ทามาใช้นดหน่อยยังพอเปืนไปได้ แต่ถ้าให้ทาหนึ่งแสนคัน เขาก็ทาใจเชื่อได้ยากจริง ๆ แต่ในเมือเหมียวอี้พูดอย่างนี้แล้ว นึกได้ว่าอีกฝ่ายควบคุมแดนมรณะดึกดำบรรพ์มานานขนาดนี้ คงจะมีวิธีการู้อะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้ แต่เขาก็ยังสงสัย “อาวุธจากวิญญาณชั่วร้ายไม่ใช้สิ่งที่คนปกิจะใช้งานได้ พลธนูหนึ่งแสนี้นล้วนี้เป็นนักพรตที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟเหรอ ?”
เขาค่อนข้างสงสัยจุดนี้ เคล็ดวิชาห้าธาตุไม่ใช้ว่าทุกคนจะฝึกได้ เพราะเน้นคนมีพรสวรรค์ คนในตาหนักสวรรค์ที่ฝึกเคล็ดวิชาห้าธาตุล้วนถูกบันทึกไว้ในทะเบียน แล้วจะไปรวบรวมนักพรตที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟมากขึ้นาดนั้นมีาจากไหน ? อย่าไปมองว่าใต้หล้ามีนักพรตเยอะ เพราะคนที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟมีน้อยจริง ๆ น้อยถึงน้อยมาก แม้แต่ตอนตาหนักสวรรค์รวบรวมไปปราบวิญญาณชั่วร้าย ก็ยังต้องดึงตัวนักพรตส่วนน้อยที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟมาจาเด็กเเต่ละคนพื้นที่เพื่อติดตามทัพไปทาศึก แล้วเหมียวอี้จะหามาจากไหนมากขึ้นาดนั้น ? ถ้าเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ไม่กลัวว่าจะถูกเปิดโปงเชียวหรือ ?
” ดึงตัววิญญาณชั่วร้ายที่มีวรยุทธ์บงกชทองขนไปจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ชั่วคราว!” เหมียวอี้ตอบเสียงเรียบ
เขาค่อนข้างสงสัยจุดนี้ เคล็ดวิชาห้าธาตุไม่ใช้ว่าทุกคนจะฝึกได้ เพราะเน้นคนมีพรสวรรค์ คนในตาหนักสวรรค์ที่ฝึกเคล็ดวิชาห้าธาตุล้วนถูกบันทึกไว้ในทะเบียน แล้วจะไปรวบรวมนักพรตที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟมากขึ้นาดนั้นมีาจากไหน ? อย่าไปมองว่าใต้หล้ามีนักพรตเยอะ เพราะคนที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟมีน้อยจริง ๆ น้อยถึงน้อยมาก แม้แต่ตอนตาหนักสวรรค์รวบรวมไปปราบวิญญาณชั่วร้าย ก็ยังต้องดึงตัวนักพรตส่วนน้อยที่ฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟมาจาเด็กเเต่ละคนพื้นที่เพื่อติดตามทัพไปทาศึก แล้วเหมียวอี้จะหามาจากไหนมากขึ้นาดนั้น ? ถ้าเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ไม่กลัวว่าจะถูกเปิดโปงเชียวหรือ ?
” ดึงตัววิญญาณชั่วร้ายที่มีวรยุทธ์บงกชทองขนไปจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ชั่วคราว!” เหมียวอี้ตอบเสียงเรียบ
“…” หยางชิ่งพูดไม่ออกทันที่รู้สึกตัวสั่นทั้งที่ไม่ได้หนาว ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหมอนี่จะพาวิญญาณชั่วร้ายมากขึ้นาดนั้นออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ !
ทำไมตาหนักสวรรค์ต้องกวาดล้างวิญญาณชั่วร้ายตามกำหนดเวลาล่ะ ? เพราะสิ่งนี้เหมือนโรคระบาด ถ้าแพรออกไปในวงกว้างเมื่อไหร่ ถ้าปล่อยให้เติบโตยิ่งใหญ่เมื่อไหร่ ก็จะทำให้สิ่งมีชีวิตในใต้หล้ากลายเป็นเถ้าถ่านแน่นอน ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นประสบหายนะ เกรงว่าทุกหนแห่งคงไม่เหลือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า
หยางชิ่งกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ “ตาหนักสวรรค์ไปกวาดล้างมาหลายครั้งแล้ว ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ยังมีวิญญาณชั่วร้ายที่วรยุทธ์บงกชทองขนไปเหลือเยอะนั้นเชียวเหรอ ?”
เหมียวอี้ตอบว่า “วิญญาณชั่วร้ายในแดนมรณะดึกดำบรรพ์จะถูกกวาดล้างหมดได้ง่ายขนาดนั้นได้ยังไงสถานที่ใหญ่โตขนาดนั้น อีกทั้งยังเหาะเหินไม่ได้ พอเข้าไปกวาดล้างก็ต้องอาศัยสัตว์พาหนะบินได้ แม้แต่วิญญาณชั่วร้ายเองก็ยังไม่รู้ชัดว่าในแดนมรณะดึกดำบรรพ์มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่เท่าไร ตามซอกมุมต่าง ๆไม่รู้ว่ามีซ่อนอยู่มากเท่าไร ถ้าไม่มีเฮยทั่นคอยช่วยเหลือข้าคงไม่รู้รายละเอียดของวิญญาณชั่วร้ายแดนมรณะดึกดำบรรพ์ชัดเจนเหมือนกัน ครั้งนี้ข้าเอาวิญญาณชั่วร้ายระดับบงกชทองขนไปออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์เกลี้ยงเลย! เรื่องนี้เปันผลงานของเฮยทั่น อยู่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หลายปีนับว่าไม่สูญเปล่า”
ทำไมตาหนักสวรรค์ต้องกวาดล้างวิญญาณชั่วร้ายตามกำหนดเวลาล่ะ ? เพราะสิ่งนี้เหมือนโรคระบาด ถ้าแพรออกไปในวงกว้างเมื่อไหร่ ถ้าปล่อยให้เติบโตยิ่งใหญ่เมื่อไหร่ ก็จะทำให้สิ่งมีชีวิตในใต้หล้ากลายเป็นเถ้าถ่านแน่นอน ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นประสบหายนะ เกรงว่าทุกหนแห่งคงไม่เหลือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า
หยางชิ่งกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ “ตาหนักสวรรค์ไปกวาดล้างมาหลายครั้งแล้ว ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ยังมีวิญญาณชั่วร้ายที่วรยุทธ์บงกชทองขนไปเหลือเยอะนั้นเชียวเหรอ ?”
เหมียวอี้ตอบว่า “วิญญาณชั่วร้ายในแดนมรณะดึกดำบรรพ์จะถูกกวาดล้างหมดได้ง่ายขนาดนั้นได้ยังไงสถานที่ใหญ่โตขนาดนั้น อีกทั้งยังเหาะเหินไม่ได้ พอเข้าไปกวาดล้างก็ต้องอาศัยสัตว์พาหนะบินได้ แม้แต่วิญญาณชั่วร้ายเองก็ยังไม่รู้ชัดว่าในแดนมรณะดึกดำบรรพ์มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่เท่าไร ตามซอกมุมต่าง ๆไม่รู้ว่ามีซ่อนอยู่มากเท่าไร ถ้าไม่มีเฮยทั่นคอยช่วยเหลือข้าคงไม่รู้รายละเอียดของวิญญาณชั่วร้ายแดนมรณะดึกดำบรรพ์ชัดเจนเหมือนกัน ครั้งนี้ข้าเอาวิญญาณชั่วร้ายระดับบงกชทองขนไปออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์เกลี้ยงเลย! เรื่องนี้เปันผลงานของเฮยทั่น อยู่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หลายปีนับว่าไม่สูญเปล่า”
“ฮ่า ๆ เรื่องเล็กน้อยง่ายจนแทบไม่ต้องออกแรง” เฮยทั่นหัวเราะร่าพลางเอามือตบพุงกลม ๆ ยักคิ้วหลิ่วตาด้วยความลาพองใจ พอได้ยินเหมียวอี้ชมว่าเปันผลงานของเขา ปาก็กพูดถ่อมตัว แต่คาถ่อมตัวนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนลาพองใจ
ส่วนเหมียวอี้ที่เมื่อครูนี้เพิ่งเปี่ยมีพลังน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับถอนหายใจอย่างกังวลนิดหน่อย “เจาชิง ให้หวังเฟยบอกพี่น้องในกองทัพองครักษ์ให้เตรียมตัวหนีให้ดี” บอกไม่ถูกว่ารู้สึกขื่นขมขนาดไหน เขานึกถึงศึกครึ่งธงพยัคฆ์ในปีนั้น แม้จะไม่ใช้ศึกใหญ่อลังการเหมือนที่เขาเผชิญในภายหลัง แต่ศกนั้นโหดร้ายเกินไป จะไม่มีใครร่างกายปกติแขนขาสมบูรณ์สักคน คนมากมายขนาดนั้นร้องไห้พลางขอร้องให้เขาหนี้ไป ภาพเหตุการณ์ที่สู้ตายและปกป้องกันและกันยังติดตาเหมือนเพื่งเกิดขึ้นใหม่ ทว่าลูกน้องเก่าสิบกว่าคนที่ดักซุ่มุอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์กลับถูกเขาฆ่าตายหมดแล้ว
เขาร้อยู่แจ่มแจ้งว่าถ้าให้ชิงเยว่ไปลงมือสิบกว่าคนั้นนก็แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย แต่เขาก็ยังต้องใจดาทาอย่างนั้น เพราะเขาต้องการธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้น และต้องกำจัดกำลังพลดักซุ่มสิบล้านั่นนด้วย มิหนาซ้ำก็ยังติดต่อลูกน้องเก่าพวกนั้นไม่ได้ ต่อให้ติดต่อได้แล้ว แต่ก็คงยากที่จะหลุดออกจากการควบคุมของซีเหม็นอู๋เหย่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจสละชีวิตคนพวกนั้นโดยไม่กะพริบตา
ตอนนี้ศึกใหญ่กำลังจะมาถึง เขาร้อย่างชัดเจน ว่าเมื่อเขามีคำสั่งออกไป้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าไหร่หัวหลุดเลือดสาด ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด
ส่วนเหมียวอี้ที่เมื่อครูนี้เพิ่งเปี่ยมีพลังน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับถอนหายใจอย่างกังวลนิดหน่อย “เจาชิง ให้หวังเฟยบอกพี่น้องในกองทัพองครักษ์ให้เตรียมตัวหนีให้ดี” บอกไม่ถูกว่ารู้สึกขื่นขมขนาดไหน เขานึกถึงศึกครึ่งธงพยัคฆ์ในปีนั้น แม้จะไม่ใช้ศึกใหญ่อลังการเหมือนที่เขาเผชิญในภายหลัง แต่ศกนั้นโหดร้ายเกินไป จะไม่มีใครร่างกายปกติแขนขาสมบูรณ์สักคน คนมากมายขนาดนั้นร้องไห้พลางขอร้องให้เขาหนี้ไป ภาพเหตุการณ์ที่สู้ตายและปกป้องกันและกันยังติดตาเหมือนเพื่งเกิดขึ้นใหม่ ทว่าลูกน้องเก่าสิบกว่าคนที่ดักซุ่มุอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์กลับถูกเขาฆ่าตายหมดแล้ว
เขาร้อยู่แจ่มแจ้งว่าถ้าให้ชิงเยว่ไปลงมือสิบกว่าคนั้นนก็แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย แต่เขาก็ยังต้องใจดาทาอย่างนั้น เพราะเขาต้องการธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้น และต้องกำจัดกำลังพลดักซุ่มสิบล้านั่นนด้วย มิหนาซ้ำก็ยังติดต่อลูกน้องเก่าพวกนั้นไม่ได้ ต่อให้ติดต่อได้แล้ว แต่ก็คงยากที่จะหลุดออกจากการควบคุมของซีเหม็นอู๋เหย่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจสละชีวิตคนพวกนั้นโดยไม่กะพริบตา
ตอนนี้ศึกใหญ่กำลังจะมาถึง เขาร้อย่างชัดเจน ว่าเมื่อเขามีคำสั่งออกไป้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าไหร่หัวหลุดเลือดสาด ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด
และท่ามกลางกำลังพลกองทัพองครักษ์ที่บุกโจมตีครั้งนี้ ก็ยังมีลูกน้องเก่าของเขาอยู่ในนนด้วยแต่เขาติดต่อไม่ได้ และคงไม่มีทางปลีกตัวออกมาจากทัพใหญ่ที่บุกโจมตีได้เช่นกัน ยามสองทัพเข่นฆ่ากัน เขาเองก็ไม่อาจสั่งให้ลูกน้องแยกแยะโดยละเอียดว่าคนไหนคือคนของตัวเองและหลีกเลี่ยงไม่ลงมือศึกใหญ่ขนาดนี้ใครจะไปแยกแยะได้ชัดเจน
ได้แต่พยายามช่วยเหลือด้วยการให้ลูกน้องเก่าพวกนั้นถอนตัวออกไป้ถ้าถอนตัวออกไปไม่ได้ เหมียวอี้ก็ทำได้เพียงขอโทษพวกเขาแล้ว
ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ท่านี้ ถ้าเขาบอกว่าทาไปเพื่อปกป้องตัวเอง บอกว่าถ้าเขาไม่ลงมือประมุขชิงก็จะลงมือกับเขา บอกว่าทาเพื่ออนาคตของพี่น้องที่ติดตามมาหลายปี คนในใต้หล้าจะเชื่อเหรอ ? เกรงว่าปากคงไม่กล้าพูดออกมาชัดเจน แต่ในใจจะต้องด่าเขาแน่นอนว่าเป็นหมาป่าชั่วร้ายที่มีใจทะเยอทะยาน
เขานึกถึงตัวเองในปีนั้นตอนที่ยังเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ เขากำลังคิดว่า ถ้าตัวเขาในตอนั้นนกำลังมองตัวเองในตอนนี้ ก็คงจะด่าว่าโจรสุนัขเหมือนกัน…
จวนท่านอ๋องมีทหารลาดตระเวนไปมา เตรียมป้องกันอย่างเข้มงวด
ทว่าข่าวที่ทัพใหญ่ของประมุขชิงโจมตียังแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว กระจายอยู่ในจวนท่านอ๋อง บอกว่าปริะมุขชิงระดมกองทัพ
ได้แต่พยายามช่วยเหลือด้วยการให้ลูกน้องเก่าพวกนั้นถอนตัวออกไป้ถ้าถอนตัวออกไปไม่ได้ เหมียวอี้ก็ทำได้เพียงขอโทษพวกเขาแล้ว
ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ท่านี้ ถ้าเขาบอกว่าทาไปเพื่อปกป้องตัวเอง บอกว่าถ้าเขาไม่ลงมือประมุขชิงก็จะลงมือกับเขา บอกว่าทาเพื่ออนาคตของพี่น้องที่ติดตามมาหลายปี คนในใต้หล้าจะเชื่อเหรอ ? เกรงว่าปากคงไม่กล้าพูดออกมาชัดเจน แต่ในใจจะต้องด่าเขาแน่นอนว่าเป็นหมาป่าชั่วร้ายที่มีใจทะเยอทะยาน
เขานึกถึงตัวเองในปีนั้นตอนที่ยังเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ เขากำลังคิดว่า ถ้าตัวเขาในตอนั้นนกำลังมองตัวเองในตอนนี้ ก็คงจะด่าว่าโจรสุนัขเหมือนกัน…
จวนท่านอ๋องมีทหารลาดตระเวนไปมา เตรียมป้องกันอย่างเข้มงวด
ทว่าข่าวที่ทัพใหญ่ของประมุขชิงโจมตียังแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว กระจายอยู่ในจวนท่านอ๋อง บอกว่าปริะมุขชิงระดมกองทัพ
องครักษ์หนึ่งพันห้าร้อยล้านโจมตี ทุกคนในจวนท่านอ๋องอกสั่นขวัญแขวน
ซูอวิ้นถามว่าอวิ๋นจือชิวอยู่ที่ไหน แล้วก็รีบเดินมาในสวนดอกไม้ เห็นเพียงอวิ๋นจือชิวกำลังนั่งดื่มน้ำชาอย่างสง่างามอยู่ในศาลา
หลังจากรีบเข้ามาทาความเคารพ ซูอวิ้นก็ถามว่า “เหนียงเหนียง ได้ยินว่าประมุขชิงระดมทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านมาโจมตีท่านอ๋องเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ?”
” จริงแล้วยังไง ไม่จริงแล้วยังไง ?” อวิ๋นจือชิวตอบอย่างไม่หยี่ระ
เดิมทีซูอวิ้นอยากจะถามว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร อย่างไรเสียเหมียวอี้ก็ปิดบังเรื่องนี้กับคนส่วนใหญ่ แม้แต่หยางชิ่งก็ไม่กล้าโผล่หน้ามาบอกเขานาง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นำงถามมาก หยางชิ่งถึงขั้นไม่ปรากฏตัวให้นำงเห็นในจวนท่านอ๋องด้วย ข่าวที่นางรู้มีจำกัด เดินทีคิดจะเอ่ยปากทาง แต่พอเห็นปฏิกิริยาของอวิ๋นจือชิวแล้ว นางก็แววตาวูบไหว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าอมยิ้มเล็กน้อย “สงสัยท่านอ๋องจะเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”
อวิ๋นจือชิวเงย่อหน้า ถามอย่างสนใจว่า “เหตุใดจึงคิดเช่นั้นน ?”
ซูอวิ้นยิ้มพร้อมบอกว่า “นี่ไม่ใช้เรื่องเล็ก แต่เหนียงเหนียงเยัอกเย็นได้ขนาดนี้ แสดงว่าท่านอ๋องย่อมมีวิธีการรับมือแล้ว”
อวิ๋นจือชิวยิ้มโดยไม่ตอบอะไร ส่วนจะรับมืออย่างไรนั้น ก็ไม่เอ่ยถึงแล้ว
ซูอวิ้นถามว่าอวิ๋นจือชิวอยู่ที่ไหน แล้วก็รีบเดินมาในสวนดอกไม้ เห็นเพียงอวิ๋นจือชิวกำลังนั่งดื่มน้ำชาอย่างสง่างามอยู่ในศาลา
หลังจากรีบเข้ามาทาความเคารพ ซูอวิ้นก็ถามว่า “เหนียงเหนียง ได้ยินว่าประมุขชิงระดมทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านมาโจมตีท่านอ๋องเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ?”
” จริงแล้วยังไง ไม่จริงแล้วยังไง ?” อวิ๋นจือชิวตอบอย่างไม่หยี่ระ
เดิมทีซูอวิ้นอยากจะถามว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร อย่างไรเสียเหมียวอี้ก็ปิดบังเรื่องนี้กับคนส่วนใหญ่ แม้แต่หยางชิ่งก็ไม่กล้าโผล่หน้ามาบอกเขานาง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นำงถามมาก หยางชิ่งถึงขั้นไม่ปรากฏตัวให้นำงเห็นในจวนท่านอ๋องด้วย ข่าวที่นางรู้มีจำกัด เดินทีคิดจะเอ่ยปากทาง แต่พอเห็นปฏิกิริยาของอวิ๋นจือชิวแล้ว นางก็แววตาวูบไหว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าอมยิ้มเล็กน้อย “สงสัยท่านอ๋องจะเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”
อวิ๋นจือชิวเงย่อหน้า ถามอย่างสนใจว่า “เหตุใดจึงคิดเช่นั้นน ?”
ซูอวิ้นยิ้มพร้อมบอกว่า “นี่ไม่ใช้เรื่องเล็ก แต่เหนียงเหนียงเยัอกเย็นได้ขนาดนี้ แสดงว่าท่านอ๋องย่อมมีวิธีการรับมือแล้ว”
อวิ๋นจือชิวยิ้มโดยไม่ตอบอะไร ส่วนจะรับมืออย่างไรนั้น ก็ไม่เอ่ยถึงแล้ว
ในขณะนี้เอง ทหารสวมเกราะรบกลุ่มหนังก็คุมตัวคนสิบกว่าคนก็เข้ามา เป็นอนุภรรยาสองคนรวมทั้งสาวใช้ ทั้งยังมีบ่าวไพร่ในจวนท่านอ๋องอีกหลายคน บางคนก็สีหน้าแย่มาก บางคนก็ทำตัวนิ่ง ๆ
พอวางถ้วยน้าชาลง อวิ๋นจือชิวก็จ้องสาวงามสองคนตรงหน้า แล้วถามเสียงเรียบว่า “ปล่อยข่าวลือบางอย่างในจวนท่านอ๋อง อยากจะทำให้ขวัญกำลังใจของทหารสั่นคลอนใช้ไหม ? ข้าควรจะบอกว่าพวกเจ้าดูถูกท่านอ๋องเกินไป หรือควรจะบอกว่าพวกเราโงเกินไปดีล่ะ ? คิดว่าข้าเป็นคนหูหนวกตาบอดเหรอ ? คิดว่าจะสืบหาไม่เจอเหรอ ? คิดว่าข้ามองไม่ออกเชียวเหรอว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้ามองพวกเจ้าเป็นตัวหมากที่ใช้แล้วทิ้ง ?”
สาวงามกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ผู้น้อยไม่รู้ว่าสิ่งที่เหนียงเหนียงพูดหมายความว่าอะไร”
อวิ๋นจือชิวพ่นเสียงทางจมูก “ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกไปแล้ว ว่าถ้าในจวนท่านอ๋องมีใครเป็นหนอนบ่อนไส้ ก็ให้ยืนขึ้นยอมรับด้วยตัวเอง ข้าจะไม่เอาผิดเรื่องที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีใครออกมาสักคน ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว ในเมือพวกเจ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าก่อกวนอีกเหรอ ? เช่นั้นนกอย่าโทษว่าข้าโหดร้ายใจดาก็แล้วกัน…ลากออกไป้ควรจะทายังไง ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกไว้แล้ว!”
ทหารคนหนังก็ุมหมัดเอย่รับคำสั่ง พอโบกมือทหารสวมเกราะรบก็ลากคนออกไปโดยตรง เพราะคนพวกนี้นึกขึ้นได้ถึงคำว่า ‘แล่เนื้อเปืนพันดาบหมื่นดาบ’ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจจนเสียขวัญ
พอวางถ้วยน้าชาลง อวิ๋นจือชิวก็จ้องสาวงามสองคนตรงหน้า แล้วถามเสียงเรียบว่า “ปล่อยข่าวลือบางอย่างในจวนท่านอ๋อง อยากจะทำให้ขวัญกำลังใจของทหารสั่นคลอนใช้ไหม ? ข้าควรจะบอกว่าพวกเจ้าดูถูกท่านอ๋องเกินไป หรือควรจะบอกว่าพวกเราโงเกินไปดีล่ะ ? คิดว่าข้าเป็นคนหูหนวกตาบอดเหรอ ? คิดว่าจะสืบหาไม่เจอเหรอ ? คิดว่าข้ามองไม่ออกเชียวเหรอว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้ามองพวกเจ้าเป็นตัวหมากที่ใช้แล้วทิ้ง ?”
สาวงามกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ผู้น้อยไม่รู้ว่าสิ่งที่เหนียงเหนียงพูดหมายความว่าอะไร”
อวิ๋นจือชิวพ่นเสียงทางจมูก “ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกไปแล้ว ว่าถ้าในจวนท่านอ๋องมีใครเป็นหนอนบ่อนไส้ ก็ให้ยืนขึ้นยอมรับด้วยตัวเอง ข้าจะไม่เอาผิดเรื่องที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีใครออกมาสักคน ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว ในเมือพวกเจ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าก่อกวนอีกเหรอ ? เช่นั้นนกอย่าโทษว่าข้าโหดร้ายใจดาก็แล้วกัน…ลากออกไป้ควรจะทายังไง ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกไว้แล้ว!”
ทหารคนหนังก็ุมหมัดเอย่รับคำสั่ง พอโบกมือทหารสวมเกราะรบก็ลากคนออกไปโดยตรง เพราะคนพวกนี้นึกขึ้นได้ถึงคำว่า ‘แล่เนื้อเปืนพันดาบหมื่นดาบ’ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจจนเสียขวัญ
“เหนียงเหนียงโปรดไว้ชีวิต!”
“เหนียงเหนียง ท่านทาอย่างนี้ไม่ได้นะ ข้าต้องการพบท่านอ๋อง ข้าต้องการพบท่านอ๋อง…”
อวิ๋นจือชิวมองตาขวาง “หุบปาก!”
มีเสียงดังเพี้ยะ ๆ แต่ละคนถูกตบปาก ตบจนเลือดเนื้อเละเทะปนกัน ไม่พูดอะไรอีกแล้ว
ซูอวิ้นแอบทอดถอนใจ ท่านอ๋องเพิ่งจะฆ่าอนุภรรยาไปคนหนึ่ง ตอนนี้ก็มีอีก สองคนแล้ว เกรงว่าสองคนนี้คงจะตายอย่างอนาถ…
ทางออกประตูดวงดาว ใกล้กับจุดที่กระจายกำลังทหาร ปี่จัวนากำลังพลเร่งนากำลังพลมาถึงก่อน ทัพใหญ่ห้าสิบล้านเผยตัว แค่โจมตียกเดียวก็ทำให้กำลังพลหลายล้านที่เฝ้าตรงทางเข้าแตกทลายแล้ว แต่ก็ไม่ไล่ตามกวาดล้าง พอปีั่จวออกคำสั่ง กำลังพลก็กระจายกันปิดล้อมทางออก เตรียมป้องกันไม่ให้ทัพฝ่ายศัตรูที่พลาดท่าเสียทีบนสนามรบหลักหนี้ไป
และในดาวอ๋องสวรรค์หนิวที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ ในดาราจักร กำลังพลสองร้อยล้านกำลังจัดกระบวนทัพ ชิงเยว่วางมือบนกระบี่ที่ห้อยตรงเอว ลอยอยู่หน้ากระบวนทัพ บนใบหน้างามที่องอาจห้าวหาญเผยความเยียบเย็นดุร้าย
กำลังพลหนึ่งพันที่นาโดยฉวี่ฉางเทียนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า กำลังเร่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
“เหนียงเหนียง ท่านทาอย่างนี้ไม่ได้นะ ข้าต้องการพบท่านอ๋อง ข้าต้องการพบท่านอ๋อง…”
อวิ๋นจือชิวมองตาขวาง “หุบปาก!”
มีเสียงดังเพี้ยะ ๆ แต่ละคนถูกตบปาก ตบจนเลือดเนื้อเละเทะปนกัน ไม่พูดอะไรอีกแล้ว
ซูอวิ้นแอบทอดถอนใจ ท่านอ๋องเพิ่งจะฆ่าอนุภรรยาไปคนหนึ่ง ตอนนี้ก็มีอีก สองคนแล้ว เกรงว่าสองคนนี้คงจะตายอย่างอนาถ…
ทางออกประตูดวงดาว ใกล้กับจุดที่กระจายกำลังทหาร ปี่จัวนากำลังพลเร่งนากำลังพลมาถึงก่อน ทัพใหญ่ห้าสิบล้านเผยตัว แค่โจมตียกเดียวก็ทำให้กำลังพลหลายล้านที่เฝ้าตรงทางเข้าแตกทลายแล้ว แต่ก็ไม่ไล่ตามกวาดล้าง พอปีั่จวออกคำสั่ง กำลังพลก็กระจายกันปิดล้อมทางออก เตรียมป้องกันไม่ให้ทัพฝ่ายศัตรูที่พลาดท่าเสียทีบนสนามรบหลักหนี้ไป
และในดาวอ๋องสวรรค์หนิวที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ ในดาราจักร กำลังพลสองร้อยล้านกำลังจัดกระบวนทัพ ชิงเยว่วางมือบนกระบี่ที่ห้อยตรงเอว ลอยอยู่หน้ากระบวนทัพ บนใบหน้างามที่องอาจห้าวหาญเผยความเยียบเย็นดุร้าย
กำลังพลหนึ่งพันที่นาโดยฉวี่ฉางเทียนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า กำลังเร่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ขบวนรบที่อยู่ข้างหลังชิงเยว่เว้นช่องว่างหนึ่งทาง ชิงเยว่ลอยถอยหลังไป นาทัพกลางถอยเข้าไปอยู่ในการคุ้มกันกลางขบวนรบ หากไม่จำเป็น ก็เป็นไปไม่ได้ที่ผู้บัญชาการสูงสุดอย่างนางจะพุ่งไปด้นรนสู้ตายอยู่ข้างหน้าสุด แบบนั้นี้เป็นพฤติกรรมที่สนใจแต่ความสะใจของตัวเองแต่กลับไม่รับผิดชอบใด ๆ
ชิงเยว่ชักกระบี่ขึ้นมาออกคำสั่ง ข้างหน้าขบวนทัพใหญ่สร้างแนวกาแพงโล่ขึ้นแล้ว มือธนูที่อยู่ข้างหลังง้างสายรอ
ฉวี่ฉางเทียนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วทอดสายตามองประเมิน เขานับจำนวนกำลังพลได้คร่าว ๆ แล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะแสยะหัวเราะ ดูท่าแล้ว การที่ตัวเองเผยกำลังพลห้าสิบล้านก่อนหน้านี้จะได้ผลแล้วจริง ๆ ทำให้อีกฝ่ายยอมแลกทุกอย่างเพื่อศึกนี้จริง ๆ ด้วย
สำหรับเขา เขาไม่กลัวที่จะรบกับหนิวโหย่วเต๋อกลัวก็แต่ว่าอีกฝ่ายจะไม่รบแล้วหนี้ไป ด้วยสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าหนิวโหย่วเต๋อระดมกำลังพลที่ตัวเองมีออกมาหมดแล้ว ดีมาก ทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแรงมาก!
ถ้าพูดจากบางระดับ จัดกำลังทหารของหนิวโหย่วเต๋อหรือกี่ำจัดหนิวโหย่วเต๋อคุ้มค่ากว่า ? ย่อมเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว
“กำลังพลห้าสิบล้าน จัดกระบวนทัพ!” ฉวี่ฉางเทียนยกมือห้ามไม่ให้พุ่งไปข้างหน้าต่อแล้วถ่ายทอดคำสั่งนี้
ชิงเยว่ชักกระบี่ขึ้นมาออกคำสั่ง ข้างหน้าขบวนทัพใหญ่สร้างแนวกาแพงโล่ขึ้นแล้ว มือธนูที่อยู่ข้างหลังง้างสายรอ
ฉวี่ฉางเทียนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วทอดสายตามองประเมิน เขานับจำนวนกำลังพลได้คร่าว ๆ แล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะแสยะหัวเราะ ดูท่าแล้ว การที่ตัวเองเผยกำลังพลห้าสิบล้านก่อนหน้านี้จะได้ผลแล้วจริง ๆ ทำให้อีกฝ่ายยอมแลกทุกอย่างเพื่อศึกนี้จริง ๆ ด้วย
สำหรับเขา เขาไม่กลัวที่จะรบกับหนิวโหย่วเต๋อกลัวก็แต่ว่าอีกฝ่ายจะไม่รบแล้วหนี้ไป ด้วยสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าหนิวโหย่วเต๋อระดมกำลังพลที่ตัวเองมีออกมาหมดแล้ว ดีมาก ทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแรงมาก!
ถ้าพูดจากบางระดับ จัดกำลังทหารของหนิวโหย่วเต๋อหรือกี่ำจัดหนิวโหย่วเต๋อคุ้มค่ากว่า ? ย่อมเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว
“กำลังพลห้าสิบล้าน จัดกระบวนทัพ!” ฉวี่ฉางเทียนยกมือห้ามไม่ให้พุ่งไปข้างหน้าต่อแล้วถ่ายทอดคำสั่งนี้
ทัพใหญ่ที่อยู่ทางซ้ายขวาหน้าหลังปรากฏตัว กำลังพลห้าสิบล้านปรากฏตัวแล้ว จัดกระบวนทัพเรียบร้อย เริ่มรุดหน้าไปรับกับกระบวนทัพของฝ่ายตรงข้าม เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะใช้กำลังปะทะกันโดยตรง
สำหรับการตั้งขบวนเตรียมประจันหน้ากันระหว่างทัพใหญ่ เมื่อมาถึงขนาดและขั้นนี้แล้ว ที่จริงก็ไม่มีกลยทธุ์อะไรมากแล้ว สิ่งที่ใช้สู้กันก็คือศักยภาพและพลังรบของทัพใหญ่ ที่เหลือก็คือความสามารถในการบัญชาการของผู้บัญชาการสูงสุดยามใกล้ถึงเวลารบ
ในใจของนักรบที่อยู่ทางซ้ายและขวาต่างก็รู้ดีว่าฝั่งนี้ไม่ได้นากำลังพลออกมาทั้งหมด
“รอจนข้าปะทะกับอีกฝ่ายซึ่ง ๆ หน้า ก็ปล่อยทัพใหญ่ออกมาให้หมดทันที่หันเจ๋อจวิ เจ้านากำลังพลหนึ่งร้อยล้านตีโอบไปฝั่งซ้าย ฉวนอู่ผิง เจ้านากำลังพลร้อยล้านตีโอบไปฝั่งขวา ล้อมโจมตีจากสามทางไปพร้อมกับข้า เซียวเหยียนเลี่ย เจ้านากำลังพลห้าสิบล้านอ้อมไป มุ่งตรงสู่รังโจร ต้องจัดการหนิวโหย่วเต๋อให้ได้ ถ้าจับเป็นได้ก็พยายามจับเป็น สรุปก็คืออย่าให้หนิวโหย่วเต๋อหนี้ไป ถ้าตัวคนไม่อยู่แล้ว กำลังพลของเจ้าก็กระจายกันค้นหาทันที่” ทัพใหญ่บุกไปข้างหน้า ฉวี่ฉางเทียนออกคำสั่งอย่างชัดเจนและเป็นระบบ
“ขอรับ!” แม่ทัพสามคนเอ่ยรับ
สำหรับการตั้งขบวนเตรียมประจันหน้ากันระหว่างทัพใหญ่ เมื่อมาถึงขนาดและขั้นนี้แล้ว ที่จริงก็ไม่มีกลยทธุ์อะไรมากแล้ว สิ่งที่ใช้สู้กันก็คือศักยภาพและพลังรบของทัพใหญ่ ที่เหลือก็คือความสามารถในการบัญชาการของผู้บัญชาการสูงสุดยามใกล้ถึงเวลารบ
ในใจของนักรบที่อยู่ทางซ้ายและขวาต่างก็รู้ดีว่าฝั่งนี้ไม่ได้นากำลังพลออกมาทั้งหมด
“รอจนข้าปะทะกับอีกฝ่ายซึ่ง ๆ หน้า ก็ปล่อยทัพใหญ่ออกมาให้หมดทันที่หันเจ๋อจวิ เจ้านากำลังพลหนึ่งร้อยล้านตีโอบไปฝั่งซ้าย ฉวนอู่ผิง เจ้านากำลังพลร้อยล้านตีโอบไปฝั่งขวา ล้อมโจมตีจากสามทางไปพร้อมกับข้า เซียวเหยียนเลี่ย เจ้านากำลังพลห้าสิบล้านอ้อมไป มุ่งตรงสู่รังโจร ต้องจัดการหนิวโหย่วเต๋อให้ได้ ถ้าจับเป็นได้ก็พยายามจับเป็น สรุปก็คืออย่าให้หนิวโหย่วเต๋อหนี้ไป ถ้าตัวคนไม่อยู่แล้ว กำลังพลของเจ้าก็กระจายกันค้นหาทันที่” ทัพใหญ่บุกไปข้างหน้า ฉวี่ฉางเทียนออกคำสั่งอย่างชัดเจนและเป็นระบบ
“ขอรับ!” แม่ทัพสามคนเอ่ยรับ
ไม่นานกระบวนทัพของของสองฝ่ายอยู่ตรงข้ามก็ันแล้ว ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในขอบเขตการยิงโจมตีที่มีอานุภาพมหาศาลจากธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
“กระบวนทัพรูปลิ่มบุกโจมตี่”
ผู้บัญชาการทัพของทั้งสองฝ่ายแทบจะโบกกระบี่ออกคำสั่งพร้อมกัน
“ฆ่า!”
ชั่วพริบตาเดียว ในขบวนรบของสองฝ่ายก็มีขบวนทัพยาวรูปลิ่มที่สร้างจากเกราะรบนับร้อยพุ่งออกมา พุ่งใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่ง เสียงตะโกนว่าฆ่าดังสะเทือนดาราจักร
“ยิงธนู!”
ขบวนรบของสองฝ่ายระเบิดลาแสงนับไม่ถ้วนออกมาพร้อมกัน โจมตีไปยังขบวนทัพรูปลิ่มของฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้ามา เกิดเสียงดังสะเทือนทันที่เลือกเนื้อปลิวกระจาย
ชั่วพริบตาเดียวการเข่นฆ่าก็เข้าสู่จุดเดือด ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมถอยง่าย ๆ ยามเผชิญการโจมตีที่ดุเดือดขนาดนี้ ไม่ว่าฝั่งไหนก็เลี้ยวกลับไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว
ฉวี่ฉางเทียนโบกกระบี่ไปทางซ้ายและขวา “บุกโจมตี่”
“กระบวนทัพรูปลิ่มบุกโจมตี่”
ผู้บัญชาการทัพของทั้งสองฝ่ายแทบจะโบกกระบี่ออกคำสั่งพร้อมกัน
“ฆ่า!”
ชั่วพริบตาเดียว ในขบวนรบของสองฝ่ายก็มีขบวนทัพยาวรูปลิ่มที่สร้างจากเกราะรบนับร้อยพุ่งออกมา พุ่งใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่ง เสียงตะโกนว่าฆ่าดังสะเทือนดาราจักร
“ยิงธนู!”
ขบวนรบของสองฝ่ายระเบิดลาแสงนับไม่ถ้วนออกมาพร้อมกัน โจมตีไปยังขบวนทัพรูปลิ่มของฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้ามา เกิดเสียงดังสะเทือนทันที่เลือกเนื้อปลิวกระจาย
ชั่วพริบตาเดียวการเข่นฆ่าก็เข้าสู่จุดเดือด ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมถอยง่าย ๆ ยามเผชิญการโจมตีที่ดุเดือดขนาดนี้ ไม่ว่าฝั่งไหนก็เลี้ยวกลับไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว
ฉวี่ฉางเทียนโบกกระบี่ไปทางซ้ายและขวา “บุกโจมตี่”
ชั่วขณะนั้น กำลังพลกองทัพองครักษ์สี่ร้อยห้าสิบล้านถูกปล่อยออกมาอย่างใหญ่โตมโหฬาร ด้านซ้ายมีกำลังพลหนึ่งร้อยล้านตีโอบเข้ามา ด้านขวามีกำลังพลร้อยล้านตีโอบเข้ามา แล้วก็มีกำลังพลอีกห้าสิบล้านวนอ้อมเตรียมจะมุ่งตรงสู่ดาวอ๋องสวรรค์หนิว
ชิงเยว่ที่อยู่ในสงครามแสยะยิ้ม ระฆังดาราในมือสั่นไหว
แม่ทัพใหญ่เซียวเหยียนเลี่ยที่นาทัพใหญ่ห้าสิบล้านมุ่งตรงสู่ดาวอ๋องสวรรค์หนิวพลันสีหน้าเปลื่ยน เห็นเพียงเงาคนที่หนาแน่นพุ่งมาจากดาวอ๋องสวรรค์หนิว
“ทำไม่ดีแล้ว!” แม่ทัพที่รับหน้าที่สังเกตุการณ์จากที่สูงพัลนี้ชไปรอบ ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงตะโกนว่า “นายท่าน พวกเราตกหลุมพรางแล้ว!”
ฉวี่ฉางเทียนมองซ้ายแล้วสีหน้าเปลื่ยน มองขวาแล้วสีหน้าเปลื่ยนอีก เห็นเพียงในดาราจักรทางซ้ายขวาหน้าหลังมีกำลังพลจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาอย่างเนื่องแน่น อย่างน้อยก็มีมากกว่าฝั่งนี้หลายเท่า เป็นการล้อมโจมตีโดยสมบูรณ์ เอากำลังพลมาจากไหนมากมายขนาดนี้ ? ข่าวกรองที่วังสวรรค์ส่งให้เขาไม่ได้รายงานเรื่องนี้เลย!
บนสนามรบ ข่าวกรองที่รายงานมักจะเป็นตัวกำหนดแพ้ชนะ
“รีบบอกปี่จัว ระวังจะมีกับดัก สั่งให้เขามาช่วยเดียวนี้!” ฉวี่ฉางเทียนที่ทำหน้าขรึมคารามสั่งอย่างโมโห
ชิงเยว่ที่อยู่ในสงครามแสยะยิ้ม ระฆังดาราในมือสั่นไหว
แม่ทัพใหญ่เซียวเหยียนเลี่ยที่นาทัพใหญ่ห้าสิบล้านมุ่งตรงสู่ดาวอ๋องสวรรค์หนิวพลันสีหน้าเปลื่ยน เห็นเพียงเงาคนที่หนาแน่นพุ่งมาจากดาวอ๋องสวรรค์หนิว
“ทำไม่ดีแล้ว!” แม่ทัพที่รับหน้าที่สังเกตุการณ์จากที่สูงพัลนี้ชไปรอบ ๆ แล้วถ่ายทอดเสียงตะโกนว่า “นายท่าน พวกเราตกหลุมพรางแล้ว!”
ฉวี่ฉางเทียนมองซ้ายแล้วสีหน้าเปลื่ยน มองขวาแล้วสีหน้าเปลื่ยนอีก เห็นเพียงในดาราจักรทางซ้ายขวาหน้าหลังมีกำลังพลจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาอย่างเนื่องแน่น อย่างน้อยก็มีมากกว่าฝั่งนี้หลายเท่า เป็นการล้อมโจมตีโดยสมบูรณ์ เอากำลังพลมาจากไหนมากมายขนาดนี้ ? ข่าวกรองที่วังสวรรค์ส่งให้เขาไม่ได้รายงานเรื่องนี้เลย!
บนสนามรบ ข่าวกรองที่รายงานมักจะเป็นตัวกำหนดแพ้ชนะ
“รีบบอกปี่จัว ระวังจะมีกับดัก สั่งให้เขามาช่วยเดียวนี้!” ฉวี่ฉางเทียนที่ทำหน้าขรึมคารามสั่งอย่างโมโห