บทที่ 320 เก็บค่าเช่า
บทที่ 320 เก็บค่าเช่า
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็มาถึงเดือนเจ็ดแล้ว
ในช่วงเวลานี้ ผู้คนมักใช้ปฏิทินการเกษตรแบ่งเป็นสี่ฤดู และตอนนี้ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงก็หมายความว่าฤดูเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว!
ช่วงนี้กู้เสี่ยวหวานค่อนข้างยุ่ง เพราะนางมีที่ดินถึงห้าสิบหมู่จึงต้องใช้เวลามากในการเก็บค่าเช่า
กู้เสี่ยวหวานต้องหายุ้งฉางเพื่อเก็บอาหาร และต้องการพื้นที่ซึ่งใกล้กับเมืองหลิวเจีย เพราะจะทำให้ผู้เช่าสามารถจ่ายค่าเช่าได้ง่ายขึ้น
โชคดีที่หลี่ฝานมีห้องว่างสองห้องที่ทางเข้าเมือง และในนั้นก็ไม่มีสิ่งของอะไร ดังนั้นนางจึงสามารถใช้ห้องเหล่านั้นก่อนได้
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเกรงใจมากและบอกว่าต้องการจ่ายค่าเช่า แต่หลี่ฝานปฏิเสธและยังให้เสี่ยวเซิ่งจื่อพาคนไปทำความสะอาดให้ด้วย
เมื่อกู้หนิงอันรู้ว่าครอบครัวของตนเองจะต้องเก็บค่าเช่าแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาขอร้องให้กู้เสี่ยวหวานเลือกวันที่เขาหยุด กู้เสี่ยวหวานก็ต้องการให้เขาไปด้วยกัน ดังนั้นนางจึงตอบตกลง
ตอนนี้บนที่ดินเต็มไปด้วยรวงข้าวสีเหลืองทอง อีกไม่นานก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ปีนี้อากาศดีไม่มีภัยแล้งหรือน้ำท่วม ถือเป็นปีที่อุดมสมบูรณ์มาก
หลิวต้าจ้วงและเถาต๋าเห็นกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาก็ยิ้มอย่างเบิกบาน ปีนี้เป็นปีที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยค่าเช่าที่ลดลงเกือบสองส่วน ที่ดินสิบหมู่ของพวกเขาสามารถประหยัดผลผลิตไปได้ถึงห้าตั้น*[1]
เมื่อกู้เสี่ยวหวานลองคำนวณดู ที่ดินหนึ่งหมู่เกี่ยวข้าวได้สามร้อยชั่ง ถ้าเก็บค่าเช่าสองส่วนก็จะประมาณหกสิบชั่ง หรือก็คือครึ่งตั้น
แต่อย่าดูถูกผลผลิตครึ่งตั้นนี้ ถ้าในที่ดินหนึ่งหมู่ประหยัดลงครึ่งตั้น ที่ดินสิบหมู่ก็จะประหยัดลงถึงห้าตั้น หรือก็คือสามารถทำให้คนยากจนมีปีที่ดีได้
ผู้เช่าที่เช่าที่ดินของกู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างสดใส ด้วยพื้นที่หนึ่งหมู่ก็สามารถเก็บอาหารไว้ได้มากมาย มันดีกว่าสิ่งอื่นใด! ผู้เช่ารายอื่นถอนหายใจและกล่าวว่าถ้ากู้เสี่ยวหวานให้เช่าที่ดินในครั้งต่อไป พวกเขาต้องรีบให้มากขึ้น
ผู้เช่าทั้งหมดนำข้าวที่พวกเขาเกี่ยวเก็บไว้ เมื่อถึงเวลาที่กู้เสี่ยวหวานกำหนดการจ่ายค่าเช่า ผู้เช่าทุกคนก็มาจ่ายอย่างตรงเวลา
ผู้เช่าที่ดินหลั่งไหลเข้ามาดั่งสายน้ำ และข้าวเปลือกก็ถูกส่งเข้ามาในห้องที่ทำความสะอาดแล้วอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานกับกู้เสี่ยวอี้มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและจัดการเก็บผลผลิตพวกนั้น กู้หนิงผิงที่มีแรงเยอะจึงรับหน้าที่ชั่งน้ำหนัก กู้หนิงอันและฉินเย่จือรับผิดชอบการเก็บค่าเช่าที่ด้านหน้า ผลผลิตที่ผู้เช่าจ่ายมาจะถูกจดไว้ในสมุดบัญชี
แม้แต่หลี่ฝานก็มาช่วยด้วยเช่นกัน เขาหาเรื่องที่ตนเองสามารถทำได้ ร้านจิ่นฝูของเขารับผิดชอบอาหารกลางวัน หน้าที่ของเขาคือทำให้ทุกคนอิ่มท้อง เช่นนี้ถึงจะมีเรี่ยวแรงทำงาน เสี่ยวเซิ่งจื่อรับหน้าที่เป็นคนจัดการเรื่องระหว่างร้านจิ่นฝูและยุ้งฉางเก็บของ ถ้าขาดเหลืออะไรเขาจะเป็นคนจัดการให้…
และสวีเฉิงเจ๋อที่รู้เรื่องว่ากู้เสี่ยวหวานจะเก็บค่าเช่าก็มาช่วยด้วยเช่นกัน เขามาช่วยกู้หนิงผิงชั่งน้ำหนัก
เมื่อเห็นทุกคนช่วยกันอย่างกระตือรือร้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกมีความสุขมาก
การเก็บค่าเช่ากินเวลาถึงสองวัน ทั้งสองห้องเต็มไปด้วยผลผลิต ทุกคนต่างเหนื่อยจนหมดแรง แต่เมื่อเห็นผลผลิตมากมายในยุ้งฉาง ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้ายิ้มแย้มอย่างพอใจ
ผู้เช่าทุกคนของกู้เสี่ยวหวานล้วนรู้เรื่องคดีความของกู้เสี่ยวหวานในเมืองรุ่ยเสียน ในเวลานั้น คำพูดที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวในห้องโถงถูกส่งต่อโดยปากต่อปาก คราวนี้มาถึงปีแห่งการเก็บเกี่ยว เมื่อทุกคนเห็นผลผลิตมากมายในบ้านของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดรู้สึกซาบซึ้งและยกย่องกู้เสี่ยวหวานว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิต
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นอกจากผู้ชายที่มาส่งค่าเช่าแล้ว ยังมีผู้หญิงบางคนที่พาลูก ๆ มามอบของขวัญด้วย
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานจะได้รับค่าเช่าสองส่วนจากผู้เช่า ทุกคนประทับใจมากและรู้สึกซาบซึ้งจึงนำสิ่งของมาส่งให้กู้เสี่ยวหวาน
คนแรกที่มาคือหลิวต้าจ้วงและน้องสาวของเขาซึ่งเป็นภรรยาของเถาต๋า พร้อมกันนั้นก็มีภรรยาของผู้เช่ารายอื่นตามมาด้วย
ครอบครัวหนึ่งให้ผักมาหนึ่งตะกร้า อีกครอบครัวหนึ่งให้ไข่ไก่ และบางครอบครัวก็ให้สิ่งของที่หามาได้จากในป่า
ตอนแรกกู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะไม่รับมัน เพราะผู้เช่าเหล่านั้นไม่ได้ร่ำรวยและทุกคนก็ต่างใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก เกรงว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเหลือไว้เพื่อนำมาให้นาง กู้เสี่ยวหวานจึงไม่อยากรับ เพราะกลัวที่จะเพิ่มภาระให้พวกเขา สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้พวกเขาอิ่มท้องไปได้อีกสักพัก นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ขาดแคลนอาหาร
ใจจริงกู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะรับสิ่งของมาจากทุกคน แต่ถ้านางไม่ยอมรับ ผู้เช่าเหล่านั้นก็จะไม่มีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิวต้าจ้วงที่ถามอย่างตรงไปตรงมาว่าสาวน้อยกู้ไม่ได้ดูถูกพวกเขาใช่หรือไม่
กู้เสี่ยวหวานรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่านางไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลย แต่ตนเคยใช้ชีวิตที่ยากลำบากมาก่อนจึงรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยกว่าจะได้อาหารพวกนี้มา กู้เสี่ยวหวานจึงไม่อยากยอมรับมัน
อย่างไรก็ตาม ผู้เช่าเหล่านี้ล้วนรู้สึกซาบซึ้งและยืนยันที่จะมอบของให้นางอยู่ดี
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าถ้านางปฏิเสธอีกครั้ง คงจะเป็นการทรยศต่อความตั้งใจของทุกคน แม้ว่ามันไม่มีค่าอะไรมาก แต่นางก็รับมันมาทั้งหมด
แต่เมื่อนางนึกถึงสิ่งที่ได้รับจากพวกเขา จึงคิดว่าควรให้อะไรตอบแทน ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างจึงแนะนำว่า “เจ้าสามารถซื้อขนมได้ คนยากจนในหมู่บ้านนี้ ในวันธรรมแค่เพียงกินให้อิ่มก็ยากพอแล้ว การที่จะมีเงินไปซื้อขนมก็คงจะยาก แล้วถ้าเจ้าซื้อขนมมาให้ เด็ก ๆ ก็คงจะชอบมาก”
กู้เสี่ยวหวานยอมรับของขวัญด้วยความสบายใจ และขอให้กู้หนิงผิงไปซื้อขนมมาก่อนจะแบ่งออกเป็นส่วน ๆ
ผู้เช่าเหล่านั้นได้รับขนมของกู้เสี่ยวหวาน ทุกคนต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุข คนยากจนสามารถกินขนมเหล่านี้ได้ที่ไหนกัน มีแค่ในช่วงปีใหม่เท่านั้นถึงจะสามารถซื้อขนมให้เด็ก ๆ ได้กินอย่างเพลิดเพลินได้
หลังจากที่ทุกคนได้รับของขวัญมาจากกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่านางเป็นคนที่จิตใจดีมากและยิ่งยกย่องนางมากขึ้นไปอีก
หลังจากได้รับค่าเช่าครบแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ผลผลิตมากมายเช่นนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินก็คงจะได้ไม่น้อยเลย
เพื่อตอบแทนทุกคน กู้เสี่ยวหวานจึงพาครอบครัวไปที่ร้านขายผ้าจี๋เสียง ทำเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่สำหรับแต่ละคน โดยกู้เสี่ยวอี้เป็นคนที่มีความสุขที่สุดเพราะนางกล่าวว่าจะเป็นคนปักลายบนชุดของทุกคนเอง
กู้เสี่ยวหวานที่อยากลองฝีมือในช่วงนี้ของกู้เสี่ยวอี้ จึงตอบตกลงในทันที
*[1] 60 ชั่ง เท่ากับ ครึ่งตั้น
5 ตั้น เท่ากับ 600 ชั่ง
600 ชั่ง เท่ากับ 300 กิโลกรัม