บทที่ 378 โยนนางลงไป
บทที่ 378 โยนนางลงไป
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ท่าทางของกุ้ยซื่อ และดูเหมือนว่านางจะตั้งใจเช่นนั้นจริง ๆ
กุ้ยซื่อมองไปที่กุ้ยชุนเจียวเป็นครั้งคราวด้วยความกังวลและปรารถนา กู้เสี่ยวหวานมองดูพวกนางอย่างเย็นชา เมื่อนึกถึงสิ่งที่กุ้ยตงเหมยกล่าวเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่ากุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียวจะมีความลับบางอย่าง!
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานไม่มีความสนใจในความลับของพวกนางเลย!
หลังจากสงบศึกไปชั่วครู่ เสียงของกุ้ยตงเหมยก็ดังเข้าหูนางมาอีกครั้ง “เสี่ยวหวาน อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าก็ต้องการไปที่เทศกาลโคมไฟเพื่อหาสามีใช่หรือไม่?”
ไปหากับพี่สาวเจ้าสิ!
กู้เสี่ยวหวานกลอกตาและเพิกเฉยต่อคำพูดของกุ้ยตงเหมย
กุ้ยตงเหมยยังคงกล่าวต่อไป “เสี่ยวหวาน เจ้าเป็นคนสวย แต่เจ้ามีอารมณ์รุนแรงไปเสียหน่อย ข้าเกรงว่าคนในเมืองไม่ชอบคนเช่นนี้! เสี่ยวหวาน ถ้าเจ้าต้องการหาครอบครัวที่ดีก็อย่าพูดจาฉะฉานนัก การกระทำเช่นนั้นจะทำให้คนอื่นขุ่นเคืองหรือเปล่าก็ไม่รู้”
กุ้ยตงเหมยกล่าวกับกู้เสี่ยวหวานด้วยเจตนาดี แต่กู้เสี่ยวหวานเพิกเฉยต่อนางและตอบโต้อย่างเย็นชา “ท่านพี่ตงเหมย เจ้าบอกว่าเจ้ายังเด็กและดูเหมือนว่าข้าจะอายุน้อยกว่าเจ้าตั้งหลายเดือน เจ้ายังไม่รีบเลย แล้วข้าจะรีบไปทำไมกัน! ถ้าเจ้าอยากเป็นหญิงสาว เจ้าก็เป็นไปก่อนเลย!” กู้เสี่ยวหวานตอบด้วยรอยยิ้ม
กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงเข้าใจในสิ่งที่นางพูด พวกเขาจึงปิดปากและหัวเราะเบา ๆ กุ้ยตงเหมยก็เข้าใจความหมายของกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของนางค่อนข้างไม่สบายใจ แต่ก็ไม่สามารถเรียกคืนสิ่งที่กล่าวไปแล้วได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกล่าวอย่างโกรธเคือง “เสี่ยวหวาน เจ้าพูดเก่งเกินไป เช่นนั้นจะทำให้คนแห่งโชคชะตาของเจ้าหายไป เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะกลายเป็นหญิงสาว! ผู้ชายชอบผู้หญิงที่บอบบางและอ่อนโยน ถ้าเจ้ายังเป็นเช่นนี้ เกรงว่าเจ้าคงต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่”
กู้เสี่ยวหวานยักไหล่และกล่าวว่าอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร พี่ใหญ่ตงเหมย พี่แค่ไม่ทำลายโชคชะตาตนเองก็เพียงพอแล้ว!”
แค่เรียกว่าพี่ใหญ่ตงเหมย ก็ทำให้กุ้ยตงเหมยแก่ขึ้นหลายปี
กุ้ยตงเหมยอดทนกับอารมณ์ของนางอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าการที่นางจะกล่าวเสียงดังจะทำลายภาพลักษณ์ที่สวยงามของตนในสายตาของฉินเย่จือ
“พี่ฉิน พี่ก็ต้องมองให้ชัดเจนนะ” กุ้ยตงเหม่ยมองไปที่ฉินเย่จือ และกล่าวประโยคที่มีความหมายที่สื่อให้เห็นได้ชัดว่าเป็นคำเตือนให้ฉินเย่จือ
กุ้ยตงเหมยโจมตีว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนพูดจาฉะฉานและอารมณ์ร้าย คำเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการพูดให้ฉินเย่จือฟัง
กู้เสี่ยวหวานไม่พอใจเล็กน้อย กุ้ยตงเหมยต้องการหมายความว่าอะไรกันแน่? นางตกหลุมรักฉินเย่จือ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดูถูกคนอื่นเพื่อเชิดชูตนเองว่านางใจดี นางนิสัยดี และอ่อนโยนใช่หรือไม่?
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโกรธ หากกุ้ยตงเหมยยังกล่าวกล่าวออกมาอีกสักประโยค ไม่แน่นางอาจจะโยนคนผู้นี้ลงไปจากเกวียน
กุ้ยตงเหมยดูเหมือนจะรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานโกรธ จึงแอบภูมิใจในตัวเองที่ทำให้เด็กคนนี้โกรธได้ ดังนั้นจึงหันไปหาฉินเย่จือข้าง ๆ นาง
“พี่ฉิน ทำไมพี่ถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” กุ้ยตงเหมยเอนตัวไปข้างหน้าและต้องการคุยกับฉินเย่จือ แต่ฉินเย่จือจะให้โอกาสนางได้อย่างไร ผู้หญิงคนนี้เสียงดังและน่ารำคาญอย่างมาก
เมื่อสักครู่ที่นางพยายามดูถูกกู้เสี่ยวหวาน ถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นผู้หญิง ฉินเย่จือคงจะโยนนางออกไปนานแล้ว
คราวนี้ เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยไม่กลัวความตายและเข้าใกล้เขาอีกครั้ง ฉินเย่จือจึงไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และโบกมือออกไป
กุ้ยตงเหมยรู้สึกไม่มั่นคงและรู้สึกว่ามีลมพัดมาทางนาง หลังจากนั้นกุ้ยตงเหมยก็ลอยออกไปและล้มลงกระแทกกับพื้น
“โอ๊ย…” กุ้ยตงเหมยล้มลงกระแทกพื้น กระดูกทั้งหมดในร่างกายของนางราวกับจะแตกสลาย นางนั่งอยู่บนพื้นและไม่อาจลุกขึ้นมาได้ ก้นของนางราวกับแตกเป็นสี่ส่วน นางจึงต้องกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
ฉินเย่จือพ่นลมอย่างเย็นชาราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
เมื่อกุ้ยซื่อเห็นว่ากุ้ยตงเหมยลอยออกไปข้างนอกในชั่วพริบตา นางก็ตะลึงอยู่พักหนึ่ง และเมื่อนางเห็นกุ้ยตงเหมยนั่งอยู่บนพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้ นางก็ตะโกนโวยวาย “ตงเหมย ตงเหมย…”
ไม่ต้องรอให้เกวียนหยุด นางกระโดดลงไปช่วยกุ้ยตงเหมยทันที
“ตงเหมย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” กุ้ยซื่อเป็นห่วงลูกสาวของนางจริง ๆ และเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เป็นทุกข์ เมื่อมองไปที่ฉินเย่จือ นางก็สาปแช่งเขาด้วยความโกรธ “เจ้าทำร้ายลูกข้าทำไม?”
ฉินเย่จือคร้านจะสนใจและจ้องกลับอย่างดุดัน ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาทำให้กุ้ยซื่อสั่นสะท้าน
กุ้ยชุนเจียวซึ่งอยู่ใกล้กับฉินเย่จือรีบมองไปที่เขา ใบหน้าที่งดงามของฉินเย่จือเผยให้เห็นถึงความเย็นชาที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาสีดำของเขาฉายแววเย็นชา
กุ้ยตงเหมยกรีดร้องขณะที่ลูบบั้นท้ายด้วยความเจ็บปวด
ในความเป็นจริง เมื่อฉินเย่จือผลักนางออกไป กู้เสี่ยวหวานก็กลัวว่ากุ้ยตงเหมยจะบาดเจ็บ
กุ้ยตงเหมยยังเด็กและการลอยออกไปจากเกวียนวัว แม้แต่ชายหนุ่มร่างกายก่ำยำอาจจะได้รับบาดเจ็บได้
แต่ในความเป็นจริง ฉินเย่จือควบคุมความแข็งแกร่งบนฝ่ามือได้ ดูเหมือนว่านางจะล้มลงอย่างแรง แต่เมื่อร่างของนางกระแทกพื้น มันก็ไม่ได้ทำร้ายกุ้ยตงเหมยอะไรทั้งนั้น นางเพียงแค่เจ็บก้นเท่านั้น
ฉินเย่จือไม่สามารถสร้างปัญหาใด ๆ และเขาไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับกู้เสี่ยวหวานได้ แต่เขาต้องการสอนบทเรียนให้กุ้ยตงเหมย คำพูดของกุ้ยตงเหมยเมื่อสักครู่เป็นการดูถูกกู้เสี่ยวหวาน
แม้กู้เสี่ยวหวานจะข่มอารมณ์ได้ แต่ฉินเย่จือไม่สามารถทนได้
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นกุ้ยตงเหมยกรีดร้องเสียงดังและบางครั้งก็ขยิบตาให้กุ้ยซื่อ กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่านางคงไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย
“แซ่ฉินผู้นั้น เจ้ากำลังทำอะไร? เจ้ากล้าทำร้ายลูกสาวข้าได้อย่าง?” กุ้ยซื่อตะโกนอย่างโกรธจัด นางกลัวกู้เสี่ยวหวาน แต่นางไม่กลัวขอทานที่กู้เสี่ยวหวานมารับมาอยู่ที่บ้าน ตอนนี้เขาแค่ดูดีขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าเขาถอดชั้นผิวนี้ออก เขาก็เป็นแค่ขอทานที่ยากจน และไม่รู้ว่าเจ้าบ้ากุ้ยตงเหมยไปสนใจคนผู้นี้ได้อย่างไร
วันนี้กู้เสี่ยวหวานต้องให้คำอธิบาย
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังทำอะไร! เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าคนอยู่อย่างนั้นหรือ!” กุ้ยซื่อตะโกนเพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ได้ยิน นางกรีดร้องเสียงดัง เมื่อครู่นี้นางเห็นฉินเย่จือผลักกุ้ยตงเหมยออกจากรถด้วยตาของนางเอง มาดูกันว่ากู้เสี่ยวหวานจะปฏิเสธนางอย่างไร
“ท่านแม่ อย่าพูดอย่างนั้นกับพี่ฉิน!” กุ้ยตงเหม่ยกล่าวอย่างแผ่วเบาและอ่อนแรง ดวงตาของนางแดงก่ำเพราะรู้สึกแย่ นางกัดริมฝีปากล่างราวกับว่านางเศร้าเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นฉินเย่จือ น้ำตาในดวงตาของนางก็หยุดนิ่งทันที
ดวงตาสีดำของฉินเย่จือมองไปที่กุ้ยตงเหมย นางไม่เคยเห็นดวงตาที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขาผลักตนเองตกจากเกวียนก็ยังชอบเขาอีกนะตงเหมย นางคงจะชอบเขามากสินะคะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)