บทที่ 482 ความคิดชั่วร้าย
บทที่ 482 ความคิดชั่วร้าย
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินฉินเย่จือบอกว่านางนั้นตัวยงในเรื่องของความขี้เหนียว นางมุ่ยปาก หากแต่ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดและพูดอย่างมีความสุขว่า “เงินเป็นสิ่งที่ดี และข้าก็หามันมาด้วยตัวเอง! สุภาพบุรุษรักโชคลาภอย่างถูกวิธี*[1] หน้าเงินตัวน้อยถือเป็นคำชม ข้าชอบมัน!”
ฉินเย่จือมองย้อนกลับไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างสนใจ ครั้นเห็นนางยิ้มเหมือนเด็กน้อยที่ได้รับสิ่งที่ต้องการ ช่างดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ยิ่งนัก
“วันนี้เจ้านึกถึงอาหารจานอร่อยอะไรอยู่หรือ?” ฉินเย่จือมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของกู้เสี่ยวหวานที่สดใสราวกับดอกไม้ พอนึกถึงก็อยากกินขึ้นมาอีกแล้ว ครั้งล่าสุดที่บ้านตระกูลกู้ เขามีความสุขมาก
แม้ว่าจะเป็นเพียงอาหารในบ้านชาวนาธรรมดาที่ไม่ได้พิถีพิถันเท่าไรนัก แต่ฉินเย่จือนั้นแทบจะกัดลิ้นตัวเองทุกครั้งที่กิน
โดยเฉพาะวันนี้ เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานขายสูตรอาหาร เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นและสงสัยมากขึ้น และอยากจะลองทำทันที
เมื่อเห็นท่าทางของฉินเย่จือที่กำลังนึกถึงของอร่อย กู้เสี่ยวหวานก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่ต้องห่วง กลับไปที่ภูเขากันเถอะ จับปลาสักสองสามตัว แล้วข้าจะทำอาหารให้เจ้าเอง!”
ฉินเย่จือหรี่ตาลง ดวงตาที่เรียวยาวของเขาดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่กำลังจับจ้องเหยื่อ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตกลง!”
ทั้งสองคุยกันและหัวเราะ ฉากนี้เข้าตากู้ซินเถาราวกับเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจจนหายใจไม่ออก นางจ้องไปที่ด้านหลังของคนทั้งสองอย่างว่างเปล่าราวกับว่าสูญเสียจิตวิญญาณ
กู้ซินเถาไม่สนใจเกี่ยวกับการซื้อของแล้วในขณะนี้ ฉากนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของนาง
ดูเหมือนว่าในใจของเขา ฉินเย่จือมีความคิดที่แตกต่างออกไปเกิดขึ้น
เพียงแต่เขาไม่ทันสังเกต
กู้ซินเถารู้สึกอับอายเล็กน้อย หวาดกลัวและมึนงงนิดหน่อย
ฉินเย่จือ ฉินเย่จือ เจ้าหมายถึงอะไรกันแน่? เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียด แต่เจ้าสามารถยิ้มได้ราวกับเห็นดอกไม้
กู้ซินเถาเกลียดชังหัวใจของนาง
แต่นางไม่ได้เกลียดฉินเย่จือ นางเกลียดกู้เสี่ยวหวาน
เด็กสาวในหมู่บ้านที่ด้อยกว่าตัวเองในทุกเรื่อง นางจะขอความช่วยเหลือจากขุนนางในทุกเรื่องได้อย่างไร? เจ้าสามารถเปลี่ยนโชคร้ายเป็นโชคดีได้อย่างไร!
ข้าเกลียดกู้เสี่ยวหวานมาก ข้าหวังว่ากู้เสี่ยวหวานจะถูกทำลายในขณะนี้!
ใช่แล้ว ถูกทำลายจนพังยับเยิน!
ถ้ากู้เสี่ยวหวาน…กลายเป็นผู้หญิงไม่สะอาด…
ถ้าอย่างนั้นพี่ฉิน เขาจะยังทำกับนางแบบนี้อีกไหม?
ไม่แน่นอน
พี่ฉินจะทอดทิ้งกู้เสี่ยวหวานอย่างแน่นอน ในเวลานั้น ถ้านางไปหาพี่ฉินด้วยตัวเอง ทำให้เขารู้ว่านางรอเขาอยู่ พี่ฉินก็จะโผเข้ามาในอ้อมแขนนางอย่างแน่นอน!
ดวงตาของกู้ซินเถาฉายแววดุร้าย ผ้าเช็ดหน้าในมือของนางแทบจะถูกฉีกขาด
กู้เสี่ยวหวาน อย่าชะล่าใจเกินไป!
ถ้าเจ้ามีมลทิน เจ้าจะรู้ราวกับตกนรก!
พี่ฉินลิขิตชะตาให้เป็นของข้า ไม่มีใครแย่งเขาไปได้!
ดวงตาของกู้ซินเถาดุร้าย นางหันศีรษะและจ้องมองอย่างดุเดือดไปยังทิศทางที่กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือกำลังจะจากไป
แม้ว่าพวกเขาจะเดินลับสายตาไปแล้วที่ปลายถนน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดความหนาวเย็นในสายตาของกู้ซินเถาได้
เมื่อพวกเขามาถึงหอหนังสืออวี้ กู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือก็นั่งรอข้างนอก
คนใช้ที่บังเอิญมาจากข้างนอกและกำลังจะเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน เขารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายด้วยรอยยิ้มทันที “สาวน้อยกู้ เจ้าอยู่ที่นี่เอง!”
กู้เสี่ยวหวานมองเข้าไปใกล้ ๆ และตระหนักว่าบุคคลนี้คือ เสี่ยวลู่จือ คนรับใช้ส่วนตัวของสวีเฉิงเจ๋อ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและตอบด้วยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้ไม่ใช่วันเรียน ข้ามารอรับหนิงอันของข้ากลับบ้านน่ะ!”
เสี่ยวลู่จือพยักหน้า “ใช่ ใช่แล้ว! อย่ารอข้างนอกเลย ลมในฤดูใบไม้ผลินี้ก็เย็นเช่นกัน เข้าไปข้างในข้าเร็วเถอะ!”
กู้เสี่ยวหวานนั่งรอข้างนอกเพราะไม่ต้องการเข้าไป ยิ่งกว่านั้นทุกคนอยู่ในที่นี่ ถ้านางรบกวนพวกเขา เกรงว่าผลกระทบจะเลวร้ายมาก ดังนั้นจึงโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ๆ เราจะรอข้างนอกนี่แหละ เกรงว่าถ้าเข้าไปมันจะรบกวนการอ่านหนังสืออันแสนสงบของทุกคนน่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” เสี่ยวลู่จือพูดอย่างเร่งรีบ “เจ้าแค่นั่งรอสักครู่ ข้าจะชงชาให้ เจ้าดื่ม ดีกว่าอยู่ข้างนอกนะ!”
กู้เสี่ยวหวานต้องการที่จะปฏิเสธ เสี่ยวลู่จือพูดด้วยความไม่สบายใจ “สาวน้อยกู้ เจ้าอาจรู้สึกแย่กับข้า! ถ้าเจ้านายของข้ารู้ว่าข้าเห็นเจ้า แต่ไม่เชิญเจ้าเข้ามานั่งดื่มชา เจ้านายของข้าคง…”
ใบหน้าของเสี่ยวลู่จือยิ้มเจื่อน ๆ อย่างช่วยไม่ได้ “เจ้านายของข้าคงต้องโกรธข้ามากแน่!”
เสี่ยวลู่จือพูดกึ่งตลกกึ่งจริงจัง กู้เสี่ยวหวานได้ยินแบบนั้นก็ไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธเขาอีกต่อไป
เมื่อเหลือบมองที่ฉินเย่จือ เขาพยักหน้าและเดินตามหลังเสี่ยวลู่จือเข้าไป
หลังจากที่ฉินเย่จือผูกเกวียนวัว เขาก็เดินตามไปจนถึงหอหนังสืออวี้
หลังจากเข้ามาแล้ว เสี่ยวลู่จือให้ทั้งสองนั่งลงแล้วพูดว่า “สาวน้อยกู้ เจ้านั่งลงก่อน เดี๋ยวข้าจะไปชงชามาให้เจ้า!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและกล่าวขอบคุณพลางเดินออกไปผ่านทางเดินผ้าม่าน
ฉินเย่จือพบที่นั่งด้านข้างกู้เสี่ยวหวาน และมองไปรอบ ๆ
แม้ว่าเขาจะเคยมาที่หอหนังสืออวี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เคยเข้ามาที่นี่
ฉินเย่จือเหลือบมองหนังสือบนชั้นวาง แต่ทั้งหมดเป็นหนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าและไม่มีอะไรอื่น
ทั้งสองนั่งลง และทันใดนั้นมีคนเข้ามาทางม่าน กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเป็นเสี่ยวลู่จือ นางกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นฮูหยินสวี กู้เสี่ยวหวานก็รีบลุกขึ้นและเดินไปหาฮูหยินสวีพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ฮูหยินสวี…”
ฮูหยินสวีกำลังถือจานรองอยู่ในมือ กู้เสี่ยวหวานรีบนำจานรองมาวางบนโต๊ะเตี้ยข้าง ๆ และพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “ฮูหยินสวี ข้าขอโทษจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้ามารบกวนท่านที่นี่อีกแล้ว ทั้งยังต้องให้ท่านมาลำบากชงชาให้อีก พวกข้ามันน่าผิดหวังจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยตรงหน้ายังเหมือนเดิม ฮูหยินสวีก็ปิดปากและหัวเราะคิกคัก พลางกล่าวโทษว่า “เสี่ยวหวานเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงสุภาพกับข้านักเล่า!”
กู้เสี่ยวหวานประคองฮูหยินสวีนั่งลงอย่างรวดเร็ว ฮูหยินสวีรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่รอบคอบและมีเหตุผลของกู้เสี่ยวหวาน
เด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว เมื่อนางเห็นเด็กสาววันนี้ที่โตขึ้นและมีน้ำมีนวลขึ้น ใบหน้าก็แดงก่ำมีเลือดฝาด ดูเหมือนว่านางจะมีชีวิตที่ดีในวันธรรมดาแล้ว
*[1] สุภาพบุรุษต้องการแต่ความมั่งคั่งที่เขาได้รับอย่างชอบธรรม และไม่ต้องการความมั่งคั่งที่ไม่เป็นธรรม