บทที่ 282 พรสวรรค์
ไม่ว่าจะลงมือทำสิ่งใดก็แล้วแต่ มันมักจะยากในครั้งแรก และจะง่ายในครั้งต่อมา กู้เสี่ยวอี้พบเคล็ดลับในการร้อยด้าย หลังจากนี้จึงร้อยด้ายได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
กู้เสี่ยวหวานเฝ้ามองจากด้านข้าง ยิ่งดูก็ยิ่งมีความสุข เด็กคนนี้อายุเพียงแค่ห้าขวบด้วยซ้ำ แต่นางฝึกร้อยด้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และท่าทางของนางก็สงบนิ่ง แม้แต่กู้เสี่ยวหวานก็พบว่ามันน่าเหลือเชื่อ
หลังจากที่กู้เสี่ยวอี้เชี่ยวชาญในการร้อยด้าย นางก็เริ่มฝึกปักผ้าด้วยผ้าเช็ดหน้าที่พี่ฝูให้มา กู้เสี่ยวหวานชอบงานปักมาก แต่การเรียนรู้งานปักด้วยตัวเองนั้นไม่น่าสนใจเลย
ปล่อยให้นางใช้หลอดหยดในห้องทดลองย่อมได้ แต่ปล่อยให้นางเอาเข็มปักไปที่ผืนผ้าบาง ๆ อย่างประณีตนั้น สู้ปล่อยให้นางถือมีดขายเนื้อยังดีเสียกว่า
กู้เสี่ยวหวานมองดูและรู้สึกว่ามันไม่มีความหมาย ดังนั้นจึงออกไปทำอย่างอื่น นางไปที่ห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน
เมื่อกู้เสี่ยวหวานต้มข้าวต้มเสร็จและนำไปในห้อง นางจึงมองไปในมือของกู้เสี่ยวอี้และพบว่ากู้เสี่ยวอี้ปักไปครึ่งหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่คล้ายกัน
กู้เสี่ยวหวานเป็นเช่นเดียวกับโคลัมบัสที่ค้นพบโลกใหม่ นางหยิบงานปักผ้ามาจากมือของกู้เสี่ยวอี้และมองอย่างพิจารณา
ยิ่งดูยิ่งตื่นตาตื่นใจ
ดอกท้อบนสะดึงปักเสร็จแล้ว และการเดินเข็มก็ละเอียดอ่อน แม้ว่าจะยังห่างไกลจากผ้าเช็ดหน้าของพี่ฝู แต่นี่เป็นผลงานแรกของกู้เสี่ยวอี้ และนางก็ปักออกมาได้คล้ายกันมาก
กู้เสี่ยวหวานตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าน้องสาวของนางสามารถปักงานผ้าที่สวยงามได้ นางจึงมีความคิดที่จะลองทำดูบ้าง
นางหยิบผ้าผืนขนาดเท่าฝ่ามือและเริ่มปักมันเหมือนที่กู้เสี่ยวอี้ทำในตอนแรก แต่หลังจากเย็บไปเพียงไม่นาน กู้เสี่ยวหวานก็หมดความอดทนแล้ว
เข็มนี้ดูเหมือนจะต่อต้านกู้เสี่ยวหวาน ถ้าเข็มไม่ทิ่มมือก็ปักเบี้ยว เมื่องานปักออกมา กู้เสี่ยวหวานก็โยนมันทิ้งไป นี่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
เมื่อเทียบกับกู้เสี่ยวอี้แล้ว ชิ้นหนึ่งละเอียดอ่อนและสวยงาม ส่วนอีกชิ้นดูยุ่งเหยิงและเลอะเทอะ นี่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานเป็นคนคิดมาก แต่เมื่อนางเห็นสิ่งที่ตนเองปัก นางก็กระสับกระส่ายทันที
“เสี่ยวอี้ สิ่งที่เจ้าสอนข้าเมื่อสักครู่นี้คือสิ่งที่พี่ฝูสอนอย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เป็นไปได้ไหมว่ากู้เสี่ยวอี้กำลังซ่อนเคล็ดลับบางอย่างอยู่?
กู้หนิงผิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะ และนี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามีบางเรื่องของพี่สาวที่ตนไม่รู้ และกล่าวอย่างขบขัน “ท่านพี่ ครั้งสุดท้ายข้าก็ฟังสิ่งที่พี่ฝูสอนเสี่ยวอี้เช่นกัน สิ่งที่พี่ฝูสอนเสี่ยวอี้ก็เหมือนกับสิ่งที่เสี่ยวอี้สอนท่านทุกประการ”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางจึงกล่าวอย่างเศร้าสร้อย “แล้วทำไมเจ้าถึงปักได้ดีกว่าข้าล่ะ?”
เมื่อเห็นการถอนหายใจของพี่สาว กู้เสี่ยวอี้ก็ปิดปากและแอบหัวเราะ
กู้หนิงผิงที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวออกมา “ท่านพี่ มีเรื่องที่ท่านทำไม่ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ”
กู้เสี่ยวหวานจ้องไปที่กู้หนิงผิงและกล่าวอย่างโกรธเคือง “ทำไมล่ะ ข้าทำไม่ได้แล้วเจ้าจะล้อเลียนข้าหรือ?” นางจึงแสร้งทำเป็นจะไปทุบกู้หนิงผิง เขาจึงกระโดดไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ไม่ ๆ ใครจะกล้าล้อเลียนท่าน…”
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเบา ๆ “ฮึ่ม ข้ายกโทษให้ก็ได้”
กู้เสี่ยวหวานหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักโดยกู้เสี่ยวอี้ขึ้นมาอีกครั้ง นางรู้สึกประทับใจยิ่งนัก
เด็กผู้หญิงอายุห้าขวบผู้นี้สามารถปักงานที่ดีเช่นนี้ได้ นอกจากคำสอนที่ดีของพี่ฝูก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประทับใจอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตื่นเต้นเล็กน้อย
กู้เสี่ยวอี้มีพรสวรรค์ด้านการปัก หากนางสามารถฝึกฝนได้ดีและมีทักษะ เขาจะสามารถพึ่งพาความสามารถนี้ได้ในอนาคต
เช่นเดียวกับกู้หนิงอันที่ชอบเรียนหนังสือ ในอนาคตเรียนได้ดีก็จะสามารถเป็นขุนนางได้ และกู้เสี่ยวอี้ก็มีฝีมือดี ในอนาคตก็สามารถเป็นดังเช่นพี่ฝูได้ นางจะสามารถเปิดร้านและพึ่งพาตนเองได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
ครั้นบอกให้กู้เสี่ยวอี้เรียนรู้งานฝีมือจากพี่ฝูและกู้เสี่ยวอี้ก็พยักหน้า เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกล่าวกับกู้เสี่ยวอี้อย่างสนอกสนใจ กู้หนิงผิงก็รู้สึกตื่นเต้น
เมื่อเห็นพี่ชายและน้องสาวต่างก็พบสิ่งที่พวกเขาชอบ และยังพบกับอาจารย์ที่ยินดีจะสอนพวกเขาอีก กู้หนิงผิงจึงรู้สึกมีความสุขไปกับพี่ชายและน้องสาวของเขามาก และเมื่อคิดว่าตอนนี้ตนเองถูกทิ้งอยู่ตามลำพังก็รู้สึกปวดใจ
สายตาของกู้หนิงผิงหม่นลงเล็กน้อยและเขาก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ แต่กู้เสี่ยวหวานที่ให้ความสนใจกับกู้หนิงผิงก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องรู้สึกโดดเด่ยวเช่นนั้น
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นสายตาเช่นนั้นของกู้หนิงผิงก็รู้สึกเป็นห่วง
เด็กผู้นี้ไม่ชอบเรียนหนังสือ แล้วเขาชอบอะไรกันล่ะ?
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ
ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงวันที่สี่เดือนสี่แล้ว และโชคดีที่วันนั้นเป็นวันที่กู้เสี่ยวหวานต้องเข้าไปในเมืองหลิวเจียพอดี
กู้เสี่ยวหวานพากู้เสี่ยวอี้ไปในเมืองด้วยกัน นางไปส่งน้องสาวที่ร้านของพี่ฝูก่อน จากนั้นตนเองจึงไปที่ร้านจิ่นฝู เมื่อคำนวณบัญชีเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้อยู่ทานข้าวที่ร้านจิ่นฝูแต่รีบไปที่ร้านขายผ้าจี๋เสียงแทน
หลังจากที่มาถึงร้านขายผ้าจี๋เสียงแล้ว พี่ฝูก็ยิ้มให้จนตาปิด เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน พี่ฝูก็รีบเข้ามาดึงแขนและกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้าส่งอัจฉริยะมาให้ข้าโดยแท้! เสี่ยวอี้เป็นอัจฉริยะที่ในร้อยปีจะพบได้สักคน!”
กู้เสี่ยวหวานรู้อยู่แล้วว่างานปักของน้องสาวของนางนั้นดีมาก แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่ฝูกล่าว นางก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย “พี่ฝู ท่านพูดจริงหรือเปล่า?”
พี่ฝูพยักหน้าอย่างหนักแน่น และหยิบงานปักที่กู้เสี่ยวอี้ปักไว้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้กู้เสี่ยวหวานดู “ดูสิ ข้าสอนนางเพียงครั้งเดียว และนางก็สามารถปักงานปักที่ดีเช่นนี้ได้ แม้ว่านางจะยังเด็กอยู่บ้าง แต่ก็หาได้ยาก”
กู้เสี่ยวหวานรู้ได้ทันทีเพราะนางได้ลองด้วยตัวเองแล้ว แต่ไม่ว่านางจะลองอย่างไร นางก็ทำได้ไม่ดีเท่ากู้เสี่ยวอี้ นับประสาอะไรกับฝีมือของของพี่ฝู
“ข้าไม่เคยเห็นเด็กคนไหนฉลาดและมีความสามารถเท่าเสี่ยวอี้เลย ข้าจะสอนทุกทักษะในชีวิตของข้าให้แก่นาง” พี่ฝูกล่าวอย่างตื่นเต้น
กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมาก ถ้าสามารถเรียนรู้ทักษะของพี่ฝูได้ ในอนาคตกู้เสี่ยวอี้จะสามารถพึ่งพาตนเองได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้กู้เสี่ยวหวานจึงรีบดึงกู้เสี่ยวอี้ “เสี่ยวอี้ รีบไปขอบคุณพี่ฝูสิ”
กู้เสี่ยวอี้กำลังจะคุกเข่าลง พี่ฝูก็ดึงนางขึ้นทันทีและกล่าวว่า “อย่าทำเช่นนี้เลย ในอนาคตเจ้าต้องตั้งใจเรียนรู้จากข้า สาวน้อยเสี่ยวหวาน เสี่ยวอี้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็วมาก ข้าแค่คิดว่าในอนาคตให้ส่งนางมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม หากนางสามารถทำได้แล้วและนางมีฝีมือดีเช่นนี้ ก็สามารถปักผ้าเช็ดหน้าที่บ้านและนำมันมาขายให้ข้าได้ นี่จะทำให้ครอบครัวของเจ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปลง
พรสวรรค์ของเสี่ยวอี้ตัวน้อยนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ไหหม่า (海馬)