บทที่ 367 วาจาแปลกประหลาด
บทที่ 367 วาจาแปลกประหลาด
กู้ถิงถิงอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ของข้าไม่ได้ป่วย ท่านแม่ของข้าถูกท่านพ่อทุบตีและนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้”
กู้ถิงถิงไม่เข้าใจเสียงกรีดร้องในวันส่งท้ายปีเก่า ครั้นได้ยินเสียงครวญครางของเฉาซื่อ นางจึงคิดว่ากู้ฉวนโซ่วทำร้ายเฉาซื่อ
“ว่าอย่างไรนะ? พ่อของเจ้าทุบตีภรรยาของเขาอีกแล้วหรือ?” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว และรู้สึกขยะแขยงกับกู้ฉวนโซ่วมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชายที่ทุบตีภรรยา มันไม่ใช่ผู้ชาย!
“แล้วพ่อของเจ้าล่ะ? พ่อของเจ้าไม่อยู่บ้านหรือ? หรือว่าหลังวันส่งท้ายปีเก่าก็ออกไปอีกแล้ว?”
“อืม!” กู้ถิงถิงพยักหน้าและกล่าวอย่างไม่พอใจ “ท่านพ่อของข้าเพิ่งกลับมาในคืนวันส่งท้ายปีเก่า เขาทุบตีแม่ของข้าแล้วก็หายตัวไป ไม่รู้ว่าท่านพ่อไปที่ไหน”
เกิดอะไรขึ้นกับกู้ฉวนโซ่วกัน?
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเฉาซื่อแต่งงานเข้ามาได้อย่างไร เพราะบิดามารดาของนางยอมมีหนี้ท่วมหัว พวกเขาจึงให้เฉาซื่อแต่งงานออกมา กู้ฉวนโซ่วรักนางราวกับชีวิตมิใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้กลับลงไม้ลงมือกับนางเสียแล้วล่ะ?
ช่างเรื่องทำร้ายเฉาซื่อไปก่อน เหตุใดเขาถึงไม่สนใจลูกสองคนนี้เลยล่ะ? วันส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้ เขาไปที่ไหนกัน?
“พวกเจ้าไม่ได้ไปหาพ่อพวกเจ้าหรือ? วันส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้พ่อของพวกเจ้าไปที่ไหน?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านลุงใหญ่ก็เรียกคนมาช่วยตามหา แต่ก็หาไม่เจอ” กู้ถิงถิงราวกับกำลังจะร้องไห้
“ท่านลุงใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้วหรือ?” เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่ากู้ฉวนลู่กลับมา นางก็มีสีหน้าดูไม่ได้
เมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานบอกว่าเป็นลุงของนาง นางจึงมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่ากู้ฉวนลู่ก็เป็นลุงของกู้เสี่ยวหวานด้วยหรอกหรือ
ความสงสัยก็เป็นเพียงความสงสัย แต่กู้ถิงถิงไม่กล้าถามเพราะตอนนี้ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานไม่น่ามองยิ่งนัก แต่เพื่อขออาหารที่นี่ในวันนี้ กู้ถิงถิงไม่กล้าแตะต้องโชคร้ายของกู้เสี่ยวหวาน รีบไปเอาอาหารแล้วรีบออกไปดีกว่า!
“กลับมาแล้ว กลับมาวันส่งท้ายปีเก่า”
“แล้วในช่วงเวลานี้ พวกเจ้ากินข้าวที่ไหน?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม
“ก็ … ที่บ้านท่านลุงใหญ่ แต่เมื่อวานท่านป้าและคนอื่น ๆ กลับไปบ้านพ่อแม่ของพวกเขา” กู้ซุ่นสีตอบ
เข้าใจแล้ว! กู้เสี่ยวหวานตระหนักได้ในทันที
ปรากฏว่าที่บ้านไม่มีอาหาร ซุนซื่อก็จากไปแล้ว ทิ้งเฉาซื่อที่นอนอยู่บนเตียงขยับไม่ได้และลูกสองคนไว้ ครั้นพวกเขารู้สึกหิวโหยจึงคิดที่จะออกไปหาอะไรกิน
แน่นอน พวกเขาต้องมาที่นี่
ในบ้านมีเฉาซื่อเพิ่มมาอีกคน ดังนั้นความอยากอาหารก็จะเพิ่มมากขึ้น!
มาดูชามข้าวที่เอามาครั้งนี้ ใหญ่เป็นเท่าตัวของครั้งที่แล้ว ดูเหมือนว่าการมีอีกคนเพิ่มมา คงต้องตักเพิ่มให้แล้ว!
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้เฉาซื่อกินอาหารมื้อนี้เลย
นางปฏิเสธอย่างเย็นชา “กู้ถิงถิง กู้ซุ่นสี หากให้เจ้าสองคนกิน ข้าเห็นด้วย แต่สำหรับให้แม่ของเจ้ากิน ขอโทษที ที่นี่ไม่ใช่โรงทาน แม่ของเจ้ามีมือและเท้า นอนอยู่บนเตียงและไม่กินข้าวสักเจ็ดวันก็คงไม่ตายหรอก”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้ไปเอาอาหารมาให้ กู้ถิงถิงก็กังวลเล็กน้อยและกล่าวทันทีว่า “ท่านพี่เสี่ยวหวาน ข้ารู้ว่าท่านแม่มักจะรังแกท่านเสมอ แต่ตอนนี้ท่านแม่ป่วยอยู่ นอนน่าสงสารอยู่บนเตียง ท่านให้ท่านแม่ของข้ากินสักคำเถอะ!”
“หึ… น่าสงสารอย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานหัวเราะราวกับว่านางได้ยินเรื่องน่าขันและรัศมีที่ดุร้ายก็แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง “น่าสงสารอย่างนั้นหรือ? เพียงแค่วันแรกก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ? กู้ถิงถิง ข้าจะบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าเจ้าหิวก็มากินที่บ้านของข้า ส่วนข้าวของแม่เจ้า ข้าไม่สน!”
“ท่านพี่เสี่ยวหวาน เหตุใดท่านถึงใจร้ายได้ขนาดนี้?” กู้ซุ่นสีตะโกนขึ้น “นั่นคือแม่ข้านะ นั่นเป็นอาของท่านนะ ท่านแม่ป่วยเช่นนี้ ท่านจะไม่สนใจหน่อยหรือ?”
ท่าทางที่โกรธจัดดูเหมือนจะกล่าวหากู้เสี่ยวหวานว่าเป็นคนไม่แยแส
ฮ่า ๆ น่าขันเสียจริง กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กู้ซุ่นสีอย่างเยาะเย้ยราวกับว่านางกำลังได้ยินเรื่องตลก
ใบหน้าของกู้ซุ่นสีเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาแดงก่ำ เขาอาจจะคิดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่เย็นชาและโหดเหี้ยม
เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กัน?
กู้เสี่ยวหวานยิ้มมุมปากพลางมองไปที่กู้ซุ่นสีกับกู้ถิงถิง และกล่าวทีละคำ “เจ้าทั้งสองยังเด็กอยู่ ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้าก็แล้วกัน ตอนนี้แม่ของเจ้านอนอยู่บนเตียง น่าสงสารอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้ารู้อะไรหรือไม่ ตอนนั้นข้าเกือบตายในแม่น้ำ ตอนนั้นที่ข้ากำลังจะตาย แม่ของเจ้าเคยมาดูข้าสักครั้งหรือไม่? มีอาที่ไหนที่แช่งให้หลานสาวไปตายบ้าง? มีอาที่ไหนที่มาคร่อมหลานสาวแล้วทำร้ายจนข้าหน้าตาบวมและฟกช้ำบ้าง? ห้ะ?”
ฉินเย่จือที่อยู่ข้างในได้ยินจึงรีบวิ่งออกไปทันที เขาเห็นแผ่นหลังบางของกู้เสี่ยวหวานที่แสดงความเจ็บปวดออกมา เมื่อมาถึงด้านข้างของกู้เสี่ยวหวานแล้ว เขาก็ใช้มือทั้งสองข้างตบไหล่นางอย่างปลอบใจ และยืนอยู่ข้างหลังนาง
กู้เสี่ยวหวานหันกลับไปและเห็นว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของฉินเย่จือเต็มไปด้วยความทุกข์ กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มให้ฉินเย่จือราวกับบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล
ฉินเย่จือไม่ได้ถอนมือออก แต่ยังคงวางบนไหล่ของกู้เสี่ยวหวานเบา ๆ และยืนอยู่ข้างหลังนาง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสบายใจราวกับว่ามีคนให้พึ่งพา และนางก็มีความมั่นใจในการพูดมากขึ้น
“…” กู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีมองหน้ากัน ก่อนจะก้มหน้างุดโดยไม่กล่าวอะไร แต่ดวงตาฉายความไม่มั่นใจอย่างชัดเจน
กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่ากู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีหลังจากทานอาหารไม่กี่มื้อก็กล้าที่จะว่าพวกนางแล้ว พวกเขาเป็นพี่น้องกัน แม้ว่าเฉาซื่อจะไม่ดีกับนาง แต่กู้เสี่ยวหวานจะไม่เอาความโกรธไปลงที่น้องสองคน และตอนที่นางกำลังจะให้พวกเขากินข้าวแล้ว ก่อนจะไล่กลับไป
กู้ซุ่นสีก็พ่นลมอย่างเย็นชาและตะโกนเสียงดัง “กู้เสี่ยวหวาน บ้านท่านมีเงินมากถึงเช่นนั้น ให้อาหารกับพวกเราสักสองมื้อคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง!”
ดูเหมือนว่าเงินในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานจะตกลงมาจากฟากฟ้าให้พวกเขาได้กินและใช้
“ท่านแม่ของข้าบอกว่า ไม่ว่าครอบครัวของท่านจะมีเงินเท่าไร เมื่อถึงเวลาก็ต้องเอามาให้ข้า!” กู้ซุ่นสีพึมพำออกมา คำพูดนั้นทำให้กู้เสี่ยวหวานโกรธจนแทบสิ้นสติ
“เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ? พูดอีกครั้งสิ!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของกู้ซุ่นสีเป็นไปตามธรรมชาติราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ
“ท่านแม่บอกว่า ไม่ว่าท่านจะมีเงินในครอบครัวมากแค่ไหนก็ต้องให้มันกับข้า เมื่อข้าโตขึ้น ท่านจะต้องออกเงินให้ข้าไปแต่งภรรยาอย่างแน่นอน!” กู้ซุ่นสีกล่าวอย่างมีความสุขราวกับว่าการที่กู้เสี่ยวหวานให้อาหารพวกเขากินเป็นหลักการของฟ้าดิน