นเป็นเรื่องปกติ” หลังจากกล่าวจบ เขาก็หยิบเงินยี่สิบตำลึงเงินจากแขนเสื้อและส่งให้หมอเหลย “คาดว่าการดำเนินการจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ข้าจึงเตรียมเงินยี่สิบตำลึงเงินมา เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องรบกวนหมอเหลยแล้ว” กู้ฉวนลู่รู้สึกมวนท้อง เมื่อคิดถึงที่ดินยี่สิบห้าหมู่และเงินยี่สิบตำลึงเงิน ถ้าเขาไม่ยอมให้ลูกจับหมาป่า*[1] แต่เพื่อที่ดินยี่สิบห้าหมู่แล้ว นี่มันก็นับว่าคุ้มค่า
หมอเหลยรับเงินยี่สิบตำลึงเงินด้วยรอยยิ้ม ใส่มันลงในกระเป๋าของเขา ตบที่หน้าอกแผ่วเบาและกล่าวอย่างมั่นใจ “คุณชายกู้ ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เมื่อเห็นว่าหมอเหลยมั่นใจมาก กู้ฉวนลู่ก็กล่าวคำดี ๆ อีกสองสามคำ จนกระทั่งชายข้างนอกเขามาบอกว่าหลี่ซื่อได้พากลุ่มคนบุกเขามา กู้ฉวนลู่ที่กลัวว่าเขาจะได้รับผลกระทบจึงรีบออกไปทางประตูหลัง
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังสนใจในโฉนดที่ดินของนาง และเมื่อนางคิดว่าตนเองจะเป็นคนที่มีที่ดินในอนาคต ไม่ต้องพูดว่านางตื่นเต้นแค่ไหน ฉินเย่จือที่ติดตามนางตลอดเวลาจึงสังเกตท่าทางนางได้โดยธรรมชาติ เมื่อเห็นเด็กสาวมีความสุขและได้รู้เหตุผล ฉินเย่จือก็มีความสุขมากเช่นกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉินเย่จือก็ทานอาหารเย็นอีกครั้ง เมื่อกินเสร็จก็ออกจากบ้านกู้ไป อาโม่รอเขาอยู่ที่เดิมมานานแล้ว
“นายท่าน หลี่ฝานกลับมาแล้ว” ฉินเย่จือพ่นลมหายใจเมื่อรู้อย่างนั้น
วันนี้ตอนอยู่ในเมืองเขาได้เห็นหลี่ฝานแล้ว แต่เพื่อไม่ให้หลี่ฝานได้พบตนเอง เขาจึงขอให้กู้เสี่ยวหวานไปคืนถุงเงินให้กับหญิงผู้นั้นด้วยตัวนางเอง
“นายท่าน ท่านต้องการบอกหลี่ฝานเกี่ยวกับการไปที่ร้านจิ่นฝูของแม่นางกู้หรือไม่?” อาโม่กล่าว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้ยินข้อมูลมากมายจากร้านจิ่นฝู เดิมทีเมื่อหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิออกมาหลังปีใหม่ พวกเขาได้บรรจุไว้เต็มเกวียนและไปที่ร้านจิ่นฝู แต่เขาถูกคนทำบัญชีที่ชื่อเหมียวเอ้อร์ขัดขวางไว้
เหมียวเอ้อร์ร์ผู้นี้อาศัยจังหวะที่หลี่ฝานไม่อยู่ร้านกระทำการบางอย่างเพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว
ฉินเย่จือคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “อืม ให้เขาได้รู้เรื่องเหมียวเอ้อร์ซะ ไม่สามารถเก็บคนผู้นี้ไว้ได้เพียงเพราะเหมียวเอ้อร์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับที่ว่าการอำเภอ คนเช่นนี้ สักวันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่!”
อาโม่พยักหน้าตอบรับ วางแผนที่จะไปที่ร้านจิ่นฝูอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ฉินเย่จือยืนเอามือไพล่หลังและมองดูไฟในหมู่บ้านอู๋ซีจากเชิงเขา ไฟในบ้านของกู้เสี่ยวหวานดับลง และดูเหมือนว่าพวกนางจะหลับไปแล้ว ลมยามเย็นพัดมา และเสื้อคลุมบนตัวของเขาก็ปลิวไปตามลม
ในคืนที่เงียบสงัด หากแต่หัวใจเต็มไปความอ่อนโยน เนื่องจากฉินเย่จือใช้ชีวิตอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะมีพี่น้องมากมาย แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถปฏิบัติต่อกันได้อย่างจริงใจ ในตอนนี้เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานปกป้องพี่น้องของนางเช่นนี้ ฉินเย่จือก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างอธิบายไม่ถูก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาในบ้านกู้นี้ เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นระหว่างพวกเขา
ฉินเย่จือกระหายความอบอุ่นเช่นนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดและต้องการมากที่สุดในชีวิตสิบห้าปีของเขา
ความร่ำรวยหรือมีอำนาจแล้วอย่างไร อยู่เหนือกว่าแล้วอย่างไร ผู้คนต่างใฝ่หาอะไรในชีวิตนี้ ความร่ำรวยหรือมีอำนาจจะไม่มีความหมาย และมีเพียงความจริงข้อนี้เท่านั้นที่เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกนี้
หมู่บ้านอู๋ซีทั้งหมดเงียบลง แต่บ้านเก่าของตระกูลกู้นั้นกลับมีเสียงดังอื้ออึง
เฉาซื่อปกป้องสิ่งของในมือของนางอย่างแน่นหนา และจ้องไปที่กู้ฉวนโซ่วที่กำลังจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของนาง
ใบหน้าและหูของกู้ฉวนโซ่วนั้นแดงก่ำ เขากำลังเมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยฤทธิ์สุรา การยืนของเขาค่อนข้างไม่มั่นคง โซเซเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาของเขามีแสงประกายวาบ “เอาของมาให้ข้า!”
เมื่อสักครู่เฉาซื่อกำลังจัดของต่าง ๆ อยู่ หลังจากแต่งงานเข้าตระกูลกู้มานาน นางก็เก็บเครื่องประดับทองและเงินจำนวนมากไว้ ซึ่งนางเก็บไว้ในที่ปลอดภัย คืนนี้นางไม่มีอะไรทำ นางจึงหยิบของพวกนี้ออกมาดู เนื่องจากนางเป็นหนี้เฉาฮุยอยู่ยี่สิบตำลึงเงินและไม่รู้ว่าเจ้าขยะนั่นจะมาพูดเรื่องไร้สาระอีกเมื่อไร ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ ใจของเฉาซื่อก็รู้สึกสับสน ถ้าไม่รีบนำเงินไปให้เฉาฮุยในเร็ว ๆ นี้ ใครจะรู้ว่าอะไรจะรั่วออกจากปากเขาอีก
ในเวลานี้เฉาซื่อไม่เคยไม่คิดถึงสิ่งเหล่านี้ แต่นางยังมีความคิดในใจว่าจะหาเงินจากกู้ฉวนโซ่วได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่กี่เดือนต่อมา กู้ฉวนโซ่วนำของมีค่าทั้งหมดไปเก็บไว้และไม่นำออกมาเลย เฉาซื่อจึงไม่มีโอกาส และเมื่อเวลาผ่านไปเฉาซื่อก็รู้สึกประหม่ามากขึ้นทุกวัน
*[1] แปลว่า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์บางอย่างและต้องจ่ายในราคาที่สอดคล้องกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความคิดของกู้ฉวนลู่กับหมอเถื่อนเหลยมันช่างเลวทรามจริง ๆ
ไหหม่า(海馬)