ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 269 ปล่อยข่าวลือ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 269 ปล่อยข่าวลือ

หึ…

ใครให้กู้เสี่ยวหวานไม่บอกวิธีหาเงินกับนางกันล่ะ ครั้งนี้ดีที่กำจุดอ่อนของกู้เสี่ยวหวานไว้แล้ว ครั้งนี้คงจะต้อนกู้เสี่ยวหวานให้จนมุมได้เสียแล้ว!

เมื่อกุ้ยซื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เงินส่วนใหญ่ในครอบครัวกู้นี้ คนรักของนางคงจะให้มาเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยเห็นพวกเขาใส่เสื้อผ้าใหม่มาก่อนล่ะ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กุ้ยซื่อก็ภูมิใจมาก กู้เสี่ยวหวานคงได้เงินมาโดยวิธีนี้แน่นอน

เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอเห็นความดุดันของกุ้ยซื่อจึงถอนหายในอย่างเย็นชา โดยรู้ว่ากุ้ยซื่อจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไป แต่เมื่อเขาคิดว่าชื่อเสียงของสาวน้อยผู้นี้จะต้องถูกทำลายโดยกุ้ยซื่อ เขาก็รู้สึกทนไม่ได้ เขาจึงยังคงเกลี้ยกล่อมกุ้ยซื่อ และอ้อนวอนอย่างขมขื่น “ภรรยยา สาวน้อยกู้และเด็กพวกนั้นไม่มีพ่อแม่ ถือว่าทำความดีเถอะ เด็กพวกนั้นน่าสงสารพอแล้ว!”

สิ่งที่กุ้ยสวิ้นเหอกล่าวนั้นเป็นความจริงใจ ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานนั้นพบเจอเรื่องเลวร้ายมามากพอแล้ว ทั้งพ่อแม่ที่จากไปก่อนวัยอันควร ทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่กู้เสี่ยวอี้ตกจากภูเขาจนเกือบตาย เด็กพวกนี้ช่างน่าสงสาร กุ้ยสวิ้นเหอถอนหายใจ

หากได้อยู่อย่างสงบสุขก็แล้วไป แต่กุ้ยซื่อผู้นี้นั้นจะทำให้โลกวุ่นวายเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของนางเองและต้องการทำลายชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวาน

เลวร้ายอะไรอย่างนี้!

“ฮึ่ม…” กุ้ยซื่อสูดลมหายใจอย่างเย็นชา เหลือบมองกุ้ยสวิ้นเหอ ที่มีสีหน้าอ้อนวอนของเขา และตอบปฏิเสธ “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

กุ้ยสวิ้นเหอยังคงจับมือกุ้ยซื่อไว้เพื่อพูดอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเห็นนางสะบัดมือเขาออก และโบกมือเดินออกไปโดยไม่สนใจว่ากุ้ยสวิ้นเหอจะยังอ้อนวอนอยู่ข้างหลังหรือไม่

เมื่อกุ้ยซื่อเดินไปจนลับสายตา กุ้ยสวิ้นเหอก็ถอนหายใจยาว เหตุใดกุ้ยซื่อจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ นางไม่สงสารเด็กพวกนี้เลยอย่างนั้นเลยหรือ

แต่กุ้ยซื่อผู้นี้ไม่สนใจอะไรเลย นางมีสิ่งดี ๆ อยู่ในใจจะไม่แบ่งปันให้คนอื่นได้อย่างไร นางไม่แม้แต่จะทานอาหารและไม่รู้สึกหิว จึงรีบเร่งไปหาพวกเพื่อนบ้านเพื่อจับกลุ่มนินทา

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าความโกลาหลกำลังรอนางอยู่

หลังจากที่ฉินเย่จือสอนกู้หนิงผิงฝึกศิลปะการต่อสู้ เขาจึงขอให้กู้หนิงผิงกลับไปก่อน หลังจากนั้นเขาก็เห็นอาโม่รีบเข้ามา และกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “นายท่าน มีจดหมายจากเมืองหลวง ขอให้ท่านโปรดกลับไปโดยเร็ว”

รีบขนาดนั้นเลยหรือ? ฉินเย่จือขมวดคิ้ว มองดูกระท่อมที่คุ้นเคยจากบนภูเขาแล้วพยักหน้า ในชั่วพริบตา คนสองคนบนภูเขาก็หายตัวไป

เช้าตรู่ของวันต่อมา กู้เสี่ยวหวานไปที่แม่น้ำเพื่อตักน้ำ หญิงหลายคนที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่ริมแม่น้ำ ครั้นพวกนางเห็นกู้เสี่ยวหวานจึงชี้ไปที่นางและส่งเสียงกระซิบกระซาบกัน แต่ไม่รู้ว่าพวกนางพูดอะไรกัน

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามา ผู้หญิงพวกนั้นก็หยุดพูด มองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสายตามีเลศนัยและกระซิบกันอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานคุ้นเคยกับการพูดลับหลังของคนเหล่านี้แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจเลย หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานตักน้ำเสร็จแล้วนางก็ตรงกลับบ้าน

กลุ่มสตรีริมแม่น้ำก็พูดคุยกันอีกครั้ง

“ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าสาวน้อยครอบครัวกู้เป็นคนแบบนี้!” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าว

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว มีคนเห็นกับตา!”

“อายุแค่เก้าขวบก็รู้จักยั่วยวนผู้ชายเสียแล้ว โตขึ้นมาดีนี่!”

“ใช่แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะไม่มีพ่อแม่คอยดูแลจึงโตมาไร้ยางอายเช่นนี้”

“ใช่แล้ว มีคนมาขอแต่งงานแล้ว กู้เสี่ยวหวานผู้นี้มีความกล้าพอที่จะตกลงแต่งงานโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากพ่อแม่”

“เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ของเด็กเหล่านี้เป็นเงินจากครอบครัวของชายผู้นั้น”

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กเหล่านี้มีดูมีน้ำมีนวลขึ้น อยู่ดีกินดีและแต่งตัวดี!” คนพูดทำหน้าอิจฉา

“ทำไม เจ้าก็อยากหาเศรษฐีด้วยหรือ?” คนที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดอิจฉานั้นจึงกล่าวอย่างเหน็บแนม

หญิงผู้นั้นที่ถูกผู้หญิงข้าง ๆ เหน็บแนม ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นจึงวางท่อนไม้ที่ใช้สำหรับทุบผ้าลงอย่างแรง ทำให้น้ำสาดกระเซ็นไปเป็นวงกว้าง เมื่อผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างโดนน้ำกระเด็นใส่หน้า นางจึงผลักผู้หญิงคนนั้น และกล่าวอย่างดุเดือดว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

ผู้หญิงคนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวและล้มลงกับพื้น โชคดีที่น้ำนั้นลึกแค่เข่าเท่านั้น หญิงคนนั้นร่างกายเปียกโชกจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและดึงผู้หญิงอีกคน จากนั้นทั้งสองจึงตะลุมบอนกัน

“ใครใช้ให้เจ้าพูดเรื่องไร้สาระกัน”

“หึ อยากคิดเป็นหญิงโคมเขียว ทั้งอยากสร้างอนุสาวรีย์*[1]”

“เจ้าพูดอะไร? มาดูกันว่าข้าจะปิดปากเจ้าได้อย่างไร”

“ใครกลัวเจ้ากันล่ะ?” หญิงทั้งสองตะลุมบอนกันอยู่ในน้ำ ทันใดนั้นทุกคนก็เปียกโชก ข้าจับเจ้าและเจ้าก็ข่วนข้า ผมเผ้าของทั้งคู่ก็ยุ่งเหยิง เสื้อผ้าเปียกปอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องน่าอายเลย

ผู้คนที่มองอยู่บนฝั่งเห็นท่าทางขี้เล่นของคนสองคนก็หัวเราะเหมือนกำลังดูลิง

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมากมายหลังจากที่นางจากไป หลังจากที่นางตักน้ำกลับบ้านแล้ว นางเห็นกู้หนิงผิงกำลังขนฟืนอยู่ข้างนอก

ทั้งสองเข้ามาในบ้านด้วยกัน จากนั้นกู้หนิงผิงจึงดึงกู้เสี่ยวหวานไปด้านข้าง และกระซิบว่า “ท่านพี่ รู้หรือไม่ว่าวันที่ห้าเดือนสี่เป็นวันอะไร”

วันที่ห้าเดือนสี่?

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เพราะไม่ใช่วันหยุดปีใหม่ นางจึงไม่มีความประทับใจเลย วันอะไรกันนะ?

วันที่ห้าเดือนห้าเป็นเทศกาลตวนอู่ไม่ใช่หรือ อีกแค่เดือนเดียวก็จะถึงเทศกาลตวนอู่แล้ว วันเวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน!

กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ กู้หนิงผิงที่อยู่ด้านข้างจึงเร่งเร้า “ท่านพี่ ลองคิดใหม่อีกครั้ง”

กู้เสี่ยวหวานยกมืออย่างยอมแพ้ นางจำได้แค่ก่อนวันขึ้นปีใหม่ แต่นางไม่รู้จริง ๆ ว่าครึ่งปีแรกเหลือวันอะไรอีกบ้าง

กู้หนิงผิงตกตะลึงเมื่อเห็นพี่สาวเป็นเช่นนี้ และคาดว่าพี่สาวคงลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว

ทั้งหมดที่สามารถทำได้ก็คือ “ท่านพี่ วันที่ห้าเดือนสี่เป็นวันเกิดของเสี่ยวอี้”

โอ้ กู้เสี่ยวหวานตระหนักในทันใดและกล่าวตำหนิ “ทำไมเจ้าไม่เตือนข้าก่อนหน้านี้”

นางไม่รู้จริง ๆ นางไม่รู้วันเกิดของทั้งสี่คนในครอบครัวเลย ช่วงนี้นางไม่ได้ฉลองวันเกิดเลย ไม่รู้ว่าลืมไปหรือเปล่า เดิมทีกู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเลย ดังนั้นนางจึงไม่ถามคำถามใด ๆ คาดว่าเด็กเหล่านี้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

*[1] อยากทำทั้งดีทั้งชั่วในคราวเดียวกัน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท