บทที่ 488 ตงเหมยมีความคิด
บทที่ 488 ตงเหมยมีความคิด
ครานั้นหลังจากกุ้ยตงเหมยกลับไป นางซักผ้าเช็ดหน้าจนสะอาดหมดจด หากแต่เก็บมันไว้และไม่กล้าใช้ เพราะกลัวว่ากู้ซินเถาจะรู้ตัวและตนเองจะต้องส่งมันคืนไป หลังจากรอกู้ซินเถากลับไปในเมืองแล้ว กุ้ยตงเหมยก็ราวกับถูกปล่อยออกจากห้องขัง นางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าและนำไปอวดทันที
เด็กผู้หญิงในหมู่บ้านนี้เคยเห็นผ้าเช็ดหน้าดี ๆ เช่นนี้ที่ไหนกัน หากมองดี ๆ จะเห็นว่าส่วนบนของดอกกล้วยไม้นั้นปักด้วยด้ายสีทอง ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่บนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ด้ายสีทองนั่นค่อนข้างหรูหรา!
ทุกคนล้วนถามกุ้ยตงเหมยว่าไปเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาจากที่ไหน กุ้ยตงเหมยจะบอกพวกนางได้อย่างไรว่านางเก็บมันขึ้นมาจากถนน อีกทั้งมันยังเป็นของกู้ซินเถา
นางก็เลยโกหกและบอกว่าเป็นของที่เถ้าแก่หลี่นำมาให้พี่สาวในครั้งที่แล้ว
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็แสดงแววตาอิจฉา และกล่าวว่ากุ้ยชุนเจียวโชคดีจริง ๆ ที่ได้ช่วยชีวิตลูกชายของหลี่ฝานไว้ได้
พวกนางทั้งอิจฉาและริษยา เมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยก็รู้สึกโล่งใจมาก
“ตงเหมย ครอบครัวเจ้าช่างโชคดีเสียจริง!” หนึ่งในนั้นพูดอย่างอิจฉา “ข้าได้ยินจากพ่อของข้าว่าเถ้าแก่หลี่มีกิจการที่ใหญ่โต! เขามีร้านอาหารในเมืองหลิวเจียและอีกแห่งที่ใหญ่กว่าเดิมในเมืองรุ่ยเสียน! ข้าได้ยินมาว่าร้านอาหารของเขานั้นช่างหรูหราและดีที่สุด”
“ใช่แล้ว ข้าก็ได้ยินที่ท่านพ่อพูดด้วยเช่นกัน ท่านพ่อของข้ายังบอกด้วยว่าร้านอาหารของเถ้าแก่หลี่ดีกว่าและใหญ่กว่าร้านอาหารที่พ่อของกู้ซินเถาทำงานอยู่!”
“ฮ่า ๆ ไม่น่าเชื่อว่าชุนเจียวจะช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่เอาไว้ได้! พวกเจ้าดูกู้ซินเถาสิ พ่อของนางที่เป็นคนทำบัญชีก็ร่ำรวยถึงเพียงนั้น เขาให้นางสวมทองใส่เงิน พวกเจ้าดูเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ตอนมากลับมาที่นี่สิ ข้าไม่เคยเห็นเนื้อผ้าที่ดีเช่นนั้นมาก่อนเลย!”
“แน่นอนว่าเจ้าต้องไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่แล้ว เจ้าสวมแต่ผ้ากระสอบทั้งวัน แล้วจะเห็นเนื้อผ้าดี ๆ เช่นนั้นได้อย่างไร!”
“ชิ เจ้ากล้าว่าข้าด้วยหรือ เจ้าเองก็ไม่ต่างกันหรอก!”
ทุกคนต่างโต้เถียงกันไปมา
“ตงเหมย ในอนาคตเจ้าก็จะแตกต่างจากเรา ในอนาคตเจ้าจะมีผู้อุปถัมภ์เป็นครอบครัวที่ร่ำรวย ตราบใดที่เจ้าพูดออกมา เถ้าแก่หลี่ก็จะตอบสนองความต้องการของเจ้า!”
“จริงหรือ?” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของกุ้ยตงเหมยก็เบิกกว้าง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“จริงสิ เพราะข้าฟังที่ท่านแม่พูดมา!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถักเปียพูดอย่างอิจฉา “พวกเจ้าช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่ไว้ นี่เป็นความเมตตาอย่างยิ่ง! ท่านแม่ของข้ายังบอกด้วยว่าของที่เถ้าแก่หลี่นำมามอบให้เจ้า มันจะเพียงพอสำหรับครอบครัวของเจ้าที่จะมีชีวิตอยู่เป็นเวลาหนึ่งปี”
ทันทีที่กุ้ยตงเหมยได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของนางพลันเบิกบาน
“ตงเหมย เจ้าสามารถไปหาเถ้าแก่หลี่และขอให้เถ้าแก่หลี่ให้เงินแก่เจ้า เจ้าแค่แสร้งทำเป็นน่าสงสารเล็กน้อย เถ้าแก่หลี่ก็จะให้เงินอย่างแน่นอน!” หนึ่งในนั้นแนะนำ “เฮ้อ ทำไมข้าไม่โชคดีเช่นนี้บ้าง ไม่เช่นนั้นข้าก็คงรีบไปหาเถ้าแก่หลี่แล้ว! ข้าไม่มีความคิดอื่นใด นอกจากจะไปในเมืองและทำให้ข้ากลายเป็นผู้หญิงในเมืองบ้าง!”
การแต่งงานตามโชคชะตานั้นดีกว่าการอยู่ในหมู่บ้านมาก
หากแต่งงานกับคนในหมู่บ้าน คนที่แต่งงานด้วยก็มาจากครอบครัวชาวนาเช่นเดียวกัน ตั้งแต่เล็กจนโตก็ต้องทำงาน เมื่อแต่งงานแล้วก็ยังต้องเดินในเส้นทางเดิมอีกหรือ?
เด็กหญิงเหล่านั้นพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ “ใช่แล้ว ถ้าเจ้าเป็นหญิงสาวในเมือง เมื่อจะแต่งงาน เจ้าก็จะมีทางเลือกมากมาย ไม่เหมือนตอนนี้ เกรงว่าทั้งก่อนและหลังแต่งงานก็คงไม่ต่างกัน”
ทุกคนพยักหน้าแล้วมองกุ้ยตงเหมยอย่างอิจฉา “ตงเหมย ครอบครัวของเจ้าโชคดีมาก! ในอนาคต ครอบครัวของเจ้าต้องการอะไรก็คงมีสิ่งนั้น”
ทันทีที่กุ้ยตงเหมยได้ยินเรื่องนี้ นางก็กลายเป็นคนหยิ่งยโสในทันทีและเชิดหน้าขึ้นสูง ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มที่พึงพอใจ และไม่รู้ว่านางกำลังมองหาที่ไหน เกรงว่านางคงคิดถึงอนาคตที่ตนเองกลายเป็นหญิงสาวชาวเมืองและจะสามารถแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย มีเสื้อผ้าและอาหารอุดมสมบูรณ์ ไม่เหมือนเช่นตอนนี้
แต่ทั้งหมดนี้ต้องการเปลี่ยนแปลง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยได้
หลี่ฝานจากร้านจิ่นฝู!
ดวงตาของกุ้ยตงเหมยกระสับกระส่าย นางหยุดพูดคุยกับเด็กหญิงเหล่านั้นและกลับบ้านทันที
เมื่อกลับมาที่บ้าน กุ้ยตงเหมยไปหากุ้ยซื่อและบอกเรื่องที่เพิ่งพูดกับเด็กหญิงเหล่านั้นมา หลังจากที่กุ้ยซื่อได้ฟังเรื่องนี้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปด้วยความตกใจ “ตงเหมย เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าต้องการให้พี่สาวของเจ้าไปหาเถ้าแก่หลี่หรือ?”
กุ้ยตงเหมยไม่ได้คาดคิดว่าหลังจากพูดคำเหล่านี้ออกไป ใบหน้าของกุ้ยซื่อจะบิดเบี้ยวไม่น่ามอง ในใจนางจึงรู้สึกไม่พอใจและพูดว่า “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน! ท่านพี่ช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่เอาไว้ และเถ้าแก่หลี่ย่อมต้องการตอบแทนพี่สาวเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!”
“คราวที่แล้วเขาก็ส่งของมาให้เยอะมากแล้วนี่!” กุ้ยซื่อพูดอย่างกังวล นางไม่คิดว่ากุ้ยตงเหมยจะพูดถึงเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ สิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าคือคนอื่นให้ความคิดที่คดโกงกับนางมา
น่าขันเกินไปแล้ว ไปหาหลี่ฝานเพราะต้องการให้เขาตอบแทนหรือ?
กุ้ยซื่อกลัวว่ากุ้ยตงเหมยจะทำอะไรโง่ ๆ เมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นการรบกวนเถ้าแก่หลี่ แต่หากพูดว่าเรื่องทั้งหมดของกุ้ยชุนเจียวเป็นเรื่องโกหก เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะจบลง
ชื่อเสียงของกุ้ยชุนเจียวจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
“ท่านแม่ ของพวกนี้มันจะมีค่าขนาดไหนกัน!” กุ้ยตงเหมยรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทีที่ตระหนี่ของกุ้ยซื่อและพึมพำอย่างไม่พอใจ “ข้าได้ยินมาว่ากิจการของเถ้าแก่หลี่นั้นใหญ่โต ไม่รู้ว่าครอบครัวของเขามีเงินมากขนาดไหน! ท่านพี่ได้ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้ ดังนั้นเขาควรจะมอบทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้กับท่านพี่ด้วยซ้ำ นั่นถึงจะสมเหตุสมผล!”
“เจ้าเด็กเหลือขอ!” เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินคำพูดที่น่ารังเกียจของกุ้ยตงเหมย นางก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปิดปากกุ้ยตงเหมย และพูดอย่างกังวลว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ อย่าพูดจาเหลวไหล!”
กุ้ยตงเหมยรู้สึกไม่มีความสุข “ทำไมถึงพูดจาเหลวไหลไม่ได้ เดิมทีมันควรเป็นเช่นนั้น!”
กุ้ยตงเหมยไม่คิดว่ากุ้ยซื่อยังคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ในใจนางก็เริ่มคิดเพ้อฝันขึ้นมา “ท่านแม่ ทำไมท่านถึงไม่ไปหาเถ้าแก่หลี่และขอสิ่งตอบแทนล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของกุ้ยตงเหมย กุ้ยซื่อก็ลังเล หากแต่บอกออกไปไม่ได้ หลังจากผ่านไปนาน นางก็พูดขึ้นว่า “นี่… นี่ไม่เป็นการไปรบกวนคนอื่นหรอกหรือ!”
“รบกวน?” กุ้ยตงเหมยพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดอย่างโกรธเคือง “ในตอนที่ท่านพี่ช่วยลูกชายของเขา ทำไมเขาถึงไม่คิดว่าเป็นการรบกวนท่านพี่ล่ะ? ท่านพี่ช่วยชีวิตคนเลยนะ!”