บทที่ 281 ขอโทษรอบหมู่บ้าน
ถึงแม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ยังคงหันไปมองที่ประตูด้วยความประหม่าอยู่ตลอด
กุ้ยซื่อถูกผู้อาวุโสผู้หนึ่งดึงตัวไว้ และทั้งสองก็เดินไปรอบหมู่บ้านอู๋ซีสามรอบ
ในตอนเริ่มต้น กุ้ยซื่อเดินเร็วมาก และเสียงของนางก็เบามากเช่นกัน คนข้าง ๆ จึงลากกุ้ยซื่อกลับไปที่จุดเริ่มต้นทันที แล้วเริ่มเดินใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้นสักพัก กุ้ยซื่อก็ไม่กล้าประมาท ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเดินนานแค่ไหน และมันก็จะยิ่งน่าอายขึ้นไปอีก
ตอนนี้สายแล้วและชาวบ้านจำนวนมากก็กลับบ้านมาเพื่อทานอาหารเช้า ในเวลานี้ทุกคนในหมู่บ้านต่างอยู่ที่บ้าน และกุ้ยซื่อก็พลางเดินพลางตะโกนไปว่า “ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรใส่ร้ายกู้เสี่ยวหวาน…ข้าผิดไปแล้ว…” นางตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนแรกมีคนออกมาไม่กี่คน แต่ต่อมาทุกครอบครัวก็ออกมา เรื่องราวการพบปะส่วนตัวของกู้เสี่ยวหวานกับคนรักของนางได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน และพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าเรื่องนี้กุ้ยซื่อเป็นคนใส่ร้ายป้ายสีกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นกุ้ยซื่อถูกคนเดินตาม และเดินไปรอบหมู่บ้านพลางตะโกนสารภาพผิด ทุกคนก็เข้าใจได้ในทันที เพราะเดิมทีกุ้ยซื่อผู้นี้ชอบพูดเรื่องไร้สาระและชอบกล่าวโทษผู้อื่นอยู่แล้ว
ในเวลานี้ เรื่องของกู้เสี่ยวหวานได้กระจายออกไป แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของหญิงสาว เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าไม่ควรที่จะพูดเรื่องไร้สาระ ในครั้งนี้เมื่อเห็นว่ากุ้ยซื่อต้องเดินขอโทษรอบหมู่บ้านจึงรู้ได้ว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระของกุ้ยซื่อจริง ๆ และข่าวลือของกู้เสี่ยวหวานก็ค่อย ๆ ซาลงไป
แต่เรื่องที่กุ้ยซื่อต้องเดินขอโทษรอบหมู่บ้านนี้เป็นเรื่องใหญ่
มีหลายคนเดินตามหลังของกุ้ยซื่อเพื่อคอยกำกับนาง
“กุ้ยซื่อผู้นี้นี่จริง ๆ เลย นางไม่ควรใส่ร้ายความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเลย…”
“ก็ใช่น่ะสิ ตนเองก็มีลูกสาวถึงสองคน ไม่มีคุณธรรมเสียจริง”
คนกลุ่มนี้วิพากษ์วิจารณ์กุ้ยซื่อโดยลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าข่าวลือของกู้เสี่ยวหวานที่กระจายออกไป พวกเขาก็มีส่วนร่วมกับนางด้วย
ผู้อาวุโสที่ติดตามกุ้ยซื่อ ครั้นได้เห็นผู้คนเดินตามมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงกล่าวเสียงดังว่า “ชาวบ้านทุกคน กุ้ยซื่อผู้นี้ยอมรับแล้วว่านางกล่าวหาสาวน้อยกู้อย่างผิด ๆ และข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะหยุดเผยแพร่เรื่องนี้ ในอนาคตถ้ายังมีผู้ใดกล่าวถึงเรื่องนี้อีก และถ้าพวกข้าและหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงรู้ คนผู้นั้นก็จะเป็นเช่นเดียวกับกุ้ยซื่อผู้นี้ที่ต้องเดินรอบหมู่บ้านสามรอบ”
“…” ทุกคนรอบตัวต่างระเบิดเสียงหัวเราะ
เมื่อเดินไปถึงประตูบ้านของกุ้ยซื่อ จึงมีคนตะโกนว่า “กุ้ยสวิ้นเหอ ออกมาดูเร็ว!”
กุ้ยสวิ้นเหอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบออกมาและเห็นชาวบ้านจำนวนมากรายล้อมกุ้ยซื่ออยู่
กุ้ยสวิ้นเหอจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไรหรือ?”
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวกุ้ย…”
กุ้ยสวิ้นเหอรู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่ผู้อาวุโสผู้นั้นแก่กว่าเขามาก การที่ผู้อาวุโสเรียกเขาว่าเสี่ยวกุ้ยจึงไม่ผิด
“ภรรยาของเจ้าใส่ร้ายเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากนี้เจ้าต้องจับตาดูนางไว้ให้ดี…”
กุ้นสวิ้นเหอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่เขาได้ยินมัน เขาจ้องไปที่กุ้ยซื่ออย่างโกรธเคือง กุ้ยซื่อรู้สึกผิด และเมื่อนางเห็นกุ้ยสวิ้นเหอ จึงรีบก้มศีรษะลงทันที คราวที่แล้วถ้านางฟังคำพูดของสามี นางคงไม่ต้องมาเดินที่ถนนเช่นนี้
เพราะความปากไวของตน ตอนนี้จึงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
กุ้ยสวิ้นเหอพ่นลมอย่างเย็นชา หันหลังกลับอย่างโกรธจัดและจากไป “ให้นางเดินต่อไป”
“เฮ้…” กุ้ยซื่อยังคงอยากบ่นที่กุ้ยสวิ้นเหอไม่ได้ช่วยนางไว้ แต่เมื่อนางกำลังจะกล่าวออกไป นางก็สำนึกได้ ยิ่งกว่านั้นกุ้ยสวิ้นเหอได้ปิดประตูไปแล้ว ไม่แม้แต่จะเหลียวมองดูนางอีกเลย กุ้ยซื่อจึงทำได้เพียงเดินต่อไป
เรื่องที่กุ้ยซื่อต้องเดินรอบหมู่บ้านก็เป็นเรื่องน่าสนใจในหมู่บ้านอู๋ซีไปถึงห้าหกวัน ทุกคนต่างไม่กล้าจะกล่าวถึงเรื่องของกู้เสี่ยวหวานอีก และมีเรื่องของกุ้ยซื่อที่น่าขันและน่าสนใจกว่าให้พูดถึงกัน
ทุกวันหลังน้ำชาและอาหารเย็น เรื่องที่ทุกคนจะพูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขล้วนเป็นเรื่องของกุ้ยซื่อ
กุ้ยซื่ออยู่ในบ้านเจ็ดถึงแปดวันแล้วเพราะไม่กล้าออกไปไหน
จนกระทั่งเรื่องนี้ค่อย ๆ จางหายไป และไม่มีใครกล่าวถึงมันอีก
ป้าจางและลุงจางมองออกไปอย่างกระตือรือร้น และในที่สุดก็เห็นเงาของกู้เสี่ยวหวานใกล้เข้ามา กู้เสี่ยวหวานเดินอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเปื้อนด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของนาง ป้าจางก็ตบหน้าอกของนาง “อมิตาพุทธ ในที่สุดก็มาแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในบ้านของป้าจางและทักทายอย่างอ่อนหวาน
ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง “สาวน้อยเสี่ยวหวาน จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“จริงสิ สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ลุงจางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอบยิ้ม “ท่านลุงจาง ท่านป้าจาง ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านพี่ ท่านจัดการอะไรหรือ?” เมื่อสักครู่กู้หนิงผิงรู้สึกอึดอัดท้องเล็กน้อย เขาจึงวิ่งไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อปลดทุกข์ เมื่อกลับมา เขาก็เห็นพี่สาวมาที่บ้านของป้าจาง และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นว่า จู่ ๆ กู้หนิงผิงก็ปรากฏตัวมาจากที่ไหนไม่รู้ คนทั้งสามก็ตกใจ
กู้เสี่ยวหวานสติแตกกระเจิงจึงรีบสนทนาเรื่องอื่นแทน
กู้หนิงผิงหัวเราะ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม กู้หนิงผิงจะรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เรื่องนี้ก็ได้รับการแก้ไขแล้วและกุ้ยซื่อก็ได้เรียนรู้บทเรียนแล้ว ในอนาคตก็คงจะไม่เกิดปัญหาอีก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กู้หนิงผิงกลับไป เขาก็ได้ยินข่าวลือบางอย่าง
ข่าวลือเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับความอับอายของกุ้ยซื่อ ด้วยเรื่องของกุ้ยซื่อนี้ทำให้กู้หนิงผิงมีความสุข เพราะกุ้ยซื่อเป็นคนปากสว่างและเขาก็ไม่ชอบนางมานานแล้ว
คนอื่นประณามนาง แต่นางก็ถูกประณามด้วยเช่นกัน เขารู้สึกยินดีกับเหตุการณ์นี้ เมื่อกลับไปที่โต๊ะอาหารค่ำจึงเล่าเรื่องตลกนี้ให้กู้เสี่ยวหวานฟัง กู้เสี่ยวหวานได้ยินก็หัวเราะและปล่อยมันผ่านไป
ปล่อยให้เรื่องของกุ้ยซื่อผ่านไป กู้เสี่ยวหวานรังเกียจหญิงผู้นี้มากและไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องนั้น เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว นางก็ไม่ต้องการจะคุยเรื่องที่เกี่ยวกับนางอีกต่อไป
กุ้ยซื่อผู้นั้นอาจจะหยุดและไม่รบกวนนางไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานสนใจกลายเป็นกู้เสี่ยวอี้แทน
ไม่ใช่สิ มันควรจะเป็นเรื่องผ้าเช็ดหน้าในมือของกู้เสี่ยวอี้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา กู้เสี่ยวอี้หมกมุ่นกับผ้าเช็ดหน้าในมือของนาง ในตอนแรกกู้เสี่ยวหวานเหลือบมองเพียงเล็กน้อย แต่กู้เสี่ยวอี้ไม่สามารถร้อยด้ายเข้าไปในรูเข็มเล็ก ๆ ได้ เพราะนางยังเป็นเด็ก และมือของนางก็ยังไม่นิ่งและมั่นคงมากนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถร้อยด้ายใส่รูเข็มที่มีขนาดเล็กมากเช่นนี้ได้