บทที่ 368 ไล่ออกไป
บทที่ 368 ไล่ออกไป
ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะระเบิดอารมณ์ออกมา กู้หนิงผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจนแทบจะเป็นบ้า
“กู้ซุ่นสี เจ้าพูดบ้าอะไร! เหตุใดพวกเราถึงต้องออกเงินให้เจ้าไปแต่งภรรยาด้วย?” กู้หนิงผิงตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้กู้ซุ่นสีตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
แต่เขายังคงบิดคอและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้พูดบ้า ๆ นั่นคือสิ่งที่ท่านแม่ข้าพูด เมื่อข้าโตขึ้น พวกท่านจะต้องช่วยออกเงินให้ข้าไปแต่งภรรยา!”
ปรากฏว่าเฉาซื่ออยากได้เงินของครอบครัวนาง!
ความอยากอาหารของเฉาซื่อเยอะมาก ในขณะที่กินไปกินมาก็ขึ้นมากินบนหัวของกู้เสี่ยวหวานแล้ว
ไม่รู้ว่านางจะกล้าไปถึงไหน!
กู้เสี่ยวหวานเห็นกู้ซุ่นสีเงยหน้าสูงและไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน กู้เสี่ยวหวานไม่โกรธ แต่กลับยิ้มแทน “ซุ่นสี บอกข้าทีว่า ทำไมข้าถึงต้องช่วยออกเงินให้เจ้าไปแต่งสะใภ้ด้วย?”
“ท่านแม่บอกว่า พ่อของท่านออกเงินแต่งท่านแม่ข้าเข้ามา ในอนาคต ถ้าข้าแต่งงานกับภรรยา ท่านก็ต้องออกเงินให้ข้าด้วย ข้าอยากแต่งงานกับภรรยาที่สวยเหมือนกับท่านแม่ของข้า ท่านแม่ของข้ายังบอกด้วยว่า ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีเงินหรือมีทรัพย์สินเท่าไร ในอนาคต ครึ่งหนึ่งของมันจะเป็นของข้า!” กู้ซุ่นสีวางมือบนสะโพกของเขาและกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง ดวงตาเล็ก ๆ ของเขาจ้องมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ราวกับว่าเมื่อเขาโตขึ้น อย่างไรเสีย กู้เสี่ยวหวานก็ต้องออกเงินให้เขาไปแต่งกับภรรยาอยู่แล้ว
ปรากฏว่าในโลกนี้มีพ่อแม่ที่ยอดเยี่ยมและเด็กที่พวกเขาสอนก็ออกมาดีมากเช่นกัน
“ถิงถิง แล้วเจ้าล่ะ? แม่ของเจ้าพูดอะไรอีก?” กู้เสี่ยวหวานหันกลับมาถามกู้ถิงถิง น้ำเสียงของนางนุ่มนวล ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ราวกับจะกระตุ้นให้กู้ถิงถิงพูดมันออกมา
“ท่านพี่เสี่ยวหวาน ท่านแม่ของข้ายังบอกด้วยว่า ในอนาคต เมื่อข้าแต่งงาน ท่านต้องเตรียมสินสอดทองหมั้นให้ข้าด้วย ถึงเวลานั้น เสี่ยวอี้แต่งงานออกไปอย่างไร ข้าก็แต่งออกไปเช่นนั้น” กู้ถิงถิงอายเล็กน้อยที่ต้องพูดออกมา แต่เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม นางจึงตอบอย่างเคอะเขิน
เมื่อเห็นว่าถูกกล่าวถึง กู้เสี่ยวอี้ก็ยืนขึ้นทันที ชี้ไปที่กู้ถิงถิงและก่นด่าออกมา “กู้ถิงถิง คนไร้ยางอาย ท่านอายุเท่าไรเองก็คิดเรื่องสินสอดทองหมั้นและการแต่งงานเสียแล้ว ไม่อายบ้างเลยหรือเจ้าคะ!” กู้เสี่ยวอี้ชี้ไปทางกู้ถิงถิง ซึ่งนั่นทำให้กู้ถิงถิงอับอาย
แต่กู้ถิงถิงไม่สนใจและกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “กู้เสี่ยวอี้ แต่งงานแล้วอย่างไร จะอายไปทำไมกัน ท่านแม่ของข้าบอกว่า เมื่อแต่งงาน หากมีสินสอดทองหมั้นมาก แม่สามีก็จะให้เกียรติ ท่านพี่เสี่ยวหวาน ในอนาคตท่านต้องหารายได้เพิ่มขึ้นหน่อยนะ เมื่อข้าแต่งงานออกไป ท่านก็ต้องออกเงินให้ข้าเยอะสักหน่อยนะ ถ้าข้ามีชีวิตที่แย่ ท่านจะต้องเสียใจอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”
กู้ถิงถิงเหยียบจมูกขึ้นหน้า*[1] พวกเขาเพียงแค่มากินอาหารหลายมื้อที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน แต่ทำตัวราวกับว่ากู้เสี่ยวหวานตกหลุมรักพวกเขา และติดหนี้พวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้ยินกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีกล่าวประโยคหนึ่งก็แม่พูดว่าอย่างนั้น กล่าวอีกประโยคก็แม่พูดว่าอย่างนี้ ท่าทีที่ไม่รู้อะไรเลยเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จริง ๆ ว่าเพราะเด็กสองคนนี้กินข้าวหลายมื้อจากครอบครัวของนางหรือเปล่า พวกเขาจึงถือว่าที่แห่งนี้เป็นโรงทาน หรือเพราะตลอดมาเฉาซื่อได้สอนพวกเขามาเช่นนี้
ต้องให้ของกำนัลและสินสอดทองหมั้นแก่พวกเขารึ!
คำพูดเช่นนี้ราวกับกำลังบอกว่าสมบัติกว่าครึ่งของกู้เสี่ยวหวานเป็นของพวกเขา เฉาซื่อนี่ช่างดีดลูกคิดรางแก้วเสียจริง!
กู้เสี่ยวหวานยิ้มเย็นชา นางไม่สนใจที่จะเถียงกับเด็กสองคนนี้อีกต่อไป แนวความคิดของเด็กสองคนนี้ถูกเฉาซื่อสอนมาแบบผิด ๆ ไม่ว่าในอนาคตกู้เสี่ยวหวานจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีเช่นไร พวกเขาก็จะคิดว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาควรจะได้รับ และความยากลำบากที่กู้เสี่ยวหวานต้องเจอ กู้เสี่ยวหวานก็สมควรได้รับมัน
กู้เสี่ยวหวานคร้านจะสนใจเด็กทั้งสองอีกต่อไป
“หนิงผิง ไล่ทั้งคู่ออกไป!” กู้เสี่ยวหวานออกคำสั่งขับไล่
นางขี้เกียจเกินกว่าจะมองดูเด็กน่าขยะแขยงสองคนนี้อีก นางโบกมือและไม่แม้แต่จะมองพวกเขาด้วยซ้ำและเดินเข้าไปในบ้าน
กู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยกเท้าขึ้น และหมายจะเดินตามเข้าไปในบ้าน ท้องของพวกเขาก็พลันร้องโครกคราก ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่ให้อาหารในวันนี้ หลังจากนี้พวกเขาจะทำอย่างไร!
กู้ถิงถิงก้าวไปข้างหน้าทันที แต่กู้หนิงผิงก็ก้าวมาข้างหน้าและตะโกนว่า “เจ้าจะทำอะไร!” เป็นเพราะเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเป็นเวลานานแล้ว และเสียงก็หนาขึ้น กู้ถิงถิงกลัวจนตัวสั่น และรีบดึงมือที่ยื่นออกไปกลับมาทันที
นางมองไปที่กู้หนิงผิงด้วยความหวาดกลัวอย่างกล่าวอะไรไม่ออก
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเช่นนี้ กู้หนิงผิงก็ยิ่งรำคาญ เมื่อสักครู่ กู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีกล่าวได้ดีเสียจริง พวกเขาไม่สนใจสักนิดว่าคนอื่นจะเห็นด้วยหรือไม่ ในเมื่อพวกเขาชอบเอาเปรียบผู้อื่นเช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคงต้องขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน พวกเข้าจะได้ไม่ต้องข้ามมาอีก
กู้เสี่ยวหวานกลับเข้าบ้านโดยไม่หันศีรษะกลับมา กู้หนิงผิงก็ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไม่เกรงใจ เขาไล่กู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีออกจากบ้านเหมือนกับการทุบไก่ตัวน้อย หลังจากปิดประตู กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ก็ไม่สนใจอีก แม้ว่าพวกเขาจะกรีดร้องอยู่ข้างนอกก็ตาม
หลังจากเข้าไปในบ้าน กู้หนิงผิงก็กระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “ท่านพี่ ดูสิ นี่คือกลุ่มหมาป่าตาขาว ท่านช่วยเขาไว้แท้ ๆ แต่เขากลับมาแว้งกัดท่าน และคิดว่าท่านสมควรได้รับมันอีก!”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตอบสิ่งใด ใบหน้าของนางมืดมน คราวนี้นางเห็นด้วยกับประโยคหนึ่งเป็นอย่างมาก
ประโยคนั้นคือ การจะดูลักษณะนิสัยของเด็กนั้นต้องดูจากครอบครัวของเขา ครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็จะเป็นเช่นนั้นถึงแปดส่วน มันเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ
กู้เสี่ยวหวานยังคงเงียบ หากแต่ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ
กู้หนิงอันรีบปลอบใจ “ท่านพี่อย่าเศร้าไปเลย ตอนนี้เราได้เห็นธาตุแท้ของสองคนนี้อย่างชัดเจนแล้ว หลังจากนี้ก็อย่ายุ่งกับพวกเขาอีก ท่านอย่าโกรธไปเลย”
กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้โกรธ ข้าแค่รู้สึกสงสารพวกเขาสองคนขึ้นมา!” หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวจบ นางก็รู้สึกเหลือเชื่อ “ในโลกนี้มีเรื่องแบบนี้ด้วยจริง ๆ นี่ก็ถือว่าข้าได้เรียนรู้แล้ว” กู้เสี่ยวหวานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ฉินเย่จือจึงกล่าวว่า “เกรงว่าแม่ของเขาคงจะสอนเด็กสองคนนี้ให้เป็นเหมือนนางอย่างสมบูรณ์ หากในอนาคตพวกเขายังเป็นเช่นนี้ เกรงว่าพวกเขาจะตายอย่างไรก็คงไม่มีใครรู้”
ฉินเย่จือกล่าวอย่างจริงจังมาก และกู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้าอย่างหนัก “ใช่ ไม่มีใครในโลกนี้เป็นหนี้อะไรพวกเขาทั้งนั้น!”
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลากินแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงพยายามลืมเรื่องเหล่านี้ไป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ใช่คนในครอบครัวของตนเอง นางจึงคร้านที่จะสนใจพวกเขา
*[1] หมายถึง ฝ่ายกหนึ่งในเกียรติโดยไม่สนใจพฤติกรรมหยาบคายของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ใส่ใจ กลับมีทีท่าได้ใจยิ่งขึ้น