ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 417 ข้อเรียกร้องหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 417 ข้อเรียกร้องหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

บทที่ 417 ข้อเรียกร้องหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

เมื่อมองดูท่าทางที่พึงพอใจของถูหมิ่น ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้

“เจ้า… ถูหมิ่น เจ้า…ไม่ใช่คนจริง ๆ!” กุ้ยชุนเจียวกัดฟันมองใบหน้าเย่อหยิ่งของถูหมิ่นด้วยแววตาแห่งความเกลียดชัง “ทำไมข้าถึงดูไม่ออกว่าเจ้าเป็นหมาป่าตาขาว ข้าจริงใจกับเจ้า แต่จุดประสงค์ของเจ้าคือการหลอกลวงเงินจากข้า เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่บ้างหรือไม่?”

คำพูดของกุ้ยชุนเจียวเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ทิ่มแทง แต่ถูหมิ่นกลับหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนหรือ? ข้าเป็นคนหรือไม่ แล้วเป็นคนดีมีเงินให้ใช้หรือไม่ล่ะ?”

“ถูหมิ่น เจ้าทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวจะโดนฟ้าผ่าหรือ?” กุ้ยสวิ้นเหอก็ไม่พอใจเช่นกัน เพื่อเงินแล้ว เขาใช้ทุกวิถีทางเพื่อหลอกลวงความรู้สึกของหญิงสาว จุดประสงค์คือใช้ชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเพื่อหาเงิน

ชายผู้นี้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!

“ฟ้าผ่าอย่างนั้นหรือ?” ถูหมินมองกุ้ยสวิ้นเหอที่ดูขุ่นเคืองและกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ทำไมล่ะ เจ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าคนดีอยู่ได้ไม่นาน แต่คนชั่วอยู่ได้หลายพันปีหรือ? ข้าไม่กลัวฟ้าผ่าหรอก! เป็นคนดีแล้วหาเงินได้หรือไม่? หาเงินได้เร็วเท่านี้หรือไม่? ผู้คนในต้าย่วนจื่อต่างทำงานหนักเป็นพ่อค้าเร่ไปทั่วทุกสารทิศ แต่ในหนึ่งปีกลับหาเงินได้ไม่กี่ตำลึงเงิน ไม่เหมือนกับข้า ข้าสามารถหลอกเอาเงินจากครอบครัวเหล่านั้นมาได้น้อยสุดหนึ่งร้อยตำลึงเงิน!”

“หากเป็นคนดีแล้วมีเงิน ข้าก็อยากเป็นคนดีเช่นกัน เจ้าลองดูคนที่อาศัยอยู่ที่ต้าย่วนจื่อกับข้าสิ มีใครไม่ใช่คนดีบ้าง คนเหล่านั้นเป็นพ่อค้าเร่ขายของไปทั่วมามากกว่าสิบปี แต่พวกเขามีเงินเก็บกันบ้างหรือไม่ล่ะ? ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะว่า พวกเขาไม่มีอะไรเลย! ไม่เหมือนกับข้า ข้าไม่ใช่คนดี แต่กลับทำเงินได้เยอะทุกปี เช่นนั้น ทำไมข้าจะต้องเป็นคนดีด้วย?”

หลังจากได้ยินข้อโต้แย้งของถู่หมินแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ส่ายศีรษะ “ความคิดของเจ้าช่างเหลือเชื่อจริง ๆ!”

กุ้ยซื่อและกุ้ยสวิ้นเหอจ้องไปที่ถูหมิ่นด้วยความโกรธจากด้านข้าง คนผู้นี้เกือบจะทำลายชีวิตลูกสาวของพวกเขา พวกเขาเกลียดชังเขาแทบตาย แต่ในตอนนี้พวกเขาก็ยังต้องขอร้องเขา

ขอร้องเขาว่าอย่าเอาเรื่องของกุ้ยชุนเจียวไปบอกคนอื่น

“ตอนนี้เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?” กุ้ยสวิ้นเหอเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม

“ง่ายมาก ตราบใดที่พวกเจ้าให้เงินข้าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เรื่องนี้ก็จะถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ” ถูหมิ่นกล่าวโดยไม่ต้องคิด

หนึ่งร้อยตำลึงเงิน!

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินจำนวนเงินเท่านี้ นางก็ลมจับในทันที

แม้ว่าพวกเขาจะขายข้าวของทั้งหมด พวกเขาก็ไม่สามารถหาเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินได้

กุ้ยสวิ้นเหอขมวดคิ้ว หนึ่งร้อยตำลึงเงินหรือ? ในหนึ่งปีเขาหาเงินได้เพียงยี่สิบถึงสามสิบตำลึงเงิน และจะใช้เวลาสามหรือสี่ปีในการเก็บสะสมโดยไม่ต้องกินหรือดื่ม! นอกจากนี้ ถูหมินจะไม่ปล่อยให้เขาใช้เวลาสามหรือสี่ปีในการเก็บเงินนี้อย่างแน่นอน!

“เจ้าไม่กลัวว่าเราจะไปหาทางการเพื่อฟ้องเจ้าในข้อหาลักพาตัวผู้หญิงหรือ?” กุ้ยสวิ้นเหอกัดฟันเอ่ยถาม

ทันทีที่ได้ยินว่าสามีกำลังจะไปที่ทางการเพื่อฟ้องถูหมิ่น นางก็กังวลและรีบลากกุ้ยสวิ้นเหอมาคุยด้วยความตื่นตระหนก “มันเป็นไปไม่ได้ สามี หากเจ้าไปฟ้องทางการจริง ๆ ชื่อเสียงของชุนเจียวของเราก็จะถูกทำลายเช่นกัน”

“หึ รู้จักเอาตัวรอดนี่!” ถูหมิ่นกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าพวกเจ้าไปฟ้องทางการจริง ๆ ข้าก็จะบอกเรื่องที่กุ้ยชุนเจียวหนีไปกับข้าทันที เพียงข้าพูดออกไป ฮ่า ๆ พวกเจ้าลองใช้เท้าคิดดูก็จะรู้ได้ว่าชื่อเสียงของลูกสาวเจ้าที่นี่มันเสียไปหมดแล้ว ในอนาคตนางยังสามารถแต่งงานได้อีกอย่างนั้นหรือ?ฮ่า ๆ อย่ามาล้อข้าเล่นเลย ใครจะมาแต่งกับนางกัน เพราะนางเป็นดอกไม้ที่ร่วงโรยและต้นหลิวที่เหี่ยวแห้ง*[1] ไปแล้ว!”

ดอกไม้ที่ร่วงโรยและต้นหลิวที่เหี่ยวแห้ง คำเหล่านี้เป็นเหมือนคาถาควบคุมที่ทำให้ใบหน้าของกุ้ยชุนเจียวซีดในทันทีด้วยความโกรธและสิ้นหวัง เมื่อมองดูถูหมิ่น ไฟที่คุกกรุ่นในแววตาของนางก็ราวกับจะแผดเผาเขาให้ตาย

ทันทีที่กุ้ยชุนเจียวยืนไม่อยู่ นางก็กำลังจะถอยหลังและล้มลง โชคดีที่กุ้ยซื่อเห็นและรีบเข้ามาพยุงนางไว้ เมื่อเห็นหน้าลูกสาวที่ขาวซีด สีหน้าของนางก็มีความทุกข์ใจ “ชุนเจียว! ชุนเจียว!”

ในใจของกุ้ยชุนเจียวมีความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกัน

เมื่อเห็นถูหมิ่นที่มีสีหน้าภาคภูมิใจ ความโกรธและความแค้นในใจของนางไม่มีที่ระบาย

ถูหมิ่น ข้าจริงใจกับเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้? กุ้ยชุนเจียวไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ถูหมิ่นคนโหดร้ายที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่นางเคยรักมาก่อนจริง ๆ

กุ้ยชุนเจียวเต็มไปด้วยความเสียใจ ทำไมนางไม่ฟังคำพูดของกุ้ยซื่อในตอนนั้นกันนะ เป็นเพราะนางยังมองถูหมิ่นได้ไม่ชัดเจนหรือ?

หากนางลืมตาให้กว้างขึ้นอีกนิดเพื่อให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของถูหมิ่นได้อย่างชัดเจน หรือฟังสิ่งที่แม่ของนางกล่าว นางคงไม่ลงเอยที่ทุ่งนาแห่งนี้ให้ถูหมิ่นจับและจูงจมูกนางไป

กุ้ยชุนเจียวเสียใจ เสียใจที่กับการกระทำที่ผ่านมา

“แล้วถ้าพวกข้าให้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินแก่เจ้า แต่เจ้ายังต้องการทำลายชื่อเสียงของชุนเจียวล่ะ จะทำอย่างไร?” ถูหมิ่นผู้นี้เป็นวายร้าย ใครจะไปรู้ว่าเขาจะหันกลับมาโจมตีอีกเมื่อใด หากพวกเขากลายเป็นเครื่องเบิกถอนเงินสดให้ถูหมิ่น เงินของครอบครัวเขาคงจะไม่สามารถเติมเต็มหลุมลึกนี้ได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

เมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม ในใจของถูหมิ่นก็คิดว่าพวกเขาสัญญาว่าจะให้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินแก่เขาแล้ว เขายิ้มอย่างสดใส ดวงตาสีแดงและบวมของเขาหรี่ลงเป็นเส้น “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าข้าจะไม่ใช่สุภาพบุรุษผู้ดี แต่เรื่องที่ข้าสัญญาไว้ ข้าก็จะทำตามนั้น ตราบใดที่เจ้าให้เงินแก่ข้าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ข้าก็สัญญาว่า ต่อจากนี้จะไม่มารบกวนเจ้าอีก” ถูหมิ่นตบอกสัญญา

คนที่พอเห็นเงินตาก็ลุกวาว ในมุมมองของกุ้ยชุนเจียว เมื่อก่อนนางชอบเขามากแค่ไหน ในตอนนี้นางก็เกลียดเขามากเท่านั้น

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินว่าเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินสามารถช่วยกุ้ยชุนเจียวจากความเสียหายต่อชื่อเสียงของนางได้ ความหวังริบหรี่ก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของนาง เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน แม้ว่าพวกนางจะขายสิ่งของทั้งหมดแล้วก็ยังไม่สามารถหามาได้ แต่อย่างไรก็ตามลูกสาวของนางกำลังตกอยู่ในความทุกข์ยาก นางจึงต้องเอื้อมมือออกไปเพื่อช่วยเหลือกุ้ยชุนเจียว!

“สามี พวกเรารีบไประดมเงินกันเถอะ พวกเราไม่สามารถเห็นลูกสาวของเรากระโดดลงไปในหลุมไฟแล้วไม่ช่วยได้หรอกนะ” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าประหม่า

*[1] สตรีที่สูญเสียเกียรติ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท