บทที่ 541+542 ลูกสาวที่อายุเท่ากับเจ้า/อยากแต่งงานกับข้าหรือไม่
บทที่ 541 ลูกสาวที่อายุเท่ากับเจ้า
กุ้ยซื่อใช้ชื่อเสียงของกุ้ยตงเหมยเพื่อบีบบังคับหลี่ฝาน มีเรื่องอะไรเช่นนี้บนโลกนี้ด้วยหรือ
แต่…
“ท่านลุงหลี่ พวกท่านไม่เห็นกุ้ยตงเหมยจริง ๆ หรือ?” กู้เสี่ยวหวานสงสัย พวกเขารู้ได้อย่างไรว่ากุ้ยตงเหมยไปที่หอนางโลมหรืออาจจะไปที่หมู่บ้านเหมย?
ต้าย่วนจื่อของหมู่บ้านเหมย แต่ถูหมิ่นพากุ้ยชุนเจียวไปที่นั่น เป็นไปได้หรือไม่ว่าครั้งนี้เขาจะทำลายกุ้ยตงเหมยในลักษณะเดียวกัน?
ถูหมิ่นผู้นี้ความจำสั้นขนาดนั้นเลยหรือ?
เขาลืมความสูญเสียทั้งหมดที่ได้รับครั้งที่แล้วไปจนหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?
“แม่นางกู้ เมื่อครู่ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ? กุ้ยตงเหมยมาคอยที่ทางเข้าร้านอาหารเป็นเวลาสามวัน แล้วในวันที่สาม จู่ ๆ ก็มีคนมาหานาง ชายหนุ่มผู้นั้นรูปโฉมไม่เลวเลย และได้ยินกุ้ยตงเหมยเรียกเขาว่าพี่หมิ่นด้วยความประหลาดใจ!”
พี่หมิ่น? กู้เสี่ยวหวานพลันนึกถึงถูหมิ่น
ในเวลานั้น กุ้ยชุนเจียวก็เรียกถูหมิ่นว่าพี่หมิ่นเช่นกัน
ดูเหมือนว่าจะเป็นถูหมิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย!
“แล้วจากนั้นล่ะ?”
“ต่อมา ชายหนุ่มพูดอะไรบางอย่างกับกุ้ยตงเหมย แล้วกุ้ยตงเหมยก็ออกไปกับเขา ดังนั้นข้าจึงส่งคนตามพวกเขาไป จากนั้นจึงรู้ว่าคนผู้นั้นพากุ้ยตงเหมยไปที่หอนางโลม!”
หอนางโลม!
ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง!
หลี่ฝานจ้องไปที่เสี่ยวเซิ่งจื่ออย่างดุดัน ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน เขามาพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ลูบศีรษะตนเองและพูดต่อ “ต่อมา คนผู้นั้นพากุ้ยตงเหมยไปที่หมู่บ้านเหมย ไม่กี่วันต่อมา เขาก็มาที่เมืองหลิวเจียอีกครั้ง เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่เขากลับไปกลับมา เกรงว่าจะมีสามหรือสี่ครั้ง!”
“ท่านส่งคนไปตามพวกเขาอย่างนั้นหรือ?” ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเฉิงจื่อรู้อย่างชัดเจนได้อย่างไร!
“ใช่ ข้าส่งคนไป!” หลี่ฝานพูดอย่างแผ่วเบาในเวลานี้ “ข้ารู้ว่านางมาจากหมู่บ้านของเจ้า และข้าก็รู้ว่านางเป็นน้องสาวของกุ้ยชุนเจียว ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วข้าจึงต้องมีหูมีตาเอาไว้! ตอนนี้เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว การมีหูมีตาเอาไว้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อมีคนที่สับสนระหว่างขาวดำและจะสาดน้ำสกปรกใส่ตัวเองได้!”
กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ และในใจก็แอบชื่นชมหลี่ฝาน
ถ้าเขาไม่รู้ว่ากุ้ยตงเหมยอยู่ที่ใด เกรงว่าวันนี้เขาจะถูกหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงใส่ร้ายได้
ใครใช้ให้เห็นว่ากุ้ยตงเหมยปรากฏตัวที่ร้านจิ่นฝูเป็นครั้งสุดท้ายกันล่ะ?
หากไม่รู้เช่นนี้ ก็คงจะถูกเอาไปพูดจาสาดเสียเทเสียไปแล้ว!
“ข้าแค่รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่ากุ้ยชุนเจียวเคยเกือบถูกทำลายโดยคนผู้นั้น แต่น้องสาวของนางก็ยังไปยุ่งกับคนผู้นั้นอีกได้อย่างไร!” หลี่ฝานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เกรงว่ากุ้ยชุนเจียวคงไม่ได้บอกกุ้ยตงเหมย เดิมทีในตอนนั้น ข้าได้ยินมาว่าถูหมิ่นผู้นั้นกำลังเดินเร่ขายของไปในหมู่บ้านอู๋ซีทั้งวัน และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกันที่กุ้ยตงเหมยและกุ้ยชุนเจียวได้รู้จักถูหมิ่น ไป ๆ มา ๆ ถูหมิ่นและกุ้ยชุนเจียวต่างเข้ากันได้ดี ในใจของกุ้ยตงเหมยต้องรู้อะไรบางอย่างแน่! รู้สึกว่าพี่สาวของนางดีกับถูหมิ่นผู้นี้ และความสัมพันธ์ระหว่างกุ้ยตงเหมยกับถูหมิ่นก็ดีตามไปด้วย! ไม่รู้ว่าถูหมิ่นจะบอกกุ้ยตงเหมยเกี่ยวกับเรื่องของพี่สาวของนางอย่างไร! กุ้ยตงเหมยผู้นี้ บางครั้งก็ขาดมโนธรรมและบางครั้งก็โหดร้ายจนสามารถทำลายล้างแม้แต่พี่สาวของนางเองได้ หึ ๆ การมีน้องสาวที่ขาดมโนธรรมถือได้ว่าเป็นความโชคร้ายอย่างถึงที่สุดของกุ้ยชุนเจียว!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างเสียใจ กุ้ยชุนเจียวไม่เลว แต่กุ้ยตงเหมยนี้ยากที่จะพูด
เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน ทำไมจึงแตกต่างกันมากขนาดนี้!
“มังกรให้กำเนิดบุตรชายเก้าคน แต่ละคนแตกต่างกัน! เราเป็นคนนอก จึงไม่สามารถควบคุมอะไรได้!” หลี่ฝานกล่าวเกลี้ยกล่อมกู้เสี่ยวหวาน “พฤติกรรมของครอบครัวนี้เข้าใจยาก เราสามารถหลีกเลี่ยงได้เท่านั้นถึงจะดี!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านลุงหลี่ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่ติดต่อครอบครัวนี้อีกในอนาคต!”
หลี่ฝานพ่นลมหายใจและเอ่ยถามอย่างอื่น “เมื่อใดเจ้าจะเริ่มสร้างบ้านล่ะ? ข้าคิดว่ายิ่งเร็วยิ่งดี ย้ายมาในเมืองหลิวเจียโดยเร็วที่สุด ข้าจะได้ช่วยเจ้า!”
“ข้ารู้ หลังจากเรื่องนี้จบ เราค่อยเชิญคนมา!”
“อย่ากังวลเรื่องนี้เลย ข้าจะช่วยเจ้าเอง! เจ้าแค่ต้องบอกว่าจะเริ่มทำเมื่อไรก็พอ!” หลี่ฝานจิบชาและพูดอย่างเรียบง่ายราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องของตัวเอง
“แม่นางกู้ เจ้าไม่รู้หรอกว่าเถ้าแก่หลี่อยากให้เจ้าย้ายมาอยู่ในเมืองขนาดไหน!” เมื่อเสี่ยวเซิ่งจื่อได้ยินว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานกำลังจะเริ่มสร้างบ้าน หลังจากนี้เมื่อพวกนางเข้ามาอยู่ในเมือง พวกเขาก็จะอยู่ไม่ไกลกันแล้ว
“ลูกของข้า เมื่อได้ยินข้าพูดถึงเจ้าต่อหน้าพวกเขาทั้งวัน พวกเขาจึงอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้ามาก และอยากมาพบเจ้า!” หลี่ฝานหัวเราะและพูดว่า “ลูกสาวคนโตของข้าก็อายุเท่า ๆ กับเจ้า นางเป็นนักกิน พอได้ยินว่าเจ้ามีอาหารแปลก ๆ นางก็อยากรู้อยากเห็น และบอกว่าต้องเป็นสหายกับเจ้าให้ได้ ในความคิดของข้า นางอยากมาที่นี่เพื่อทานอาหารของเจ้า นางเป็นนักกินตัวจริง!” หลี่ฝานยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเขาพูดถึงลูก ๆ ของตนเอง
“ฮ่า ฮ่า…” กู้เสี่ยวหวานดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ และสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวกุ้ยเมื่อครู่ก็ถูกโยนทิ้งจนหายลับไป
ครั้นได้ยินหลี่ฝานพูดถึงลูกสาวของเขาเอง เกรงว่าครอบครัวของพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่มีความสุข ดังนั้นลูก ๆ ของพวกเขาจึงมีชีวิตชีวาและร่าเริงได้!
“ตกลง เมื่อข้าย้ายมาที่เมืองหลิวเจีย ข้าจะชวนนางมาที่บ้าน และข้าจะทำอาหารให้นางกินเอง!” กู้เสี่ยวหวานเองก็อยากรู้จักเกี่ยวกับนักกินคนนี้มาก เกรงว่าพวกนางน่าจะเข้ากันได้ดี!
แถมยังเป็นครอบครัวที่ดีอีก!
กู้เสี่ยวหวานตั้งตารอ
“เป็นเรื่องปกติ ข้าจะบอกนักกินเมื่อข้ากลับไป เกรงว่านางคงจะดีใจมาก!” หลี่ฝานก็ยิ้มเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าความเศร้าบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานหายไปและแทนที่ด้วยความปีติ เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
หลี่ฝานต้องการให้ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง ตนเองก็อยู่ในเมืองและเป็นคนที่น่านับถือ การจะดูแลครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
เด็กคนนี้อายุเท่ากับลูกสาวของเขา
อย่างไรก็ตาม ลูก ๆ ของเขาไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า และพวกเขาลืมตาขึ้นทุกวันเพื่อแต่งตัวให้สวยงามเพื่ออ่าน เรียน เล่นดนตรี และปักผ้า ไม่ต้องมามัวแต่วิ่งหาเลี้ยงชีพ แต่กู้เสี่ยวหวานนั้นแตกต่างกัน ทุกวันเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องคิดว่าวันนี้จะกินอะไรและเอาเงินจะมาจากไหน
…
บทที่ 542 อยากแต่งงานกับข้าหรือไม่
หลี่ฝานรู้สึกเศร้าเล็กน้อยในใจ เขาแค่อยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยครอบครัวของเด็กคนนี้
ทั้งสองคุยกันอีกครั้ง ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าถึงเวลาเย็นแล้ว นางจึงหยุดรบกวนและบอกลาหลี่ฝาน หลี่ฝานยังคงย้ำกู้เสี่ยวหวานว่าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ และขอให้กู้เสี่ยวหวานรีบสร้างบ้าน กู้เสี่ยวหวานจึงตอบรับอย่างดิบดี
กู้เสี่ยวหวานเดินออกจากร้านจิ่นฝูและพบฉินเย่จือ ยามได้พบเขา ไม่รู้ว่าทำไมกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกพอใจชั่วขณะหนึ่ง
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีครอบครัวยากลำบาก แต่ตอนนี้ผู้คนรอบตัวนาง ทุกคนต่างก็คอยปกป้องและคอยดูแลนาง บุญคุณนี้เกรงว่าทั้งชีวิตนางก็ไม่อาจลืมได้!
“ทำไมถึงมองข้าเช่นนี้?” ฉินเย่จือไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานเข้าไปข้างในแล้วสีหน้าของนางจะเปลี่ยนไป แต่เมื่อเห็นนางมีความสุข ฉินเย่จือก็มีความสุขเช่นกัน!
เมื่อครู่ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงออกมาอย่างโกรธเคือง เขาล้วนมองเห็นทุกอย่าง แต่เขาไม่เห็นกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือจึงไม่เคลื่อนไหว และหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาจึงได้แต่มองดูหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงวิ่งออกไปพร้อมคำสบถ
“ข้าคิดว่าเจ้าหล่อมาก!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างมีความสุข
“เจ้าเห็นข้าเป็นครั้งแรกอย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานมีความสุข และฉินเย่จือก็มีความสุขไปด้วย เมื่อเห็นว่านางล้อเลียนตัวเองเช่นนี้ ฉินเย่จือก็ไม่ยอมแพ้
“ไม่ใช่ แต่ทุกครั้งที่เห็นเจ้าก็หล่อมาก!”
“แล้วเจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่!” จู่ ๆ ฉินเย่จือก็คิดล้อเล่นขึ้นมาและพูดคำหนึ่ง ซึ่งทำให้หูของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ฉินเย่จือก็ไม่ต่างกัน
สิ่งที่ฉินเย่จือพูดไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นสิ่งที่เขาพูดออกมาจากใจ ครั้นเขานึกถึงกู้เสี่ยวหวานที่ยังเด็กอยู่ เขาจึงเอ่ยหยอกเย้า!
“…” กู้เสี่ยวหวานอายเกินกว่าจะพูดอะไรสักคำ นางตีฉินเย่จือ แล้วปีนขึ้นไปบนเกวียนวัวโดยไม่ขอให้ฉินเย่จือช่วย “รีบไปเถอะ!”
เมื่อฉินเย่จือเห็นความเขินอายที่ลามไปถึงใบหูของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย
ลูกแมวตัวนี้ความกล้ามากขึ้นจริง ๆ
ทั้งสองกลับหมู่บ้านอู๋ซีด้วยเกวียนวัว หลี่ฝานยืนอยู่ข้างขอบหน้าต่างและเห็นด้านหลังทั้งสองหายลับไปต่อหน้าเขา เพียงแต่… หลี่ฝานขมวดคิ้ว ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของคนขับ
“เถ้าแก่เป็นอะไรหรือไม่?” เมื่อเห็นหลี่ฝานมีท่าทางเช่นนั้น เสี่ยวเซิ่งจื่อจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกเหมือนเห็นคนรู้จัก! แต่…” หลี่ฝานงุนงงเป็นอย่างยิ่ง หรือเพียงเพราะดวงตาของเขาพร่ามัวเล็กน้อย คนผู้นั้นควรอยู่ในเมืองหลวงแล้วตอนนี้!
หลี่ฝานส่ายศีรษะและยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะตาพร่าจริง ๆ
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่กำลังโกรธจัดนั่งในรถม้าและตรงไปที่ประตูบ้านของครรอบครัวกุ้ย หลังจากลงจากรถแล้ว เขาก็ตะโกนอย่างหยาบคายว่า “กุ้ยซื่อ รีบออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
กุ้ยซื่อกำลังนอนอยู่บนเตียง ครั้นนางได้ยินเสียง ซึ่งนั่นเป็นเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง
กุ้ยชุนเจียวก็ได้ยินเช่นกัน และรีบวิ่งไปที่ห้องของกุ้ยซื่อเพื่อช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น และเมื่อทั้งสองออกมาข้างนอก พวกนางก็เห็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจ้องมองมาด้วยใบหน้าที่ซีดด้วยความโกรธ!
“หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ท่าน…ท่านกลับมาอย่างไร? ท่านหากุ้ยตงเหมยเจอหรือไม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเกลียดของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง กุ้ยซื่อก็ราวกับมีกลองตีรัวอยู่ในใจ “ทำไมล่ะ? กุ้ยตงเหมยไม่ได้กลับมากับท่านหรือ?”