บทที่ 396 บ้านใหญ่โกรธแทบตาย
บทที่ 396 บ้านใหญ่โกรธแทบตาย
กู้เสี่ยวหวานรู้อยู่แล้วว่าฉินเย่จือไม่ได้ออกไปยั่วยวนหญิงอื่น แต่ด้วยใบหน้าที่งดงามจนน่าประทับใจ แม้เขาไม่ได้ไปยั่วยวนหญิงอื่น แต่พวกนางก็จะเข้ามาหาเขาเอง
กู้เสี่ยวหวานจ้องมองเขาด้วยความโกรธและรู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขา
“ถ้าเจ้าต้องการยุติสิ่งเหล่านี้จริง ๆ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในอนาคตเมื่อเจ้ามีภรรยา ข้าก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานหัวเราะทันทีเมื่อนางนึกถึงวิธีนี้ได้
ฉินเย่จือที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวอะไรไม่ออก เหตุใดนางถึงวนกลับมาเข้าเรื่องที่ให้เขาหาภรรยาได้ล่ะ
ฉือโถวกำลังขับเกวียนอยู่ข้างหน้า ครั้นเขาได้ยินกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ มีปากเสียงกัน เขาไม่รู้ว่าเขามีความสุขหรือผิดหวัง
เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือได้รับความนิยมอย่างมากในครอบครัวกู้อย่างมาก และกู้เสี่ยวหวานก็ยังให้ความสำคัญกับเขามากอีก ฉือโถวจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ใต้แสงจันทร์ที่สว่างไสว วัวลากเกวียนที่บรรทุกคนและเดินไปข้างหน้า กู้เสี่ยวหวานใช้ผ้าห่มคลุมขาของนาง ดูเหมือนว่าคืนนี้จะไม่หนาวมาก ดวงจันทร์ที่สว่างไสวบนขอบฟ้าเป็นเหมือนถาดขนาดใหญ่ที่โคจรอยู่เหนือโลกอันกว้างใหญ่ ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พลันคิดว่าในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องส่งกู้หนิงอันไปสำนักศึกษา กู้เสี่ยวหวานกับคนอื่น ๆ จึงกินอะไรง่าย ๆ ให้อิ่มท้อง และทำความสะอาดร่างกายก่อนเข้านอน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อคิดว่ากู้หนิงอันจะต้องไปสำนักศึกษาในวันพรุ่งนี้
กู้จือเหวินเป็นคนใจแคบและหยิ่งผยอง นางไม่รู้ว่าเขาจะโกรธกู้หนิงอันเพราะเหตุการณ์ที่ทำให้เขาอับอายในเมืองหลิวเจียหรือไม่
ดูเหมือนว่ากู้หนิงอันจะรู้สึกถึงความกังวลของพี่สาว กู้หนิงอันกล่าวอย่างเอาใจใส่ “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวล เมื่ออยู่ที่สำนักศึกษาข้าจะดูแลตัวเองให้ดี ข้าไม่ใช่เด็กที่ไม่เคยรู้อะไรเลยเหมือนเมื่อก่อน ข้ารู้ว่าต้องปกป้องตัวเองอย่างไร!”
กู้เสี่ยวหวานเคยกล่าวว่า การปกป้องตัวเองเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับคนในครอบครัว กู้หนิงอันจดจำปประโยคนี้ได้อย่างขึ้นใจ
เขาคิดว่าสิ่งที่พี่สาวพูดมีเหตุผลจริง ๆ ถ้ายังปกป้องตัวเองไม่ได้ จะเข้มแข็งพอที่จะปกป้องครอบครัวได้อย่างไร! ผู้ที่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้นับว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดต่อครอบครัวของพวกเขา
กู้หนิงอันไม่กลัวกู้จือเหวิน ถ้ากู้จือเหวินมารังแกเขา ตนเองไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะปล่อยให้กู้จือเหวินมากลั่นแกล้งได้ตามใจชอบ
ฉินเย่จือที่ด้านข้างยังกล่าวอีกว่า “เสี่ยวหวาน ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับหนิงอันหรอก ในช่วงนี้กู้จือเหวินคงไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขาไปอีกสักพัก!”
กู้เสี่ยวหวานเข้าใจ หากแต่นางก็ยังกลัว!
ในเหตุการณ์นั้น กู้จือเหวินได้รับความอับอายเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น กลัวว่าเขาจะไม่มาหาแสงสว่างและจะเข้ามาสู่ความมืดเท่านั้น เมื่อถึงเวลานี้ กู้หนิงอันก็ยากที่จะป้องกัน
“ท่านพี่ ไม่ต้องกังวล หากกู้จือเหวินต้องการทำร้ายข้า ข้าจะไปบอกอาจารย์สวีทันที!” กู้หนิงอันกล่าวอย่างจริงจัง
น่าเสียดาย นี่เป็นวิธีเดียวในตอนนี้
หลังจากดับไฟ กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ที่ต่างเหนื่อยล้าจากการไปเที่ยวเล่นในวันนี้ พวกเขาทั้งหมดหายใจลึกและผล็อยหลับไป
มีเพียงฉินเย่จือที่นอนอยู่คนเดียวเท่านั้นที่หันหลังกลับหลังจากได้ยินเสียงนกร้อง มีเงาแวบขึ้นมา และเขาก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้น มีเพียงเตียงว่างอยู่เตียงเดียวที่เหลืออยู่บนเตียงเล็ก ๆ ในบ้าน และคนบนเตียงก็หายตัวไปนานแล้ว
ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานร่าเริง แต่ครอบครัวของกู้ฉวนลู่ไม่มีความสุขมาก
ผู้คนหลายร้อยคนหรือมากกว่านั้นมารวมตัวกันที่ร้านอาหารซุ่นซิน และไม่รู้ว่าพวกเขากำลังตกปลาในน้ำขุ่น*[1] อยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้กู้ฉวนลู่ไม่สนว่าจะมีคนมากหรือน้อย
กู้ฉวนลู่ยุ่งมากจนกระทั่งส่งคนเหล่านี้ออกไป
ค่าอาหารหนึ่งมื้อนี้ทำให้เขาเสียเงินเกือบร้อยตำลึงเงิน
กู้ฉวนลู่จ่ายเงินให้กับเจ้าของร้านอย่างสั่นเทาราวกับว่าเขาขูดเนื้อตนเองออกมา เจ้าของร้านยิ้มหน้าบานพลางตบไหล่กู้ฉวนลู่และกล่าวว่ารบกวนท่านแล้ว
กู้ฉวนลู่เป็นเหมือนคนที่ให้เนื้อของตัวเองกับเจ้าของร้าน เขารู้สึกลำบากใจ หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ร้านอาหารเต็มไปด้วยความเลอะเทอะและมีจานมากมายวางกองอยู่บนโต๊ะ กู้ฉวนลู่ถอนหายใจและลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ซุนซื่อกำลังรอกู้ฉวนลู่อยู่ในบ้าน เมื่อเห็นว่าเขากลับมา ซุนซื่อก็รีบไปเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลว่า “สามี ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ใบหน้าของกู้ฉวนลู่เย็นชา เขามาที่โต๊ะ เขาโกรธจนทุบโต๊ะตรงหน้าเขา ดวงตาของเขามืดมน “บ้าเอ้ย!”
ซุนซื่อรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อไถ่ถาม และเมื่อนางได้ยินว่าอาหารมื้อหนึ่งมีราคาเกือบร้อยตำลึงเงิน ซุนซื่อก็กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ
“สามี เหตุใดเจ้าถึงใช้จ่ายมากเช่นนี้!”
“หืม เจ้าคนชั้นต่ำพวกนั้น เมื่อได้ยินว่ามีการเลี้ยงอาหาร ใครจะไม่ไปบ้างเล่า!” กู้ฉวนลู่รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงคนเหล่านั้นที่ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้กินมาหลายชั่วอายุคน
หลังจากที่กู้ฉวนลู่โกรธ เขาก็ชี้ไปข้างนอก “ตอนนี้เหวินเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้ากล่อมเขาเป็นเวลานาน เขาถึงผล็อยหลับไป!” ซุนซื่อรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง กู้จือเหวินกลับมาพร้อมกับแก้มบวมเป่ง เห็นได้ชัดว่าถูกตบ เมื่อซุนซื่อเห็นเช่นนั้น หัวใจของนางก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวด “เหวินเอ๋อร์ หน้าเจ้าไปโดนอะไรมา!”
กู้ซินเถาที่อยู่ข้าง ๆ อธิบายทุกอย่างด้วยความโกรธ
สิ่งที่นางพูดคือความหยิ่งทะนงของกู้เสี่ยวหวาน และกล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานร่วมมือกับผู้คนมารังแกพวกเขาสองพี่น้อง
ทันทีที่ซุนซื่อได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่นางรู้สึกได้คือเส้นสีเขียวที่กำลังปูดโปนบนหน้าผากของนาง ในมือของนางดึงทึ้งผ้าเช็ดหน้าราวกับฉีกมันออกจากกัน กู้เสี่ยวหวานกล้าตบกู้จือเหวินต่อหน้าทุกคน ซุนซื่อร้องออกมาด้วยความทุกข์ระทมและไม่พอใจ “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าคนชั้นต่ำ!”
กู้จือเหวินและกู้ซินเถาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ และเมื่อเห็นแม่ของพวกเขาก่นด่า พวกเขาจึงร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ ข้าและพี่ชายแค้นใจมาก ท่านแม่และท่านพ่อจะต้องแก้แค้นให้พวกเรา!”
ซุนซื่อพยักหน้าอย่างเร่งรีบ กัดฟันกรอด และกล่าวอย่างดุเดือดว่า “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานดีใจไปสักสองสามวันก่อนเถอะ!”
นางแทบรอไม่ไหวที่จะไปที่ที่ว่าการอำเภอแล้วขังกู้เสี่ยวหวานเอาไว้เพื่อระบายความเกลียดชังของนาง
กู้ซินเถารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย และหลังจากกล่าวหากู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับสิ่งที่ทำแล้ว นางก็ไปพักผ่อน
กู้จือเหวินนั่งบนเก้าอี้อย่างเย็นชา เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อสักครู่ เขารู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
*[1] ฉวยโอกาสจากวิกฤตเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสียเงินซะบ้างนะจะได้รู้สึกสักที จริง ๆ ควรโดนมากกว่านี้นะคะ
ไหหม่า (海馬)