บทที่ 332 ถูกหลอก
บทที่ 332 ถูกหลอก
ทันทีที่โทสะของกู้ซินเถาเพิ่มขึ้นสูง ครั้นเห็นว่าซุนซื่อส่งสายตาและเดินเข้ามาเพื่อหยุดนาง กู้ซินเถาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงปัดมือของซุนซื่อออกจากไหล่ “ซุนซีเอ๋อร์ ท่านยังเป็นแม่ของข้าอยู่หรือเปล่า? ท่านช่วยคนนอกแต่กลับไม่ช่วยข้าเลยเนี่ยนะ?”
กู้ซินเถารู้สึกเสียใจเป็นที่สุด
เมื่อเห็นว่าตนเองยั่วยุกู้เสี่ยวหวานไปมากมาย แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่แยแส เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เห็นกู้ซินเถาอยู่ในสายตาเลย
กู้เสี่ยวหวานเป็นใคร? แล้วกู้ซินเถาเป็นใครกัน?
พ่อของนางทำงานเป็นคนทำบัญชีอยู่ในร้านอาหาร
แต่พ่อแม่ของกู้เสี่ยวหวานถูกฝังอยู่ใต้ดินไปนานแล้ว คาดว่ากระดูกคงจะกลายเป็นอาหารของมดไปเสียแล้ว
พวกเขามีบ้านอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง และพวกเขาก็เป็นคนของเมืองหลิวเจีย
กู้เสี่ยวหวานยังคงอาศัยอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรมในหมู่บ้านอู๋ซี และยังคงเป็นเด็กสาวชนบท
พ่อของนางเป็นลูกชายคนโตของตระกูลกู้ และนางเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลกู้เช่นกัน
แล้วกู้เสี่ยวหวานเป็นใคร?
นางไม่แข็งแกร่งเท่ากู้เสี่ยวหวานตรงไหน เหตุใดกู้เสี่ยวหวานชอบทำให้นางไม่พอใจอยู่เรื่อย นี่นางทำเช่นนั้นเพื่ออะไรกันแน่?
กู้ซินเถาไม่เข้าใจ
ในครั้งนี้ที่กู้เสี่ยวหวานยังคงเพิกเฉยต่อนาง ราวกับว่าการกระทำนั้นเป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงในใจของกู้ซินเถา และสิ่งเหล่านั้นกำลังแผดเผา
แต่ซุนซื่อยังบอกนางว่าอย่ายั่วโมโหกู้เสี่ยวหวาน เหตุผลคืออะไรกันแน่ กู้ซินเถากลัวสาวน้อยคนนี้ที่ไหนกัน?
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของลูกสาว ซุนซื่อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งราวกับว่านางไม่เคยคิดว่าลูกสาวของนางจะมีด้านที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน
นางตกตะลึงและพึมพำ “ซินเถา ข้า…ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นทุกข์!”
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา จึงกล่าวอย่างประชดประชันว่า “หรือว่าท่านอยู่ในคุกมานานแล้ว เลยกลัวอย่างนั้นหรือ? ถูกคุมขังไปก็กลัวเสียแล้ว?”
“ซินเถา ข้า…ข้า…” เมื่อเผชิญกับคำถามของกู้ซินเถา ซุนซื่อไม่สามารถตอบอะไรได้และกล่าวอย่างลังเล เมื่อกู้ซินเถาเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ดูถูกนางมากขึ้นไปอีก เดิมทีนางคิดว่ามารดาจะยังอยู่เคียงข้างนาง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เสียเปรียบกู้เสี่ยวหวานไปเพียงหนึ่งครั้ง นางก็กลายเป็นคนขี้กลัวและหวาดระแวงเช่นนี้
นางกลัว แต่กู้ซินเถาไม่กลัว!
กู้ซินเถามองไปที่ซุนซื่ออย่างดุร้าย ซุนซื่อไม่เคยเห็นสายตาเช่นนี้ของกู้ซินเถามาก่อน ในนั้นมีทั้งความรังเกียจ ความขุ่นเคือง การเยาะเย้ย และดูถูก แม้ว่าซุนซื่อจะไม่อยากยอมรับ แต่ดวงตาของกู้ซินเถานั้นมีทุกอย่าง
การเสียดสีในดวงตาและการเยาะเย้ยที่มุมปากของนางทำให้ซุนซื่อตะลึง และมองที่กู้ซินเถาด้วยหัวใจที่หนาวเหน็บ
หลังจากที่มองซุนซื่อเสร็จ นางก็หันกลับมาทางกู้เสี่ยวหวานและก่นด่าเสียงดัง “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าคงยังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์หรือ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้า? อย่างไรเสีย การซื้อที่ดินในเมืองนั้นช่างน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนั้นเลยหรือ?แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องก็ไม่คิดจะทักทายเลย?”
ดูเหมือนว่าซุนซื่อยังคงมีสมองอยู่บ้างจึงไม่ได้กล่าวให้แตกหักในทันที เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นหน้าที่แดงก่ำของกู้ซินเถาก็รู้สึกเพียงว่ามันน่าขบขัน
นางเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง แต่กลับให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ชอบการแข่งขันและโลภมาก
กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวประโยคหนึ่งออกมา “ข้าไม่ได้กล้าหาญเท่าท่านนะ สามสิบตำลึงเงินของค่าเสื้อผ้าสองตัว นั่นคือค่าเช่าเกือบครึ่งปีของข้า!”
กู้เสี่ยวหวานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ประโยคนี้ดูเหมือนจะเป็นการยกย่องกู้ซินเถา นางจึงรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากคิดทบทวนดูแล้วนางก็รู้สึกว่าประโยคนี้มันไม่ถูกต้อง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้ากำลังด่าข้าอยู่อย่างนั้นหรือ?” กู้ซินเถาตะโกนอย่างไม่พอใจ คำพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นการบอกว่านางใช้เงินฟุ่มเฟือย
เด็กผู้หญิงก็คือเด็กผู้หญิง แค่เพียงประโยคเดียวก็ระงับอารมณ์ไม่ได้เสียแล้ว
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา นางส่ายศีรษะและกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “ไม่ใช่ ข้ากำลังชื่นชมท่านอยู่ ท่านทั้งมีเงิน มีหน้าตาที่งดงาม เดิมที่ท่านเป็นคนสวยอยู่แล้ว และการใช้เงินถึงสามสิบตำลึงเงินเพื่อซื้อชุด แน่นอนว่ามันก็ต้องงดงามอยู่แล้ว แล้วถ้าเสื้อผ้าที่งดงามมาอยู่บนตัวของคนที่งดงามก็จะยิ่งงดงามขึ้นไปอีก แล้วยังมีดอกไห่ถังอีก ไม่รู้ว่าเวลาไปเดินบนถนนจะทำให้ชายหนุ่มมาหลงใหลมากเพียงใด!” ในตอนสุดท้ายกู้เสี่ยวหวานมีสีหน้าอิจฉา
เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังชมตนเองอยู่ และรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาก “หึ เจ้าก็มีไหวพริบดีนี่!”
นางไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ในสายตาของกู้เสี่ยวหวานเลย
พี่ฝูที่ได้ยินคำตอบของกู้ซินเถาก็ปิดปากและแอบลอบยิ้ม
ลูกค้าที่เข้ามาซื้อผ้าในร้านขายผ้า เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ซินเถา พวกเขาต่างก็พากันชี้ไปที่นาง
แม้ว่าพวกเขาจะกระซิบ แต่ในร้านขายผ้าเล็ก ๆ แห่งนี้ พวกนางจึงได้ยินชัดเจน
เมื่อสักครู่กู้ซินเถายังคงพึงพอใจ แต่เมื่อมีเสียงซุบซิบดังขึ้นก็ทำให้นางไม่พึงพอใจอีกต่อไป
“นี่เป็นลูกสาวบ้านไหนกัน ทำไมถึงไร้ยางอายเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว คิดอยากจะทำให้ชายหนุ่มมาหลงใหล อายุยังน้อยแต่ช่างไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ถ้าโตไปจะเป็นอย่างไร”
“ใช่แล้ว หน้าไม่อาย! ผู้ใดแต่งงานด้วยก็คงจะโชคร้าย!”
“อืม พวกเราคงต้องจับตาดูเอาไว้ อย่าให้ผู้หญิงเช่นนี้มายุ่งกับลูกชายของพวกเราได้”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
เมื่อสักครู่ กู้ซินเถายังคงพึงพอใจ แต่คราวนี้เมื่อนางได้ยินว่ามีลูกค้าในร้านว่าตัวเองว่าไร้ยางอาย กู้ซินเถาก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที
เมื่อมองไปรอบ ๆ มีผู้หญิงหลายคนเข้ามาในร้านขายผ้า และเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ล้วนเป็นของดี ดูเหมือนว่าคงจะอยู่ในเมือง และถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างมั่งคั่ง ในขณะนี้คนเหล่านั้นกำลังซุบซิบพลางชี้นิ้วมาที่นาง
หน้าไม่อาย ไร้ยางอาย ผู้ใดแต่งงานด้วยก็คงจะโชคร้าย คำพูดเหล่านี้ราวกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในหูของนางจนเจ็บแก้วหู
เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง นางมองมาที่ตนเองด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ปรากฏว่านางกำลังโกหกตนเองอยู่
กู้ซินเถาทั้งอายทั้งโกรธ และยกมือขึ้นเพื่อจะตบกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่ทันได้คิด กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งราวกับไม่เชื่อว่ากู้ซินเถาจะตบลงมาจริง ๆ
ทันใดนั้น ซุนซื่อก็เข้ามาจับมือของกู้ซินเถาเอาไว้และรีบกระซิบ “เจ้าเด็กเหลือขอ ห้ามทำ ห้ามทำ!”
ในตอนแรกที่ซุนซื่อได้ยินคำตอบของกู้ซินเถา ในใจของนางรู้สึกไม่ดีและมันสายเกินไปที่จะก้าวไปข้างหน้า และปิดปากของกู้ซินเถา
เมื่อคนรอบข้างที่ชี้นิ้วมาที่พวกเขา กู้ซินเถาก็รู้สึกได้ว่าถูกกู้เสี่ยวหวานหลอกอีกแล้ว