ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 377 เทศกาลหาคู่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 377 เทศกาลหาคู่

บทที่ 377 เทศกาลหาคู่

อาการไอนี้ไม่หนักหนาอะไร แต่เขากลับไอจนหน้าดำหน้าแดง

เมื่อเห็นฉินเย่จือกำลังไอ กุ้ยตงเหมยก็ก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ฉินเย่จืออย่างกังวล “พี่ฉินไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”

พี่ฉิน? พี่ชายที่รัก?

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเหยเกในทันที และนางก็กล่าวอย่างเร่งรีบ “พี่ฉือโถวไปกันเถอะ!”

แต่คราวนี้พวกนางไม่ยอมปล่อยพวกตนไป

“กู้เสี่ยวหวาน ช้าก่อน เราจะให้เงินเจ้า!” กุ้ยตงเหมยรีบหยุดเกวียนวัว และขวางทางไม่ให้พวกเขาออกไป

“ตงเหมย สมองของเจ้าถูกลาเตะแล้วหรือ คนละห้าสิบเหรียญเลยนะ!” กุ้ยซื่อรักเงินมาก เมื่อเห็นว่ากุ้ยตงเหมยบอกว่าจะจ่ายเงินจริง ๆ นางจึงตำหนิขึ้นมาทันที

“ท่านแม่ ให้เงินนางเร็ว!” กุ้ยตงเหมยกังวลเมื่อเห็นว่ากุ้ยซื่อไม่ต้องการจ่ายเงินตรงนี้ และตะโกนทันทีว่า “ถ้าท่านแม่ไม่ให้เงิน ข้า … ข้าจะ … ”

“เจ้าทำอะไร!” สีหน้าของกุ้ยซื่อเย็นชา ไม่เชื่อว่ากุ้ยตงเหมยจะกล้าทำอะไร

“ถ้าท่านแม่ไม่จ่าย ข้าจะพูดเรื่องนั้นออกมาให้หมด!” เมื่อกุ้ยตงเหมยกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยซื่อก็เปลี่ยนไปด้วยความตกใจ

“กุ้ยตงเหมย … เจ้าบังอาจมาก!”

“ตงเหมย …”

กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยซื่อตะโกนพร้อมกันราวกับว่าพวกเขากลัวอย่างยิ่งว่ากุ้ยตงเหมยจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา

กุ้ยชุนเจียวจ้องไปที่น้องสาวอย่างโกรธเคือง ถ้าน้องสาวคนนี้กล่าวออกมาต่อหน้าทุกคน จะเป็นการทำให้นางเสียหน้าอย่างสมบูรณ์ นางกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง

กุ้ยซื่อมองกุ้ยตงเหมยอย่างโกรธเคืองและในสายตาของนางแฝงไว้ด้วยคำเตือน แต่มือของนางก็ไม่ได้หยุด และหยิบถุงเงินออกจากเสื้อทันที นับเงินหนึ่งร้อยสี่สิบเหรียญและมอบมันให้กู้เสี่ยวหวาน ท่าทางที่ดูไม่เต็มใจเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่านางปวดใจแค่ไหน

ในตอนแรก กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการรับพวกกุ้ยซื่อขึ้นมา นางจึงใช้ค่าผ่านทางเป็นข้ออ้างเพราะคิดว่ากุ้ยซื่อจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าคำพูดของกุ้ยตงเหมยจะทำให้กุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียวตกใจจนหน้าถอดสี

กุ้ยซื่อหยิบเงินออกมาทันทีอย่างเชื่อฟังราวกับว่ากุ้ยตงเหมยรู้เรื่องที่น่าอับอายเกี่ยวกับพวกนาง

เช่นนี้มันกระตุ้นความรู้อยากเห็นของกู้เสี่ยวหวาน แต่นี่เป็นเรื่องของคนอื่น ดังนั้นนางจึงไม่กล่าวอะไรออกมา

แม่และลูกสาวกุ้ยขึ้นเกวียนวัว กู้หนิงอันและคนอื่น ๆ จึงย้ายตำแหน่งอย่างเป็นธรรมชาติ พวกเขาทั้งหมดนั่งถัดจากกู้เสี่ยวหวาน และที่นั่งฝั่งตรงข้ามทั้งหมดจึงถูกเหลือเอาไว้ หลังจากที่แม่ลูกกู้ขึ้นมานั่ง ก็บังเอิญเป็นกุ้ยตงเหมยได้นั่งตรงข้ามฉินเย่จือ นางมองเขาด้วยใบหน้าหลงใหล

“พี่ฉิน…” กุ้ยตงเหมยกล่าวเบา ๆ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเช่นนั้น ขนอ่อนบนร่างกายนางก็ลุกชัน นางทนกับเสียงที่หวานเลี่ยนเช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ

พี่ฉิน พี่ชายที่รัก! กุ้ยตงเหมยนี่ไม่รู้ว่าหนังหน้าหนาพอหรืออย่างไรถึงได้มาเรียกอย่างคุ้นเคยเช่นนี้! เมื่อก่อนไม่เคยเห็นพวกเขาติดต่อกันมาก่อน เหตุใดถึงกล้าเรียกว่าพี่กัน

ฉินเย่จือไม่ได้มองไปที่กุ้ยตงเหมย และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและดูปิดกั้น

กุ้ยตงเหมยไม่ได้ท้อแท้และกล่าวต่อ “พี่ฉิน เมื่อสักครู่ข้าได้ยินมาว่าท่านไอ ท่านเป็นหวัดหรือไม่…”

เขาเป็นหวัดอย่างนั้นหรือ แต่ทั้งครอบครัวของเจ้าน่ะบ้าไปแล้ว! กู้เสี่ยวหวานพึมพำอย่างเย็นชาในใจ

“คราวที่แล้วข้าก็ไอยาวไปสองสามวัน และหมอก็สั่งยาให้ ข้าดื่มไปสองสามวันแล้วก็หยุดไอทันที กลับไป… กลับไป… ถ้าพี่ฉินไม่ว่าอะไร เมื่อกลับไปข้าจะต้มยาให้พี่กิน กินแค่สองสามวัน เมื่อยาถึงโรคก็จะหาย จากนั้นพี่ก็จะไม่ไออีก” เสียงของกุ้ยตงเหมยอ่อนลง ซึ่งแตกต่างจากการข่มขู่กุ้ยซื่อด้วยคำพูดที่รุนแรงก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

กุ้ยตงเหมยยังกล่าวต่อด้วยความเป็นห่วง “ช่วงนี้อากาศก็หนาวเย็นเล็กน้อย พี่ฉินใส่เสื้อผ้าบางเช่นนี้ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร?” หลังจากหยุดพูดไปชั่วขณะ นางจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างโกรธเคืองและเอ่ยถามว่า “กู้เสี่ยวหวาน เหตุใดเจ้าถึงตระหนี่เช่นนี้ พวกเจ้าใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ได้ แต่พี่ฉินใส่แค่เสื้อบาง ๆ นี้เพียงตัวเดียว เจ้าอยากจะให้พี่ฉินหนาวตายหรืออย่างไร? เจ้าคิดอะไรอยู่!”

ทันทีที่พวกนางขึ้นมาบนเกวียนก็ได้ยินแต่เสียงกุ้ยตงเหมยร้องเจี๊ยก ๆ และเอ่ยถามกู้เสี่ยวหวานไม่หยุด

กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจจึงจ้องไปที่ฉินเย่จือ

เจ้าไปยั่วยวนอะไรเจ้าดอกท้อเน่านี้กัน เหตุใดนางถึงเอาแต่โทษข้าเช่นนี้

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมาที่เขา ฉินเย่จือก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อยและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเห็นฉินเย่จือไม่สนใจตนเอง แต่กลับมีปฏิสัมพันธ์กับกู้เสี่ยวหวานเช่นนี้ กุ้ยตงเหมยก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก และคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ก็ออกมาตามธรรมชาติ “กู้เสี่ยวหวาน ถ้าเจ้าไม่สนใจเกี่ยวกับพี่ฉินก็ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าเจ้าไม่ต้องการพี่ฉิน ข้า… แน่นอนว่าย่อมมีคนต้องการเขา!”

อย่างไรก็ตาม กุ้ยตงเหมยยังคงละอายใจเล็กน้อย นางแค่อยากจะบอกว่า นางต้องการเขา หลังจากคิดเกี่ยวกับคำพูดเมื่อครู่ นางก็รู้สึกว่ามันน่าอายเล็กน้อยและเปลี่ยนคำพูดไปทันที

“เสี่ยวหวาน พวกเจ้าก็ไปในเมืองเพื่อดูโคมด้วยใช่หรือไม่?” กุ้ยชุนเจียวเห็นว่ากุ้ยตงเหมยเสียงดังเกินไป และไม่ละอายกับสิ่งที่เอ่ย นางจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานตอบรับหนึ่งคำและถือว่านางได้ตอบแล้ว

เมื่อเห็นว่าหัวข้อถูกนำขึ้นสู่เทศกาลโคมไฟอีกครั้ง กุ้ยตงเหมยก็กล่าวด้วยแววตาเป็นประกายว่า “ข้าได้ยินจากพี่สาวในหมู่บ้านข้าง ๆ พูดว่า ในช่วงเทศกาลโคมไฟเมืองนี้จะมีชีวิตชีวามาก ที่นั่นจะมีผู้ชายและผู้หญิงที่ไม่แต่งงานจำนวนมากอยู่ที่นั่น มันมีชีวิตชีวามาก”

กู้เสี่ยวหวานเลิกคิ้ว กุ้ยตงเหมยกำลังหมายถึงสิ่งใด?

“พี่ชุ่ยฮวาจากหมู่บ้านข้าง ๆ ได้พบกับคนรักของนางในเมือง ครอบครัวของคนรักของนางอาศัยอยู่ในเมือง หลังจากแต่งงานแล้ว พี่ชุ่ยฮวาก็จะเป็นคนในเมืองนี้!” กุ้ยตงเหมยกล่าวอย่างอิจฉา

ดูเหมือนว่าสถานะของเด็กผู้หญิงในเมืองนี้จะสูงกว่าเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านมาก

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าสองคนก็ทำตาให้สว่างหน่อยนะ อย่าหาคนที่ไม่เหมาะสมกลับมา อย่าทำให้แม่ของพวกเจ้าโกรธ!” กุ้ยซื่อกล่าวด้วยความโกรธราวกับว่านางกำลังเตือนกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมย

“ท่านแม่… ข้ายังไม่หาหรอก!” กุ้ยตงเหมยลอบมองที่ฉินเย่จืออย่างลับ ๆ และหน้าแดง “ข้ายังเด็กอยู่!”

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเย็นชาในหัวใจ เมื่อมองใบหน้าดอกท้อของนาง เจ้ามีความรู้สึกรักอย่างเห็นได้ชัด เด็กตรงไหนกัน?

เมื่อดูกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยอีกครั้ง เกรงว่าพวกนางคงจะนำเครื่องประดับที่สวยงามและมีค่าที่สุดในครอบครัวออกมาทั้งหมด ประดับพวกมันเต็มไปทั้งศีรษะและมือ บางอันก็มีค่า แต่ส่วนใหญ่เป็นของไม่มีค่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์นี้ก็รู้สึกได้ว่ากุ้ยซื่อพาลูกสาวของนางไปในเมืองเพื่อหาคู่

เมื่อฟังดูแล้ว เทศกาลหยวนเซียวนี่ก็คงคล้ายกับเทศกาลหาคู่ใช่หรือไม่?

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท