บทที่ 498 ที่มาของผ้าเช็ดหน้า
บทที่ 498 ที่มาของผ้าเช็ดหน้า
สาวรับใช้รีบกล่าวว่า “น้องสาว ฮูหยินของข้าเตรียมอาหารรสเลิศไว้รอเจ้าแล้ว!”
หลังจากกุ้ยตงเหมยได้ยินก็รู้สึกว่าตัวนางกำลังล่องลอย นางไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อมาที่เมืองหลิวเจีย ตนเองจะกลายเป็นที่โปรดปรานของฮูหยิน แม้ว่าครอบครัวของนางอาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนรับใช้ นางคงจะไม่แย่ขนาดนั้น!
หากมีความสัมพันธ์ที่ดี อาจจะเป็นประโยชน์กับตัวเองในอนาคต!
กุ้ยตงเหมยคิดเช่นนี้ รอยยิ้มพึงพอใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ตกลง! ไปกันเถอะ!”
ไม่รู้ว่าหลี่ฝานจะกลับมาเมื่อไร และนางก็รู้สึกหิวอยู่เล็กน้อย ดังนั้นกินไปรอไปก็แล้วกัน!
และให้สาวรับใช้คอยดูให้แล้วกัน
ภายใต้การนำทางของสาวรับใช้ กุ้ยตงเหมยเข้าไปในฮวาเจียนซานเส้อ ทันทีที่เข้าไปก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะกลม บนโต๊ะมีอาหารเลิศรสที่กุ้ยตงเหมยไม่เคยเห็นมาก่อน
หนอนตะกละในท้องถูกดึงดูด และกุ้ยตงเหมยก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“สาวน้อย เจ้ามาแล้วหรือ?” เมื่อฮูหยินเจียงเห็นกุ้ยตงเหมยเข้ามา รอยยิ้มที่ดึงดูดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
กุ้ยตงเหมยตอบรับอย่างขอไปที เมื่อเหลือบมองก็เห็นว่าเหล่าสาวรับใช้กระจายอยู่รอบโต๊ะกลมพลางถือตะเกียบในมือราวกับว่าหากนางคีบอาหารจานไหนไม่ถึงก็จะให้เหล่าสาวรับใช้เป็นคนหยิบให้
กุ้ยตงเหมยประหลาดใจเล็กน้อย อาหารมื้อนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก!
ขนาดว่านางเป็นเพียงฮูหยินธรรมดานะเนี่ย หากเป็นฮูหยินของตระกูลร่ำรวย การปรนนิบัติรับใช้จะขนาดไหนกัน
ก่อนที่ฮูหยินเจียงจะเชิญกุ้ยตงเหมยให้นั่งลง กุ้ยตงเหมยก็นั่งลงตรงข้ามกับฮูหยินเจียงอย่างไม่มีมารยาท เมื่อมองดูจานอาหารที่ละลานตาบนโต๊ะ กุ้ยตงเหมยก็หยิบตะเกียบและเริ่มกินโดยไม่เอ่ยถามฮูหยินเจียงสักคำ
ฮูหยินเจียงขมวดคิ้วเมื่อเห็นเด็กหญิงที่ไม่รู้จักมารยาท
“สาวน้อย เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่าน ข้าได้ยินว่าเจ้ารู้จักเถ้าแก่หลี่ หลี่ฝานจากร้านจิ่นฝูหรือ?” ฮูหยินเจียงเอ่ยถาม
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนางกับเถ้าแก่หลี่ กุ้ยตงเหมยก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
หญิงคนนี้คงจะไม่ได้เห็นว่านางและเถ้าหลี่มีมิตรภาพต่อกัน จึงมาหานางเพื่อให้นางช่วยให้ตนเองมีมิตรกับเถ้าหลี่หรอกนะ!
“ไม่เพียงแต่รู้จักเถ้าแก่หลี่ ข้ายังเป็นน้องสาวของผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตลูกชายของเถ้าแก่หลี่ไว้ด้วย! เจ้าอย่ามีความคิดอื่นใด เถ้าแก่หลี่ไม่ได้จะรู้จักกันง่าย ๆ เจ้าล้มเลิกความคิดนี้โดยเร็วที่สุดเสียเถอะ! ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมาพบเถ้าแก่หลี่ได้!” กุ้ยตงเหมยเยาะเย้ยถากถาง
เมื่อฟังคำพูดของกุ้ยตงเหมย หญิงรับใช้ชราที่อยู่ถัดจากฮูหยินเจียงก็ตะโกนขึ้นว่า “ช่างกล้าหาญนัก! สาวน้อย เจ้าไม่เห็นหรือว่าใครนั่งอยู่ข้างหน้าเจ้า! กล้าดีอย่างไรถึงได้หยาบคายเช่นนี้!”
ในตอนที่อยู่ข้างนอกเมื่อครู่ หญิงรับใช้ชราต้องการสั่งสอนบทเรียนให้กุ้ยตงเหมย แต่เพราะอยู่ในที่สาธารณะ หากตนเองสอนบทเรียนให้เด็กผู้หญิงคนนี้ เกรงว่าเมื่อถูกมองเห็น ผู้อื่นจะเอาไปพูดได้ว่าตนเองรังแกเด็ก
ใช้เวลานานกว่าจะถอนหายใจออกมาได้ และฮูหยินก็เชิญนางไปทานอาหารเย็น แต่เดิมหญิงรับใช้ชราสงสัยว่าเด็กหญิงที่ไม่มีมารยาทผู้นี้จะได้รับเชิญเข้ามาได้อย่างไร แต่เมื่อเห็นว่าในใจของฮูหยินดูเหมือนจะมีแผนบางอย่าง ดังนั้นหญิงรับใช้ชราจึงไม่ได้พูดอะไร!
และทันทีที่กุ้ยตงเหมยเข้ามา นางก็มีท่าทางยโสโอหัง ไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทาย นางเดินตรงไปที่โต๊ะ คว้าตะเกียบ และลงมือกินโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่ฮูหยินกลับไม่พูดอะไรสักคำ!
เมื่อเห็นความโกรธของหญิงรับใช้ชรา ฮูหยินเจียงก็โบกมือ เมื่อเห็นฮูหยินทำเช่นนี้ หญิงชราก็เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร จึงก้มหน้าลงแล้วถอยหลังออกไปสองก้าว
ในตอนแรก กุ้ยตงเหมยตกตะลึงเล็กน้อย นางไม่ได้คาดคิดเลยว่าสาวรับใช้ที่ไม่เคยรู้จักจะกล้ามาสอนบทเรียนให้ตน?
ขณะนั้นกุ้ยตงเหมยโกรธมาก นางผุดลุกขึ้นยืนและตะโกนเสียงดัง “นี่ยายแก่ เจ้ากล้าดุข้าอย่างนั้นหรือ? หากไม่ใช่ฮูหยินของเจ้าที่เชิญข้ามา ข้าก็ไม่มาหรอก ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าคือใคร แต่ถ้าทำให้ข้าโกรธเคือง เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้เถ้าแก่หลี่ขับไล่พวกเจ้าทั้งหมดออกไป ในอนาคตก็อย่าหลังว่าจะได้มากินอาหารที่นี่อีก”
ดวงตาของฮูหยินเจียงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
กุ้ยตงเหมยกล่าวอย่างเร่งรีบ น้ำลายบางส่วนสาดกระเซ็นออกมา นางเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อและเช็ดปากอย่างรวดเร็ว
ผ้าเช็ดหน้าในมือของกุ้ยตงเหมยถูกแสดงต่อหน้าฮูหยินเจียงอย่างชัดเจน
ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทำจากผ้าไหมอวิ๋นซือ ซึ่งสั่งทำพิเศษจากร้านหรูอี้ หากผ้าเช่นนี้ไม่ได้สั่งไว้ด้วยราคาสูง เกรงว่าผ้าทั้งหมดจะถูกส่งไปในวัง
เดิมทีผ้าไหมอวิ๋นซือเป็นของหายากทุกปี เพราะเป็นวัสดุที่มีค่ามาก
ไม่ง่ายเลยที่ฮูหยินเจียงจะสั่งผ้าไหมอวิ๋นซือในราคาสูงได้ แต่น่าเสียดายที่ผลผลิตในปีนี้ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ถูกส่งไปที่วังแล้ว นางจึงคว้าแค่ของเหลือเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงการทำเสื้อผ้า มันไม่เพียงพอที่จะทำเสื้อชั้นในเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เป็นการสิ้นเปลืองเกินไปที่จะใช้วัสดุอันล้ำค่าเพื่อทำเสื้อชั้นใน
ฮูหยินเจียงหมดหนทาง ตามคำแนะนำของเจ้าของร้านหรูอี้ นางจึงตัดผ้าไหมเป็นผืนเล็ก ๆ เพื่อทำเป็นผ้าเช็ดหน้า
ผ้าผืนนี้ เจ้าของร้านหรูอี้ได้ตัดผ้าออกเป็นผืนเล็ก ๆ จำนวนแปดผืนด้วยตัวเองโดยไม่เสียเปล่าเลย
จากนั้นจึงปักด้านบนด้วยลวดลายทั้งสี่ของดอกบ๊วย กล้วยไม้ ไม้ไผ่ และดอกเบญจมาศ และอีกสี่คนถูกปักด้วยลวดลายตัวอักษรฝูลู่โซ่วสี่ (福禄寿喜)
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อทำให้ผ้าเช็ดหน้าเหล่านี้แตกต่างจากผ้าเช็ดหน้าผืนอื่น ๆ เจ้าของร้านหรูอี้จึงใช้ด้ายสีทองปักเพื่อเสริมส่วนบนของลวดลาย และสามารถมองเห็นความสง่างามและความหรูหราของด้ายสีทองได้จาง ๆ
ผ้าเช็ดหน้าแปดผืนที่มีลวดลายกล้วยไม้ ดอกบ๊วย ไม้ไผ่ และดอกเบญจมาศ จึงมีความสดและสง่างาม และฝูลู่โซ่วสี่ก็ดูมีความสุขและสง่างาม
สำหรับผ้าเช็ดหน้าทั้งแปดผืนนี้ ฮูหยินเจียงใช้เงินทั้งหมดของนางเพื่อซื้อมันมาด้วยเงินทั้งหมดสี่ร้อยตำลึงเงิน ซึ่งผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนมีราคาถึงห้าสิบตำลึงเงิน!
นั่นเป็นราคาที่สูงมาก!
ฮูหยินเจียงชอบผ้าเช็ดหน้าเหล่านี้มาก ตอนแรกนางคิดว่าหากนางไปเมืองหลวงในครั้งหน้า นางวางแผนที่จะนำผ้าเช็ดหน้าเหล่านี้ไปใช้ แต่ยังไม่ได้เริ่มใช้ ผ้าเช็ดหน้าก็หายไปหนึ่งผืนเสียแล้ว
เดิมทีคิดว่าเป็นสาวรับใช้ที่ไม่กลัวตายมาขโมยไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สาวรับใช้ที่ขโมยผ้าเช็ดหน้าไป แต่มันเป็นเด็กผู้หญิงที่โง่เขลาที่อยู่ตรงหน้าที่ขโมยมัน
สาวรับใช้ที่ด้านข้างเห็นผ้าเช็ดหน้าด้วยตาของพวกนางเอง และเห็นได้ชัดว่าเป็นผืนเดียวกับที่ฮูหยินทำหาย
ในเวลานั้น เพื่อค้นหาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ฮูหยินเจียงเกือบจะพลิกตระกูลเจียงเพื่อค้นหามัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ที่แท้ก็เป็นเจียงหย่วนที่เป็นคนขโมยผ้าผืนนี้ออกไป แล้วอย่างนี้ของที่เหลือจะขโมยมาด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย
ไหหม่า (海馬)