ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 421 กลับไปแล้วจะอธิบายเช่นไร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 421 กลับไปแล้วจะอธิบายเช่นไร

บทที่ 421 กลับไปแล้วจะอธิบายเช่นไร

ทว่าเนื่องจากคู่สามีภรรยากุ้ยตกลงที่จะปล่อยถูหมิ่นไป กู้เสี่ยวหวานจึงไม่รู้สึกอะไร

วันนี้นางพูดกับคู่สามีภรรยาแซ่กุ้ยไปมากมาย และได้บอกพวกเขาถึงผลที่ตามมาของการปล่อยถูหมิ่นไป แต่พวกเขายังคงยืนกรานที่จะทำเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองอีก

กุ้ยซื่อกับกุ้ยชุนเจียวกำลังรอพวกเขาอยู่หน้าโรงเตี๊ยม

กู้เสี่ยวหวานมองดูและคิดว่าโรงเตี๊ยมไม่ได้แย่ นางจึงเดินเข้าไปด้านใน

กุ้ยสวิ้นเหอรีบจ่ายเงินและเปิดห้องสามห้อง กู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือต่างนอนในห้องเดี่ยว ส่วนสมาชิกในครอบครัวกุ้ยทั้งสามคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน

อาหารมื้อเย็นนี้กินรวบอาหารเย็นกับอาหารกลางวันไปพร้อมกัน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กินมากจนเกินไป นางกลัวว่าหากนางกินมากเกินไป เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับ จึงกินแค่นิดหน่อยก่อนกลับไปพักผ่อน ฉินเย่จือเองก็ติดตามไปเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าการแสดงออกที่ไม่แยแสของกู้เสี่ยวหวาน คู่สามีภรรยากุ้ยก็คิดว่านางเหนื่อยจึงทั้งรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนบอกให้กู้เสี่ยวหวานพักผ่อนให้ดี จากนั้นทุกคนก็กลับไปที่ห้องของตน

ดูเหมือนว่ายามนี้ กุ้ยชุนเจียวยังตั้งสติจากเรื่องถูหมิ่นไม่ได้

นางไม่ได้คาดคิดว่าถูหมิ่นจะเป็นคนเช่นนี้ แม้ว่ากุ้ยชุนเจียวจะไม่อยากจะเชื่อก็ตาม แต่นางก็ต้องเชื่อ

เมื่อกุ้ยซื่อเห็นกุ้ยชุนเจียวมีท่าทีเหม่อลอย นางก็รู้ว่ากุ้ยชุนเจียวรู้สึกเศร้าใจ จึงกล่าวให้กำลังใจนางสองสามคำ

“ชุนเจียว ไม่ต้องห่วงไป ยังมีแม่อยู่ที่นี่!” อย่ามองที่ท่าทีดุร้ายของกุ้ยซื่อที่มีต่อบุคคลภายนอก เพื่อลูกสาวสองคนของนางแล้ว แม้แต่กู้เสี่ยวหวานยังต้องยอมรับว่ากุ้ยซื่อเป็นมารดาที่ดี

“ท่านแม่ เหมือนข้าได้เดินผ่านประตูนรกมา ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้ข้าจะอยู่ในโรงเตี๊ยม” กุ้ยชุนเจียวหลั่งน้ำตา นางทั้งละอายและหวาดกลัว นางคิดว่าตนจะถูกครอบครัวกุ้ยดุด่า แต่นางไม่ได้คาดหวังว่ามารดาจะใส่ใจตนถึงเพียงนี้ ซึ่งนี่ทำให้กุ้ยชุนเจียวรู้สึกละอายใจนัก

นางถึงกับเชื่อเรื่องไร้สาระของถูหมิ่นที่บอกว่าพ่อแม่ของนางชอบแค่เงิน หาได้ชอบตัวนาง และพวกเขาก็เลี้ยงดูนางให้เติบโตก็เพียงเพื่อแลกกับเงินไปจริง ๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้ กุ้ยชุนเจียวก็อดกลั้นความรู้สึกผิดไม่ได้และเข้าไปในอ้อมแขนของกุ้ยซื่อแล้วร้องไห้พลางกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว!”

ในตอนแรก กุ้ยซื่อโกรธที่นางหนีตามไปกับถูหมิ่น แต่หลังจากพบกุ้ยชุนเจียวที่หายตัวไป นางก็ไม่โกรธอีกต่อไปและหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความสุขที่ได้พบตัวกุ้ยชุนเจียว

“กลับมาก็ดีแล้ว คราวหน้าอย่าไปเชื่อคำพูดคนอื่นง่าย ๆ ในโลกนี้มีแค่พ่อกับแม่ที่รักเจ้าที่สุด!” หัวใจของกุ้ยซื่อเองก็รู้สึกเศร้าเช่นกัน

“ท่านแม่ ในอนาคตข้าจะไม่ฟังคำพูดของผู้อื่นอีก” กุ้ยชุนเจียวคร่ำครวญและพูดว่า “ท่านแม่ ท่านเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับข้า ข้าจะไม่เชื่อใครอีกในอนาคต ข้าจะเชื่อในสิ่งที่ท่านแม่พูดเท่านั้น!” กุ้ยชุนเจียวพูดอย่างไร้เดียงสา

กุ้ยซื่อมองไปที่กุ้ยชุนเจียว ลูกสาวของนางที่อยุ่ตรงหน้านางด้วยความสบายใจ “ดี!”

มารดาและลูกสาวเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง แต่เมื่อพวกนางเห็นกุ้ยสวิ้นเหอเข้ามา ทั้งสองก็หยุดพูดคุยกัน แล้วมองไปที่กุ้ยสวิ้นเหออย่างมีความสุข ทว่ากุ้ยสวิ้นเหอกลับไม่ได้มีสีหน้าความสุขเหมือนพวกนาง ใบหน้าของเขากลับดูมืดมน

“สามี เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เราพบชุนเจียวแล้ว เหตุใดถึงยังไม่มีความสุขเล่า!” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างเป็นทุกข์

กุ้ยซื่อเคยตะคอกใส่กุ้ยสวิ้นเหอมาก่อน แต่คราวนี้การหายตัวไปของกุ้ยชุนเจียวทำให้กุ้ยซื่อตระหนักว่าสตรีต้องมีความอ่อนโยนของสตรี ในอนาคตนางจะเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น

กุ้ยสวิ้นเหอถอนหายใจยาว ก่อนเหลือบมองกุ้ยชุนเจียวที่เป็นกังวลแล้วพูดอย่างจนใจว่า “ในที่สุดก็พบตัวแล้ว แต่เมื่อพวกเรากลับไปแล้วจะอธิบายเช่นไร?”

คำพูดของกุ้ยสวิ้นเหอทำให้จิตใจของกุ้ยซื่อระเบิดออก และพลันได้สติอีกครั้ง

ใช่แล้ว ตงเหมยบอกว่าชุนเจียวหายไป นางหายไปหนึ่งหรือสองวันแล้ว แต่ยังไม่กลับบ้าน นี่… พอถึงเวลานั้น คนในหมู่บ้านจะต้องพูดอะไรน่าเกลียดเป็นแน่

กุ้ยซื่อก็ประหม่าเช่นกัน นางไม่ได้คาดหวังว่าจะผ่านเรื่องของถูหมิ่นไปแล้ว ยังมีเรื่องที่ใหญ่กว่ารอพวกนางอยู่

พวกเขาจะอธิบายให้ชาวบ้านฟังว่ากุ้ยชุนเจียวหายไปไหนในช่วงหนึ่งวันสองคืนที่นางหายตัวไป? แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น?

กุ้ยชุนเจียวก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เมื่อครู่นางหยุดร้องไห้แล้ว แต่คราวนี้เริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง เมื่อมองไปที่กุ้ยซื่อที่ตกใจ นางก็ถามอย่างเป็นกังวลว่า “ท่านแม่ ข้าควรทำอย่างไรดี! ข้า…เช่นนั้นให้ข้าตายเถอะ!”

กุ้ยชุนเจียวกล่าวด้วยความโศกเศร้าและคับแค้นใจ กุ้ยสวิ้นเหอเพิ่งถอนหายใจ เมื่อได้ยินว่ากุ้ยชุนเจียวคิดจะตาย คู่สามีภรรยากุ้ยก็รีบตะโกนว่าไม่!

กุ้ยสวิ้นเหอถอนหายใจ ก่อนเหลือบมองไปที่ประตูห้องข้าง ๆ “หรือจะไปหารือกับสาวน้อยเสี่ยวหวานห้องข้าง ๆ ดูว่านางมีวิธีจัดการหรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กุ้ยซื่อก็เหมือนพบเส้นฟางช่วยชีวิต ดวงตาของนางเป็นประกาย “ใช่ ใช่!”

กุ้ยชุนเจียวงุนงงเล็กน้อย ครอบครัวของพวกนางไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน ครอบครัวกุ้ยก็มีปัญหากับกู้เสี่ยวหวานหลายครั้ง ครั้งล่าสุดนางกับตงเหมยผลักกู้เสี่ยวอี้ล้มลงพื้นและได้รับบาดเจ็บ พูดตามหลักเหตุผล พวกนางทั้งสองควรมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน

แต่เหตุใดเมื่อนางหายไป กู้เสี่ยวหวานจึงมา? มาตามหานางหรือ?

เมื่อเห็นท่าทางงงงวยของกุ้ยชุนเจียว กุ้ยซื่อก็อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ชุนเจียว ถ้าไม่ใช่เพราะสาวน้อยเสี่ยวหวาน ในครั้งนี้พวกเราคงมิอาจหาตัวเจ้าพบ!”

กล่าวจบ นางก็เล่าเรื่องที่กู้เสี่ยวหวานสอบถามเจ้าของร้านจิ่นฝูเพื่อสืบหาเกี่ยวกับที่อยู่ของกุ้ยชุนเจียว ซึ่งเรื่องมาตามหานางที่หมู่บ้านเหมยกับลานใหญ่ ทั้งหมดเป็นความคิดกู้เสี่ยวหวานทั้งสิ้น เมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินก็สับสนและตะลึงไปเล็กน้อย

หลังจากตกตะลึงไป นางก็ค่อนข้างรู้สึกละอาย

“ท่านแม่ ข้าเคยปฏิบัติต่อกู้เสี่ยวอี้กับนาง…” ท้ายที่สุด กุ้ยชุนเจียวก็ยังเป็นเด็ก ซึ่งนางย่อมรู้สึกขอบคุณเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานช่วยเหลือนาง แต่นางเคยทำให้กู้เสี่ยวหวานขุ่นเคืองมาก่อน ในใจนางจึงรู้สึกละอายเล็กน้อย

“เฮ้อ อย่าไปพูดถึงเลย ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเองที่ไม่ดี สาวน้อยเสี่ยวหวานมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ไม่ถือสาพวกเราหรอก ในอนาคต สาวน้อยเสี่ยวหวานจะเป็นผู้มีพระคุณคนสำคัญของครอบครัวเรา ชั่วชีวิตที่เหลือของพวกเราควรซาบซึ้งบุญคุณของนางนะ เข้าใจไหม?” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างเต็มใจ

“ท่านแม่ ในอนาคตข้าจะปฏิบัติต่อพวกกู้เสี่ยวหวานในฐานะพี่น้อง และตอบแทนน้ำใจของเสี่ยวหวานเป็นอย่างดี”

เมื่อเห็นว่ากุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียวต่างก็รู้สึกขอบคุณกู้เสี่ยวหวาน กุ้ยสวิ้นเหอจึงอดต่อว่าไม่ได้ “พวกเจ้า! ข้าบอกหลายครั้งแล้วว่ายัยหนูเสี่ยวหวานเป็นเด็กดี อย่าได้ไปรังแกนาง พอครั้งนี้นางช่วยพวกเราไว้มาก จึงรู้ถึงความดีของนางแล้วสิ?”

ใบหน้าของกุ้ยซื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด แต่นางก็ยังปากแข็ง “ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้ารู้แล้วหรือ? สามีไม่ต้องกังวล ในอนาคตข้าจะต้องปฏิบัติต่อครอบครัวของสาวน้อยเสี่ยวหวานอย่างดี!”

เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของกุ้ยซื่อ กุ้ยสวิ้นเหอก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน “เอาล่ะ ไปดูกันดีกว่าว่าสาวน้อยเสี่ยวหวานหลับไปแล้วหรือยัง แล้วดูว่าจะทำอย่างไรกับคนในหมู่บ้าน! สาวน้อยเสี่ยวหวานผู้นี้เจ้าความคิด ข้าเชื่อในตัวนาง”

เวลานี้ กุ้ยสวิ้นเหอ ในฐานะบุรุษวัยสี่สิบปีไม่คิดปิดบังความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในตัวเด็กหญิงอายุสิบขวบเลย ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าละอายแต่อย่างใด

จากเมืองหลิวเจียถึงหมู่บ้านเหมย จากนั้นไปที่ลานเล็ก ๆ แล้วบังคับให้ถูหมิ่นไม่กล้าพูดถึงเรื่องของกุ้ยชุนเจียว ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับกู้เสี่ยวหวาน กล่าวได้ว่าเป็นเพราะกู้เสี่ยวหวาน จึงพวกเขาสามารถหาตัวกุ้ยชุนเจียวพบอย่างรวดเร็ว และสามารถทำให้ถูหมิ่นหวาดกลัวได้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท