บทที่ 322 ซื้อเกวียนวัว
บทที่ 322 ซื้อเกวียนวัว
อย่างไรก็ตาม จิตใจของกู้เสี่ยวหวานนั้นสงบนิ่ง และไม่ได้คล้อยตามกับคำพูดของเถ้าแก่ร้านเลย ไม่ว่าอะไรก็บอกว่าดี บอกว่าลดเท่านั้นลดเท่านี้ บอกว่าคนตายยังมีชีวิตอยู่ บอกสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพว่าเป็นสินค้าที่ดี ผู้ซื้อและผู้ขายนั้นวัดกันที่ฝีปาก
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นว่าเถ้าแก่ร้านนั้นลดให้เพียงเล็กน้อย และกล่าวอย่างไม่มีความสุขว่า “เถ้าแก่ดูสิว่าเราทุกคนเป็นชาวนาธรรมดา มันไม่ง่ายเลยที่จะซื้อเกวียนวัว ที่เราออกมาในวันนี้ก็ไม่ได้มีเงินมากมาย เช่นนั้นยี่สิบตำลึงเงิน เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานกล่าวจบก็หยิบถุงเงินออกจากแขนเสื้อ เทลงบนโต๊ะและกล่าวอย่างจนใจ “ข้ามีเงินเพียงเท่านี้ เมื่อนับดูแล้วดูเหมือนว่าจะน้อยกว่ายี่สิบตำลึงเงินเสียอีก”
กู้เสี่ยวหวานนับเงินอย่างจริงจัง ดวงตาของเถ้าแก่ร้านจับจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานที่กำลังนับเงินตาไม่กะพริบ และยังโชคดีที่นับได้ครบยี่สิบตำลึงเงินพอดี
“เถ้าแก่ ข้ามีเงินเพียงเท่านี้ ท่านลองดูว่าได้หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานมองเถ้าแก่ร้านอย่างเต็มไปด้วยความหวัง สีหน้าของเถ้าแก่ร้านดูสับสน นี่เขาจะต้องเสียเงินไปถึงสามตำลึงเงินในการขายครั้งนี้เลยหรือ…
เถ้าแก่ร้านมีสีหน้าไม่เต็มใจ
เมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นของเถ้าแก่ร้าน กู้เสี่ยวหวานก็เก็บเงินอย่างไม่เต็มใจ “เฮ้อ ถ้าเถ้าแก่ลำบากใจก็ลืมมันไปเสียเถอะ ข้าจะหากลับไปหาทาง และมาใหม่ในครั้งหน้า” หลังจากกล่าวจบนางก็หมุนกายเตรียมเดินจากไป
กู้เสี่ยวหวานมีเงินอยู่ในถุงอีก ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าตนเองจะไม่สามารถซื้อเกวียนวัวได้
เถ้าแก่ร้านสีหน้าเจ็บปวด และนี่คือเงินที่ขาดไปสามตำลึงเงินเลยนะ อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นดวงตาที่สดใสของกู้เสี่ยวหวาน เขารู้ว่าสาวน้อยผู้นี้คงต้องไปถามที่อื่นเป็นแน่ เอาล่ะ เอาล่ะ หาเงินได้น้อยลง ดีกว่าหาเงินไม่ได้เลย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เถ้าแก่ร้านก็แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดและรั้งกู้เสี่ยวหวานไว้ “เดี๋ยวก่อนสาวน้อย อย่าเพิ่งไป” เขากล่าวด้วยสีหน้าเสียใจ “ได้ ตกลง เฮ้อ ข้าให้อาหารวัวตัวนี้มาหลายวันโดยเปล่าประโยชน์ เฮ้อ!”
กู้เสี่ยวหวานแอบหัวเราะคิกคักในใจเมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของเถ้าแก่ร้าน เงินยี่สิบตำลึงเงินซื้อเกวียนวัวคู่หนึ่ง และรู้ว่าเถ้าแก่ร้านไม่ได้ได้เงินไปมากมายจากตนเอง
“เถ้าแก่อย่ารู้สึกแย่เลย ในอนาคตข้าจะมีวัวจำนวนมากในครอบครัว ไม่ต้องกังวล เราจะมาซื้อจากท่านในอนาคต!” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผู้อื่นไม่มีความสุข แต่นางมีแผนนี้จริง ๆ ในอนาคตหากมีที่ดินมากขึ้น ก็จะซื้อวัวให้มากขึ้นอย่างแน่นอน
เถ้าแก่ร้านเดาว่ากู้เสี่ยวหวานคงจะกล่าวเพราะเกรงใจ แต่คำพูดนั้นมันก็ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น เถ้าแก่ร้านถอนหายใจยาวเยือก “ตกลง เป็นเช่นนั้นก็ดี ถือว่าเราสัญญากันแล้วนะ” จากนั้นเขาก็สั่งให้ลูกจ้างในร้านนำเกวียนออกมาให้กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานจ่ายเงินไปแล้ว และเถ้าแก่ร้านก็ยังกล่าวว่าถ้าต้องการซื้อสัตว์อีก ในอนาคตต้องมาที่นี่เพื่อซื้อมัน แน่นอนว่าเขาจะให้ราคาที่ดีที่สุด และให้สิ่งที่ดีที่สุดไป เพียงเท่านั้นกู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มอย่างมีความสุข และรับปากกับเถ้าแก่ร้านว่าจะมาอุดหนุนกิจการของเขาใหม่ในครั้งหน้า
การทำการค้าก็เป็นเช่นนี้ ตราบใดที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ถ้าเขามีสิ่งที่ดีในอนาคต ตราบใดที่เจ้าต้องการ พวกเขาก็จะนึกถึงเจ้าเป็นคนแรก
เมื่อเทียมเกวียนวัวเสร็จแล้ว กู้หนิงผิงก็ปีนขึ้นไปนั่งอย่างมีความสุข
ของที่ซื้อมาทั้งหมดก็นำไปวางไว้บนนั้น
ฉินเย่จือก็ขึ้นไปบนเกวียนวัวแล้วเช่นกัน ตอนนี้กู้หนิงผิงยังอายุน้อยและไม่ได้มีแรงลากวัวขนาดนั้น ดังนั้นฉินเย่จือที่มีอายุมากที่สุดเลยต้องไปช่วยเขา
ฉินเย่จือรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาขับเกวียนวัว
ชายหนุ่มขับเกวียนไปอย่างชำนาญ และวัวก็เดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
เพียงแต่ว่าให้คนที่สวมชุดสีขาวพระจันทร์มาขับเกวียนวัว ภาพเช่นนี้มันดูขัดตากันเสียจริง
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นก็แอบปิดปากหัวเราะ ฉินเย่จือเหลือบมองที่นางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง กู้เสี่ยวหวานที่ไม่ต้องการล้อเลียนผู้อื่นจึงรีบนั่งตัวตรงทันที
กู้เสี่ยวหวานลูบมือกู้เสี่ยวอี้อย่างรักใคร่ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องเดินอีกต่อไป แม้ว่าเกวียนวัวจะช้า แต่ในอนาคตนางจะต้องเปลี่ยนมันเป็นรถม้าอย่างแน่นอน และต้องเป็นตู้รถม้าที่ขนาดกว้างขวางและสะดวกสบาย
การที่ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานซื้อเกวียนวัวมา และมันยังเป็นแม่วัวที่แข็งแรง สิ่งนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่บ้าน
เมื่อฉินเย่จือกำลังขับรถเกวียนวัวเข้าไปในหมู่บ้าน ก็เป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านบางคนถือจอบเดินกลับบ้าน และบังเอิญเห็นพวกกู้เสี่ยวหวานที่นั่งเกวียนวัวกลับมา
คนพวกนั้นคิดว่ากู้เสี่ยวหวานใช้วัวจากครอบครัวของป้าจาง แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ กลับพบว่านั่นไม่ใช่วัวของป้าจาง วัวตัวนี้แข็งแกร่งกว่าวัวจากครอบครัวป้าจางมาก และเกวียนไม้ฮวายคันนี้เป็นของใหม่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งซื้อกลับมาจากร้าน
ทุกคนต่างสงสัยใคร่รู้ และล้อมรอบเข้ามาถาม
“โอ้ เสี่ยวหวาน นี่เกวียนใหม่อย่างนั้นหรือ ทำจากไม้ฮวายด้วย พวกเจ้าซื้อมาอย่างนั้นหรือ?” หนึ่งในนั้นเอ่ยถาม
“โอ้ ดูวัวตัวนี้สิ แถมยังเป็นแม่พันธุ์อีกต่างหาก คงใช้เงินไปไม่น้อยเลยสินะ?” อีกคนเอ่ยถาม
กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างขมขื่น นางไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนกลุ่มนี้มากนัก ดังนั้นเพียงแค่ตอบรับอย่างขอไปที
“ลูกสาวบ้านกู้ เจ้าไปในเมืองนี่นา นี่คือเกวียนวัวที่พวกเจ้าเพิ่งซื้อมาใหม่ใช่หรือไม่?” ผู้หญิงคนหนึ่งมองดูเกวียนที่แข็งแรงเช่นนั้นด้วยความอิจฉา และอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะมัน ความอิจฉาก็พลันปรากฏบนใบหน้าของนาง
“ใช่แล้ว ข้าเพิ่งซื้อมา” กู้เสี่ยวหวานกล่าวเสียงเบา
กู้เสี่ยวหวานรู้ดีว่า ถึงในวันนี้จะไม่ถูกคนเหล่านี้พบเห็น แต่พรุ่งนี้คนในหมู่บ้านก็ต้องรู้เรื่องที่ครอบครัวนางซื้อวัวอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ว่านางมีที่ดินห้าสิบหมู่ในเมือง ดังนั้นการที่มีเงินไปซื้อเกวียนวัวได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก นางจึงตอบไปอย่างใจกว้าง
ทั้งหมู่บ้านมีเพียงสี่หรือห้าครัวเรือนเท่านั้นที่มีเกวียนวัว แม้ว่าครอบครัวของป้าจางจะมีเกวียนอยู่หนึ่งเล่ม แต่วัวก็แก่จนแทบจะเดินไม่ไหว ครั้งนี้เมื่อเห็นครอบครัวกู้เสี่ยวหวานซื้อวัวที่แข็งแรงกว่า มันดูน่าอิจฉายิ่งนัก!
เมื่อกู้เสี่ยวหวานกล่าวจบก็ขยิบตาให้กู้หนิงผิง จากนั้นกู้หนิงผิงจึงสะบัดบังเหียน แล้ววัวก็เดินออกไปอีกครั้ง กลุ่มคนเหล่านั้นทำได้เพียงมองพวกกู้เสี่ยวหวานที่จากไปด้วยความอิจฉา
หลังจากพวกกู้เสี่ยวหวานกลับถึงบ้าน กู้หนิงผิงก็ได้รับหน้าที่สำคัญในการให้อาหารวัว หากจะผูกวัวไว้ข้างนอกนั้นนางไม่วางใจ กู้เสี่ยวหวานจึงผูกวัวไว้ที่มุมของลานบ้าน แม้ว่ามันจะมีกลิ่นอุจจาระวัว แต่ก็ยังดีกว่าที่มีคนอื่นขโมยวัวไป
กู้เสี่ยวหวานเม้มปาก ในอนาคตหากบ้านหลังใหญ่ถูกสร้างขึ้น วัวจะถูกมัดไว้ในคอกวัว เช่นนั้นก็จะสะดวกและถูกสุขอนามัยมากกว่า
เนื่องจากช่วงนี้ชาวบ้านเพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิต จึงยังไม่มีผู้ใดอยากขายที่ดินในเร็ว ๆ นี้ ในช่วงเวลานี้ข่งฟางก็ไม่ได้รับคำสั่งซื้ออื่น และวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อหาซื้อที่ดินหนึ่งร้อยหมู่ให้กู้เสี่ยวหวาน