บทที่ 265 ลงนามในสัญญา
“ค่าตอบแทนเดือนละแปดตำลึงเงิน ค่ากินดื่มรวมอยู่ในนั้น อืม… เจ้าว่าอย่างไร?” หลี่ฝานเสนอค่าตอบแทนที่สูงกว่าเหมียวเอ้อร์ให้กู้เสี่ยวหวาน ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูของเหมียวเอ้อร์ ไม่รู้ว่าเขาจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขนาดไหน
การที่หลี่ฝานยอมจ่ายแพงเช่นนี้ เป็นเพราะ หนึ่งคือเขาเชื่อในความสามารถของกู้เสี่ยวหวาน สองคือเขาเชื่อในการคำนวณบัญชีของกู้เสี่ยวหวาน สามคือเขาเอ็นดูกู้เสี่ยวหวาน บ้านหลังนี้ทรุดโทรมยิ่งนัก และอย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายที่กู้เสี่ยวหวาน เด็กหญิงวัยเก้าขวบจะค้ำจุนครอบครัวแต่เพียงตัวคนเดียว
ดังนั้นเขาจึงต้องดูแลกู้เสี่ยวหวานให้ดีหน่อย และเงินเดือนที่เขาเสนอนั้นสูงกว่าเงินเดือนของคนทำบัญชีทั่วไปมาก และเงินเดือนก็สูงกว่าค่าตอบแทนของเหมียวเอ้อร์สองตำลึงเงิน
หลังจากกู้เสี่ยวหวานได้ฟังข้อเสนอ ในใจก็รู้สึกเป็นกังวล แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเงินเดือนทั่วไปของคนทำบัญชีคือเท่าไร แต่ในช่วงปีใหม่ นางได้ยินป้าจางเคยพูดว่า ในหนึ่งเดือนกู้ฉวนลู่ได้เงินประมาณสี่ถึงห้าตำลึงเงิน แต่เงินเดือนที่หลี่ฝานจะจ่ายให้นั้นมากถึงแปดตำลึงเงิน มันมากกว่ากู้ฉวนลู่เสียอีก เช่นนี้กู้เสี่ยวหวานจะไม่ลังเลได้อย่างไร?
ถ้าไปทำงานแค่สองครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ เดือนหนึ่งก็แปดครั้งและได้เงินแปดตำลึงเงินต่อเดือน
ค่าตอบแทนนั้นสูงมาก กู้เสี่ยวหวานจึงก้มศีรษะลง และครุ่นคิดอย่างหนัก
เมื่อหลี่ฝานเห็นท่าทางนั้นของกู้เสี่ยวหวาน จึงกล่าวต่อ “สาวน้อยกู้ ข้าได้ยินจากเสี่ยวเซิ่งจื่อว่าเจ้ามีน้องชายที่เรียนอยู่ที่หอหนังสืออวี้ โชคดีที่ร้านจิ่นฝูอยู่ไม่ไกลจากหอหนังสืออวี้มากนัก ถึงเวลานั้นก็จะสะดวกต่อการไปเยี่ยมน้องชายของเจ้า”
ใช่แล้ว กู้เสี่ยวหวานดีใจมาก พยักหน้าและกล่าวกับหลี่ฝาน “ตกลง! ข้าจะไปเป็นคนทำบัญชีที่ร้านของท่าน อย่างไรก็ตาม ข้าเป็นเด็กหญิงที่จะเป็นคนทำบัญชี คงจะไม่สะดวกมากนัก และที่เถ้าแก่หลี่ให้ราคาสูงเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกละอายใจหากทำผลงานได้ไม่ดี ข้าจะทำไปจนกว่าเถ้าแก่หลี่จะหาคนทำบัญชีที่ไว้ใจได้”
แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานรู้ว่าที่เถ้าแก่หลี่เสนอเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเช่นนี้เพื่อดูแลตนเอง แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถชะลอกิจการของร้านจิ่นฝูได้ หากในอนาคตเขาพบคนทำบัญชีที่น่าเชื่อถือ นางก็จะยกหน้าที่นั้นให้เป็นของคนทำบัญชีคนใหม่ เพราะตามปกติแล้วคนทำบัญชีจะต้องอยู่ที่ร้านอาหารตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่กู้เสี่ยวหวานไปที่นั่นเพียงสัปดาห์ละสองครั้ง ซึ่งนี่จะทำให้การดำเนินงานของร้านอาหารล่าช้า นางจึงไม่สามารถการทำงานของร้านอาหารล่าช้า
หลี่ฝานเข้าใจความหมายของกู้เสี่ยวหวาน และรู้สึกว่าการตัดสินใจของเขานั้นไม่ผิด
“สาวน้อย เรามาลงนามสัญญากันดีหรือไม่?” หลี่ฝานกล่าวอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนใจ
คนทำบัญชีที่ดีเช่นนี้หาได้ยาก ดังนั้นเขาจึงต้องจองตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนใจ
เมื่อเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานจึงคลี่ยิ้ม ราวกับว่าจะมองผ่านความคิดของหลี่ฝานได้ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานยิ้มเช่นนี้ หลี่ฝานรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อรู้ว่านางเข้าใจในสิ่งที่เขาคิด แต่หลังจากคิดดูแล้ว มันก็คุ้มค่าที่จะถูกคนทำบัญชีที่ดีเช่นนี้ล้อเลียน
หลี่ฝานร่างสัญญาเสร็จ กู้เสี่ยวหวานอ่านมันอย่างละเอียด มันคล้ายกับสัญญาจ้างงานในสมัยใหม่ ความหมายทั่วไปคือการรับสมัครกู้เสี่ยวหวานเป็นคนทำบัญชีของร้านจิ่นฝู ซึ่งทำงานสองวันต่อสัปดาห์ โดยมีเงินเดือนแปดตำลึงเงิน พร้อมอาหารและที่พัก
ที่หลี่ฝานเขียนเช่นนี้ก็เพราะกลัวว่าหากนางไม่สามารถชำระบัญชีในวันนั้นเสร็จ นางจะได้พักผ่อนในร้านอาหารหนึ่งคืน กู้เสี่ยวหวาน รู้สึกขอบคุณสำหรับความใส่ใจของหลี่ฝาน และยังเต็มไปด้วยความคาดหวังหากนางจะเข้าสู่ร้านจิ่นฝูในฐานะคนทำบัญชี
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานอ่านแล้วและพบว่าไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นนางจึงลงชื่อลงในใบสัญญานั้น ต่อมาหลี่ฝานก็ลงชื่อของตนเอง เขาทำเอกสารสองชุด หนึ่งฉบับสำหรับกู้เสี่ยวหวาน และอีกฉบับสำหรับหลี่ฝาน
หลังจากลงนามในสัญญาเสร็จสิ้น หลี่ฝานก็ยังไม่ได้จากไป และกล่าวต่อว่า “สาวน้อยกู้ มีอีกเรื่อง!”
“เถ้าแก่หลี่ ว่ามาได้เลยเจ้าค่ะ”
“เป็นเช่นนี้ ครั้งล่าสุดที่เจ้ามาส่งของที่ร้านอาหาร แต่ถูกเหมียวเอ้อร์ขัดขวางไว้ ข้ารู้สึกละอายใจเล็กน้อย ถ้าข้ารู้ว่าเหมียวเอ้อร์เป็นคนเช่นนี้ เจ้าก็จะไม่ถูกดูหมิ่น!” หลี่ฝานกล่าวจากใจของเขา ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเหมียวเอ้อร์ใช้คำพูดดูถูกกู้เสี่ยวหวาน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และเขาต้องการชดเชยให้นาง นอกจากนี้ เมื่อในอนาคตกู้เสี่ยวหวานกลายเป็นคนทำบัญชีของร้านจิ่นฝูแล้วก็คงจะสะดวกกว่านี้
“สาวน้อยกู้ ข้าต้องการลงนามในสัญญาซื้อขายระยะยาวกับเจ้า” หลี่ฝานกล่าว
กู้เสี่ยวหวานแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง และมองไปที่หลี่ฝานอย่างตื่นเต้น นางจึงถามด้วยความกะตือรือร้นอย่างมาก “เถ้าแก่หลี่ ท่านพูดอะไรนะเจ้าคะ ท่านต้องการลงนามในสัญญาซื้อขายระยะยาวกับข้าใช่หรือไม่?”
หลี่ฝานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของกู้เสี่ยวหวานก็ราวกับว่าเขาได้เห็นลูกของตนเองได้เล่นอย่างสนุกสนานและมีเสื้อผ้าที่ดีใส่ ท่าทางที่มีความสุข และหัวใจก็เต็มไปด้วยความสุข
เสี่ยวเซิ่งจื่อที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นในเวลานี้ “แม่นางกู้ เจ้าได้ยินถูกแล้ว เถ้าแก่ต้องการลงนามในสัญญาซื้อขายระยะยาวกับเจ้า”
ระหว่างทางจากเมืองหลิวเจียไปยังหมู่บ้านอู๋ซี เถ้าแก่ได้บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนแรกที่จะมาที่หมู่บ้านอู๋ซีนี้ เถ้าแก่ขอให้เขาไปหารถม้าที่ธรรมดาที่สุด ตอนนั้นตนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ เถ้าแก่เลยอธิบายว่า เขากลัวว่ารถม้าของร้านนี้จะดูหรูหราและสะดุดตามากเกินไป ถ้าไปจอดอยู่ที่หน้าบ้านของครอบครัวกู้ คนอื่น ๆ คงจะมาสนใจมากเกินไป เมื่อเสี่ยวเซิ่งจื่อได้ยินเช่นนั้นก็เขาใจว่าเถ้าแก่คงไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับกู้เสี่ยวหวาน ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก เสี่ยวเซิ่งจื่อที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่ของตนชื่นชมกู้เสี่ยวหวานเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากตนเองและกู้เสี่ยวหวานรู้จักกันอยู่แล้ว และเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงบอกหลี่ฝานเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากได้ฟังเรื่องนี้หลี่ฝานก็รู้สึกแปลกไปเล็กน้อย และคิดว่าลูก ๆ ของคนจนต้องทำงานเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็ก และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวว่า “เจ้าบอกว่าถ้าร้านจิ่นฝูของเราลงนามในสัญญาซื้อขายระยะยาวกับกู้เสี่ยวหวาน เจ้าคิดว่านางจะตอบรับหรือไม่!?”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เสี่ยวเซิ่งจื่อก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง และเมื่อเขากลับมารู้สึกตัว เขาก็เข้าใจว่าเถ้าแก่หมายถึงอะไร และรู้สึกมีความสุขกับกู้เสี่ยวหวาน “ถ้าแม่นางกู้รู้ นางจะตกลงอย่างแน่นอน!”
สิ่งที่เสี่ยวเซิ่งจื่อกล่าวนั้นไม่ผิด และเมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเรื่องที่หลี่ฝานเพิ่งขอให้นางเป็นคนทำบัญชีเสียอีก
กู้เสี่ยวหวานหันกลับมามองหน้าหลี่ฝานและเสี่ยวเซิ่งจื่ออย่างตื่นเต้น จากการแสดงออกของพวกเขาทั้งสองสามารถเห็นได้ว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งสองพูดไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอน
“เถ้าแก่บอกข้าว่า การลงนามในสัญญาซื้อขายระยะยาวกับเจ้าเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน!” เสี่ยวเซิ่งจื่อกล่าวจากด้านข้าง “ในใจของเถ้าแก่ค่อนข้างประทับใจในฝีมือของแม่นางกู้และส่วนผสมที่จัดเตรียมให้ ประการแรก กิจการของร้านจิ่นฝูกำลังเฟื่องฟูภายใต้การแนะนำของแม่นางกู้ และประการที่สองแม่นางกู้ยังได้รับเงินเพื่อสนับสนุนครอบครัว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว”