ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 270 ให้ของขวัญอะไร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 270 ให้ของขวัญอะไร

“ท่านพี่ ข้าเพิ่งจำได้เมื่อไม่นานนี้เอง” กู้หนิงผิงลูบหัวของเขาอย่างเขินอาย เขาก็จำไม่ได้จริง ๆ แต่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อไม่นานนี้เองที่เขาเห็นเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านฉลองวันเกิดและอวดหมวกใบใหม่ที่พ่อแม่ซื้อให้ เขาจึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

แม้ว่าจะรู้ช้าไปหน่อย แต่ก็ยังทันวันเกิดของเสี่ยวอี้ หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่กล่าวโทษกู้หนิงผิงเมื่อสักครู่นี้ เขายังเด็กอยู่ ดังนั้นการจำวันเกิดของกู้เสี่ยวอี้ไม่ได้จึงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้กู้เสี่ยวหวานก็ถามคำถามอีกสองสามข้อ ในตอนแรกนางบอกว่านางตกลงไปในแม่น้ำครั้งนั้นทำให้ความทรงจำบางอย่างไม่ชัดเจน และจำวันเกิดของกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงไม่ได้ กู้หนิงผิงไม่ได้สงสัยและรู้ว่าพี่สาวต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดไหน จึงบอกว่าเป็นวันที่เจ็ดเดือนเก้า กู้เสี่ยวหวานคือวันที่แปดเดือนสิบเอ็ดห่างจากวันที่นางตกลงไปในแม่น้ำไม่นาน และอีกไม่นานก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว

กู้เสี่ยวหวานแอบเขียนวันเกิดของทุกคนไว้บนกระดาษเพราะกลัวว่านางจะลืมมันไปอีก

เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเสี่ยวอี้แล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงคิดเกี่ยวกับของขวัญวันเกิดที่จะให้น้องสาวของนาง หลังจากคิดดูแล้ว นางยังอยากทำเสื้อผ้าให้น้องสาว และพรุ่งนี้ต้องไปทำบัญชีที่ร้านจิ่นฝู จึงวางแผนที่จะพาน้อง ๆ ไปในเมืองหลิวเจียด้วยกันพรุ่งนี้

กู้เสี่ยวหวานปรึกษากับกู้หนิงผิง จากนั้นกู้หนิงผิงจึงพยักหน้าและบอกว่าของขวัญวันเกิดชิ้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ดี

พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้พูดถึงมันอีก เพื่อทำให้กู้เสี่ยวอี้รู้สึกประหลาดใจ กู้เสี่ยวอี้ตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าพี่สาวของนางกำลังจะพาไปในเมืองวันพรุ่งนี้ นางมีความสุขจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง

เมื่อกู้เสี่ยวหวานพักผ่อนในตอนกลางคืน และนางก็พบปัญหาเข้าแล้ว ฉินเย่จือไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แม้แต่กู้หนิงผิงก็รู้ เขาไปที่ภูเขาเพื่อหาฉินเย่จือ แต่ไม่พบฉินเย่จือเลย เขาจึงคิดว่าฉินเย่จือคงจากไปโดยไม่บอกลาและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

กู้เสี่ยวหวานสบายดี แต่นางเคยชินกับการมีคนมาทานอาหารด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็หายไป มันทำให้นางเกิดความสงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่นานนางก็โล่งใจและมั่นใจว่าคนผู้นี้คงมีที่ไปแล้ว คราวที่แล้วนางไม่ได้เป็นคนบอกหรอกหรือ ถ้าเขาพบถานที่ที่ดีก็ให้เขาจากไป?

คาดว่าเขาได้พบบ้านที่ดี แต่จากไปโดยไม่บอกลาเช่นนี้ก็ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย หลังจากทานอาหารด้วยกันมาหลายวัน แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังรู้ที่จะกระดิกหางเพื่อบอกลาก่อนจากไป แต่คนผู้นี้…

เฮ้อ เขาคงไม่เข้าใจมารยาทจริง ๆ … กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจอย่างเย็นชา และพลิกตัวไปมา นางไม่ต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วและก็ผล็อยหลับไป

ฉินเย่จือที่เพิ่งมาถึงเมืองหลวงจามออกมาอย่างกะทันหัน อาโม่ตื่นตระหนกเล็กน้อยและเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “นายท่าน เกิดอะไรขึ้น? เมื่อคืนท่านโดนลมเยอะหรือเปล่า?” เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดในเมืองหลวง ฉินเย่จือไม่กล้ารอช้า เขาเดินทางเกือบทั้งคืน เกรงว่าลมกลางคืนจะพัดมาคงจะทำให้นายท่านเป็นหวัดเสียแล้ว

ฉินเย่จือโบกมือ “ไม่มีอะไร!”

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย เขาไม่ได้ไม่สบายแต่อย่างใด แต่ทำไมถึงจามล่ะ แปลกประหลาดเสียจริง!

เช้าตรู่ของวันต่อมา กู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้น นางกลัวว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาบัญชีของร้านจิ่นฝูจะสะสมไว้มากถ้าไม่รีบไปก็คงจะไม่ได้ และยังต้องไปร้านขายผ้าจี๋เสียงเพื่อเลือกวัสดุสำหรับตัดเสื้อผ้าให้กู้เสี่ยวอี้ ดังนั้นจึงตื่นแต่เช้าตรู่ กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็ไปในเมืองเช่นกัน และเมื่อพวกเขาได้ยินพี่สาวตื่นขึ้น พวกเขาก็ลุกขึ้น

ตอนนี้กู้เสี่ยวอี้โตขึ้นแล้ว นางไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานช่วยแต่งตัวและสวมรองเท้า นอกจากนี้ เสื้อผ้าฤดูร้อนยังบางและไม่ซับซ้อนในการสวมใส่ ดังนั้นกู้เสี่ยวอี้จึงสวมเสื้อผ้าด้วยตัวเอง จากนั้นจึงไปล้างหน้า

กู้หนิงผิงแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เช็ดหน้าอย่างสบาย ๆ และเข้าไปในครัว เขาต้องการช่วยพี่สาวก่อไฟ

หลังจัดการอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนจึงเข้าไปในเมือง

เนื่องจากกู้เสี่ยวอี้ขาสั้นและเดินช้า ทั้งสามจึงใช้เวลาเดินเข้าเมืองกว่าหนึ่งชั่วยาม กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าจะไปไม่ทัน จึงพากู้เสี่ยวอี้ไปที่ร้านขายผ้าจี๋เสียง พอดีกับที่ร้านขายผ้าจี๋เสียงกำลังเปิดร้าน และพี่ฝูกำลังเอาไม้กั้นประตูลง

เมื่อเห็นว่าพี่ฝูกำลังจดจ่ออยู่กับงานของนาง กู้เสี่ยวหวานก็ร้องเรียกจากด้านหลัง เมื่อพี่ฝูหันกลับมา นางก็เห็นกู้เสี่ยวหวานมองตนด้วยรอยยิ้ม ถัดจากนางคือกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ พี่ฝูจึงวางสิ่งที่ถืออยู่ในมือ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงกู้เสี่ยวหวานและยิ้มอย่างมีความสุข “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”

กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่กู้เสี่ยวอี้และกล่าวว่า “ข้าต้องการทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้น้องสาว”

ชุดที่กู้เสี่ยวอี้ใส่อยู่ในตอนนี้คือชุดที่ทำจากผ้าที่ซื้อจากที่นี่ไปในครึ่งเดือนที่แล้ว ฝีมือของป้าจางนี้ใช้ได้ เสื้อผ้าที่นางทำก็ค่อนข้างน่าพอใจ

ตะเข็บค่อนข้างแข็งแรง สำหรับในพื้นที่ชนบทนั้นดีมากแล้ว

ครั้งนี้กู้เสี่ยวหวานพาน้องสาวมาทำเสื้อผ้าใหม่ แม้ว่าจะมีแขกมาที่ร้านพี่ฝูก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่นางก็เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานด้วย นางรีบดึงกู้เสี่ยวหวานและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้ามาที่นี่เพื่ออุดหนุนกิจการของข้า ข้ามีความสุขมาก แต่เด็กคนนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าใหม่ถูกทำขึ้นในตอนนี้ หลังจากปีใหม่ก็คงจะใส่ไม่ได้แล้ว ช่างสิ้นเปลือง!”

สถานการณ์ในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานไม่ค่อยดี พวกเขาต้องใช้เงินทุกที่ พวกเขาได้ทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับน้องชายและน้องสาวแล้ว และครั้งนี้ก็มาทำเสื้อผ้าใหม่อีก นี่มันสิ้นเปลืองเกินไป

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจว่าพี่ฝูคิดเพื่อตนเอง อย่างไรก็ตาม นางลดเสียงลงและโบกมือเพื่อคุยกับพี่ฝูที่ก้มศีรษะลงและกระซิบว่า “พี่ฝู อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดน้องสาวข้า ข้าอยากจะมอบชุดใหม่ให้นาง เป็นของขวัญวันเกิดอายุครบห้าขวบ”

ทันใดนั้น พี่ฝูก็ตระหนักได้ จึงพยักหน้าและยิ้ม “นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น มันควรจะเป็น”

“พี่ฝูอย่าเพิ่งบอกน้องสาวข้านะเจ้าคะ พวกเราอยากทำให้นางประหลาดใจ”

กู้เสี่ยวหวานขอให้พี่ฝูเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อน พี่ฝูจึงไม่ได้พูดออกมา “ข้ามีญาติคนหนึ่ง ซึ่งอายุเท่ากับเสี่ยวอี้เลย และข้าต้องการทำชุดให้นาง สาวน้อยเสี่ยวหวานมาช่วยข้าเลือกหน่อยสิ”

นางรีบนำกู้เสี่ยวหวานไปเลือกผ้า เนื่องจากนางกำลังจะทำเสื้อผ้าใหม่สำหรับกู้เสี่ยวอี้ กู้เสี่ยวหวานจึงเลือกสีชมพูซึ่งดูเหมาะกับกู้เสี่ยวอี้มาก

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตัวตนที่แท้จริงของฉินเย่จือคือใครกันแน่นะ ทำตัวน่าสงสัยเหลือเกินพ่อหนุ่ม

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท