บทที่ 362 อาหารวันส่งท้ายปีเก่า
บทที่ 362 อาหารวันส่งท้ายปีเก่า
กู้ฉวนลู่กล่าวต่อ “เมื่อปีใหม่ผ่านไป ถ้าเหมียวเอ้อร์ยังไม่กลับมาก็ให้ครอบครัวของเหมียวเอ้อร์ไปที่ที่ว่าการ แล้วให้เสี่ยวหลีจื่อเป็นพยาน และชี้หลักฐานทั้งหมดไปที่กู้เสี่ยวหวาน ส่วนเราก็คอยเฝ้าดูจากอีกด้าน ถ้าเราดึงกู้เสี่ยวหวานลงมาได้ มันจะเป็นผลดีต่อเรา ถ้าเราไม่สามารถดึงนางลงมาได้ แต่พวกเราก็สามารถทำให้กู้เสี่ยวหวานตกอยู่ในความระส่ำระส่าย”
หลังจากฟังคำแนะนำของฉวนลู่ ซุนซื่อก็คิดว่ามันเป็นวิธีที่ดี
พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกหน้าเลย พวกเขาเพียงแค่ให้คำแนะนำเล็กน้อยแก่ครอบครัวเหมียว หากเป็นกู้เสี่ยวหวานลงมือจริง ๆ การฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยทั้งชีวิตของนาง หากไม่ใช่นาง แต่ทุกคนชี้มาที่ตัวนาง หากนางไม่มีหลักฐานใด ๆ แค่คำพูดของกู้เสี่ยวหวานจะคงไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
ยอดเยี่ยมเสียจริง!
…
ปัง!
มีใครบางคนกำลังจุดประทัด และเสียงประทัดดังขึ้นทั่วทั้งหมู่บ้าน
กู้หนิงผิงถือประทัดอยู่ในลานบ้านเป็นเวลานาน เสียงประทัดก็ทำให้หูแทบจะหนวก
กู้เสี่ยวอี้กระโดดอย่างเริงร่าอยู่ในบ้าน “โอ้ ปีใหม่ ปีใหม่ ปีใหม่”
กู้เสี่ยวหวานมองด้วยความเบิกบานใจ และรู้สึกว่าเสียงประทัดของประทัดนั้นอ่อนโยนราวกับเสียงดนตรีอันไพเราะ
วันส่งท้ายปีเก่าปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วมาก
หลังจากเสียงประทัดจบลง ทุกคนก็กลับมารวมตัวกันในบ้าน และโต๊ะตัวใหม่ก็เต็มไปด้วยจานอาหาร
หมูผัดซอสแดง ปลาต้มซีอิ๊ว ซี่โครงหมูผัดซอส น้ำแกงไก่ และเห็ดตี้มู่ผัดไข่ นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานยังซื้อเนื้อหายากในร้านขายของชำมาสองชนิด ซึ่งสามารถเรียกได้ว่ามีทั้งอาหารหลักและอาหารจานอื่น ๆ ฝีมือการทำอาหารของกู้เสี่ยวหวานยอดเยี่ยม และอาหารที่นางทำก็เต็มไปด้วยสีสันและมีรสชาติหลากหลาย
โต๊ะที่ซื้อมาใหม่มีขนาดใหญ่มากพอ และไม่รู้สึกว่าแออัดเมื่ออาหารถูกวางเต็มโต๊ะ ทุกคนนั่งลงด้วยกัน หลังจากนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ตักน้ำแกงไก่ใส่ชามให้ทุกคน
นางยกชามขึ้นพลางกล่าวอย่างมีความสุขว่า “วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ปีนี้ทุกคนทำงานหนัก มาเถอะ มาใช้น้ำแกงไก่แทนสุรา และมาขอพรปีใหม่ให้เป็นปีที่ดีกันเถอะ”
“สวัสดีปีใหม่ … ” ทุกคนยืนขึ้นทีละคน ยกชามในมือขึ้นชนกัน แล้วดื่มน้ำแกงจนหมดชาม
กู้เสี่ยวหวานมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารมากมาย แล้วเงยหน้ามองใบหน้าของทุกคน ครั้นเห็นทุกคนยิ้มอย่างพอใจ ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่นางมาโลกนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และในตอนนี้มันต่างออกไป
เวลาผ่านไปเร็วมากจริง ๆ!
ความเงียบเหงาฉายชัดในดวงตาของกู้เสี่ยวหวาน ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกฉินเย่จือสังเกตเห็น เขายื่นตะเกียบออกมาและคีบอาหารจานโปรดของกู้เสี่ยวหวานแล้ววางลงบนชามข้าวของนาง
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมอง พลันเห็นสายตาอันอ่อนโยนที่ฉินเย่จือส่งมา
เด็กหญิงจึงส่งยิ้มให้เขา ในช่วงเวลานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อเห็นฉินเย่จือ
คิ้วของนางโค้งขึ้น และภายใต้แสงของตะเกียงน้ำมัน ดวงดาวดวงเล็ก ๆ ในดวงตาของนางส่องสะท้อนเข้ามาในหัวใจของฉินเย่จือ
ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานส่งท้ายปีเก่าอย่างอบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุข
แต่ครอบครัวของกู้ฉวนโซ่วนั้นไม่ค่อยดีนัก
เฉาซื่อนำอาหารทั้งหมดในครอบครัวไปที่บ้านพ่อแม่ของนาง ภายในบ้านจึงไม่เหลืออาหารอยู่เลย
กู้ฉวนโซ่วไม่ได้กลับมา และเฉาซื่อก็ไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว เมื่อเห็นความหนาวเย็นในบ้าน เสียงประทัด เสียงเพลง และเสียงหัวเราะที่มาจากบ้านของคนอื่น คงไม่ต้องพูดถึงว่าใจของเฉาซื่ออึดอัดแค่ไหน
แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น เมื่อเฉาซื่อคิดว่ากู้ฉวนโซ่วจะไม่กลับบ้านในคืนวันที่สามสิบของวันส่งท้ายปีเก่า ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไร้ประโยชน์เพียงใด คนผู้นี้แม้แต่บ้านก็ไม่กลับด้วยซ้ำ
ซุนซื่อทำอาหารหนึ่งโต๊ะ เฉาซื่อจึงทำได้เพียงทำตัวหน้าด้าน และพาลูกสองคนไปรับประทานอาหารที่บ้านปีกตะวันตก
ซุนซื่อไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นเฉาซื่อปรากฏตัว แต่เนื่องจากเฉาซื่อก็เป็นสมาชิกของตระกูลกู้ และพวกเขาทั้งหมดก็อาศัยอยู่ในบ้านเก่าของตระกูลกู้ ถ้าไม่ต้อนรับก็เกรงว่าพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าเฉาซื่อจะแพร่ข่าวลืออะไรออกไป
ใบหน้าของนางดูบึ้งตึ้ง ซุนซื่อจึงทำได้เพียงเพิ่มเก้าอี้อีกสามตัว จัดเตรียมชุดอาหารสามชุด และแสร้งทำเป็นคนใจกว้างและกล่าวว่า “ข้ากำลังจะไปเชิญเจ้ามาทานอาหารเย็นพอดีเลย มาที่นี่ก่อนเถอะ มา มา มา ไปนั่งที่โต๊ะเร็ว!”
เฉาซื่อมองกองกระดูกไก่ที่ถูกคายออกมาบนโต๊ะพลางมุ่ยปาก พวกเขากินเกือบเสร็จแล้ว และแสร้งทำเป็นเรียก การกระทำนี้ดูจอมปลอมเกินไป
แต่เฉาซื่อก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา คราวนี้พวกเขามาทานข้าวด้วยความละอาย ถ้านางอ้าปากกล่าวอะไรออกมา นั่นคงจะทำให้กู้ฉวนลู่ไม่มีความสุข และพวกนางคงจะหิวไปตลอดทั้งคืนนี้
เฉาซื่อยิ้มและเหลือบมองที่กู้ฉวนลู่ที่พ่นลมอย่างเย็นชาพลางจ้องมองที่นางแต่ไม่ได้กล่าวอะไร
เนื่องจากไม่มีเสียงเชิญชวน เฉาซื่อจึงพาลูกสองคนไปที่โต๊ะในทันที และเมื่อนั่งลงได้ พวกนางก็สูบอาหารบนโต๊ะทันทีราวกับพายุ
เมื่อเห็นวิธีการรับประทานอาหารที่ไม่ธรรมดาของเฉาซินเหลียน ซุนซื่อก็มีสีหน้าเย็นชาขึ้นมา
กู้จือเหวินลุกออกจากโต๊ะและกล่าวอย่างเย็นชาว่าจะไปทบทวนหนังสือแล้วก็หันหลังจากไป
กู้ซินเถาก็ได้ย้ายเก้าอี้ออกจากโต๊ะ เมื่อเห็นกู้ถิงถิงกินอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ นางจึงรู้สึกรังเกียจในใจพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าปิดปากและไม่มองดูพวกเขาอีกเลย
เฉาซื่อกินอย่างรีบร้อน นางใช้ตะเกียบคีบอาหารมาจำนวนมากแล้วใส่เข้าไปในปาก แม้ว่าอาหารจะเย็นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความอยากอาหารของเฉาซื่อเลย
หมูตุ๋นชิ้นใหญ่ถูกโยนเข้าไปในปากของนาง และเมื่อกัดไปหนึ่งคำ น้ำมันก็ไหลเยิ้มออกจากมุมปาก
ไม่ต้องพูดถึงกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสี เนื่องจากเมื่อตอนกลางวันเฉาซื่อกินข้าวไปสองชาม ทั้งสองคนจึงได้กินข้าวเพียงครึ่งชามและมันไม่ได้ทำให้อิ่มท้อง เมื่อมองดูอาหารบนโต๊ะ ถึงแม้จะเป็นอาหารที่เขากินเหลือ แต่ก็ดีกว่ามื้อปกติมาก
คนเหล่านั้นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่พวกเขาไม่เห็นสายตาที่ดูถูกของกู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ เลย
“โอ้ น้องสาว พวกเจ้ากินช้าลงหน่อยเถิด ไม่มีใครแย่งกินหรอกนะ!” ซุนซื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อนางเห็นใบหน้าที่มืดลงของกู้ฉวนลู่ นางก็กลัวว่าเขาจะระเบิดอารมณ์ออกมา
ในเวลานี้ เฉาซื่อกินอย่างอิ่มหนำสำราญ และเรอออกมาอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์
“เอิ้ก … ” เฉาซื่อเอามือเช็ดคราบน้ำมันที่มุมปาก นางเช็ดไม่หมดจึงทำให้ใบหน้าเปื้อนขึ้นไปอีก ขณะนั้นหน้าของนางก็เต็มไปด้วยน้ำมัน ซึ่งมองดูแล้วน่าขยะแขยงยิ่งนัก