ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 584 ในที่สุดก็รอด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 584 ในที่สุดก็รอด

บทที่ 584 ในที่สุดก็รอด

ถ้ำนี้ยังคงปลอดภัย ดีกว่าการไปเผชิญหน้ากับค่ำคืนในป่าเพียงลำพังโดยไม่รู้ทางหนีทีไล่ สองพี่น้องที่น่าสะพรึงกลัวและคมเขี้ยวของสัตว์ร้ายในป่าลึก กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

หลังจากประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็ผ่อนคลายในที่สุด เปลือกตาของนางราวกับกำลังต่อสู้กัน นางแทบจะเปิดมันไม่ขึ้นอยู่แล้ว

“เสี่ยวหวาน… เสี่ยวหวาน…”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ดูเหมือนว่ามีใครกำลังเรียกนางอยู่

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกมึนงง ลืมตาและหลับตาอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าแม้แต่หูก็ยังไม่เชื่อฟัง

กู้เสี่ยวหวานยิ้มอ่อน

“เสี่ยวหวาน… เสี่ยวหวาน”

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานกำลังจะปิดลงอีกครั้ง ราวกับว่าเสียงนี้… กำลังใกล้เข้ามา

นางไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่ ทำไมถึงคิดว่าเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก

กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงราวกับว่าเป็นเสียงของฉินเย่จือ?

กู้เสี่ยวหวานเวียนหัวจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หากแต่สมองยังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และฟังเสียงตะโกนอย่างระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม นางเงี่ยหูฟังอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้นอีก

กู้เสี่ยวหวานยิ้มบาง ดูเหมือนว่านางคงหูแว่วไปเอง หัวใจของนางกำลังตั้งตารอเขามากที่สุด

“เสี่ยวหวาน…”

กู้เสี่ยวหวานที่กำลังจะหมดสติจู่ ๆ ก็มีเสียงอื่นดังขึ้น

กู้เสี่ยวหวานสะดุ้งและยกศีรษะขึ้น มองไปในทิศทางของเสียง

“เสี่ยวหวาน…” เสียงนั้นเข้ามาใกล้และดังมากยิ่งขึ้น

นางได้ยินถูกต้อง คนผู้นั้นคือฉินเย่จือ เสียงที่เรียกนางเมื่อครู่นั้นคือเสียงของฉินเย่จือ

ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ และแม้แต่เสียงของนางก็สั่นเครือ “พี่ใหญ่ฉิน…”

เสียงของนางแผ่วเบา เรี่ยวแรงที่มีค่อย ๆ ลดน้อยลง และแม้แต่คำพูดเดียวก็ทำให้นางหมดแรง

เสียงของนางขาด ๆ หาย ๆ แต่ฉินเย่จือกลับได้ยินได้อย่างชัดเจน

เสียงแผ่วเบาแต่คุ้นเคยดังมาเข้าหูของฉินเย่จือ

เสียงของกู้เสี่ยวหวาน นั่นคือเสียงของกู้เสี่ยวหวาน…

ฉินเย่จือวิ่งไปตามทิศทางของเสียงโดยไม่ต้องคิด

ในขณะนั้น หัวใจของฉินเย่จือเต็มไปด้วยความสุขอย่างไม่รู้จบ

ราวกับเขาได้พบกับความรักที่เคยทำหล่นหายไป

ฉินเย่จือรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจว่า หากเขาก้าวไปข้างหน้า อาจจะต้องพบกับฉากอันน่าสะพรึงกลัว แต่เขาก็ยังเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง!

ไม่ เรียกว่าเดินไม่ได้ ต้องเรียกว่าเขาวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่ว่าเขาจะเห็นอะไรในภายหลัง ไม่ว่าจะพบอะไรในร่างของกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานคือคนของเขา และเป็นคนที่เขาพร้อมจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้องนาง!

เสียงของฉินเย่จือใกล้เข้ามาทุกที และหัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่สงบ

ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าของนาง

และนางก็เห็นเขาแล้ว

ฉินเย่จือดึงกู้เสี่ยวหวานออกจากถ้ำด้วยความทุกข์ใจ

ความกังวลและหวาดกลัวฉายชัดในดวงตาของเขา

ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานเห็นฉินเย่จือ ความหวาดกลัวและความกังวลทั้งหมดของนางก็กลั่นออกมาเป็นน้ำตา และนางก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

ทำไมทุกครั้งที่นางเจออันตราย ล้วนเป็นเขาที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนาง

กู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะเชื่อ นางเอื้อมมือออกไปลูบแก้มของฉินเย่จือ ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้ม และดวงตาที่เรียวยาวปรากฏขึ้นต่อหน้าของนาง นางไม่ได้ตาฝาดไปจริง ๆ

ในที่สุดเขาก็หานางเจอ

ในที่สุดก็รอด นางรอดแล้ว!

กู้เสี่ยวหวานโอบคอของฉินเย่จือ และร้องไห้อย่างเจ็บปวด

สำหรับฉินเย่จือ จากความกังวลในตอนเริ่มต้นจนถึงความสุขตอนนี้ เสื้อผ้าบนร่างกายของกู้เสี่ยวหวานนั้นยังดูดี มีความเป็นไปได้ที่จะถูกกิ่งไม้เกี่ยวในขณะที่นางวิ่งอยู่บนภูเขาลึก

นางไม่เป็นอะไร นางยังสบายดี!

ฉินเย่จือร้องไห้ด้วยความดีใจ เขากอดกู้เสี่ยวหวานแน่นและร้องไห้ไปด้วยกัน

น้ำตาในดวงตาของเขาเป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดี

เสี่ยวหวานของเขายังเป็นเสี่ยวหวานคนก่อน

เขารู้ว่าลูกแมวที่เฉลียวฉลาดตัวนี้จะไม่ปล่อยให้ตนเองทนทุกข์

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ความตึงเครียดทั่วร่างกายของนางก็ผ่อนคลายลง นางเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฉินเย่จือและหลับสนิท

ฉินเย่จือไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะหมดสติไป เขาเขย่าแขนนางอย่างแผ่วเบา และพบว่าใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานซีดเซียว

ในตอนนั้น ฉินเย่จือรู้สึกว่าร่างกายในอ้อมแขนของเขาร้อนผ่าว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

ฉินเย่จือคำราม “ไอ้เวร…”

เขาโอบอุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมกอด และแทบรอไม่ไหวที่จะลงจากภูเขา

ระหว่างทางลงจากภูเขา กุ้ยชุนเจียวตั้งตารอคอย และมีความสุขมากที่ได้เห็นฉินเย่จือปรากฏตัว

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานในอ้อมแขนของฉินเย่จือ ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานนั้นซีดเซียวจนไร้สีเลือด นางหมดสติไปแล้ว แต่เสื้อผ้ายังอยู่ในสภาพดี ยกเว้นแขนเสื้อที่ฉีกขาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนจะมาจากการถูกกิ่งไม้เกี่ยว แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี

ในที่สุดหัวใจของกุ้ยชุนเจียวก็สงบลง ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!

แต่หลังจากที่ได้เห็นกู้เสี่ยวหวานแล้ว ทันใดนั้น กุ้ยชุนเจียวก็พบว่ากุ้ยตงเหมยยังไม่ลงมา?

กุ้ยตงเหมยหนีไปพร้อมกับกู้เสี่ยวหวานไม่ใช่หรือ?

กู้เสี่ยวหวานปลอดภัย เกรงว่านางคงจะกลัวจนหมดสติไป

กุ้ยตงเหมยก็ควรจะมาที่นี่เช่นกัน แต่ทำไมถึงไม่เห็นนางล่ะ?

ฉินเย่จือคร้านเกินกว่าจะสนใจกุ้ยชุนเจียว ดังนั้นเขาจึงสาวเท้ามุ่งหน้ากลับบ้าน

หากแต่เขายังใจดี เมื่อผ่านเมืองหลิวเจียและพบกับสมาชิกในครอบครัวกุ้ยที่กำลังตามหากุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมย เขาจึงชี้ไปยังทิศทางที่เขาจากมา

กู้หนิงผิงกับหลี่ฝานกำลังตามหากู้เสี่ยวหวานในเมืองหลิวเจีย แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของนาง

พวกเขาไปตามหานางที่หอนางโลมทั้งใหญ่และเล็กทั้งหมดในเมืองหลิวเจีย แต่พวกเขาไม่เจอกู้เสี่ยวหวานเลย

หลี่ฝานกังวลมากจนส่งกลุ่มคนออกไปค้นหานอกเมืองในตอนกลางคืน

แต่ทั้งหมดกลับมาด้วยความว่างเปล่า

ขณะที่ฉินเย่จือกำลังพากู้เสี่ยวหวานกลับมา ป้าจางและฉือโถวที่รออยู่ที่บ้านก็ร้อนรนจนแทบจะเป็นลม

ในตอนนั้นเองที่พวกเขาเห็นว่าในความมืดของค่ำคืนนั้น ฉินเย่จือได้กลับมาพร้อมกับเกวียนวัว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท