ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 595 กริชป้องกันตัว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 595 กริชป้องกันตัว

บทที่ 595 กริชป้องกันตัว

กู้ซินเถาเดินออกจากห้องขังด้วยความเย่อหยิ่งและวางมาด เมื่อกลับถึงบ้านก็บอกกู้ฉวนลู่ทันทีเกี่ยวกับแผนการของซุนซื่อและเรื่องที่นางได้ยินในห้องขัง

หลังจากที่กู้ฉวนลู่ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็คิดเกี่ยวกับแผนของซุนซื่ออย่างรอบคอบ

ในใจรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

ถ้าแผนใดแผนหนึ่งไม่ได้ผลก็ยังมีอีกแผนหนึ่ง แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีความสามารถมาก แต่เกรงว่านางจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้

หากนางไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เขาต้องทำลายชื่อเสียงของนางให้ได้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่จะเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถทนได้!

ยิ่งกู้ฉวนลู่คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดเขาก็จำได้ว่าภรรยาที่ถูกขังอยู่ในห้องขังกำลังจะกลับมา

เขาคิดจะไปห้องขังสักวันหนึ่งและให้รางวัลแก่ซุนซื่อ!

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานไม่รู้เลยว่ากำลังจะถูกลุงแท้ ๆ ของตนเองวางแผนแก้แค้น

กู้เสี่ยวหวานวิ่งรอบบ้านทุกช่วงบ่ายประมาณสิบรอบ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พบว่าตนเองวิ่งไปยี่สิบรอบโดยไม่เหนื่อยหอบ!

ไม่เลว ไม่เลว ถ้ายังฝึกแบบนี้ต่อไป แม้ตนเองจะไม่เป็นศิลปะการต่อสู้ แต่ก็ยังคล่องตัว! หากไม่สามารถชนะก็ยังวิ่งหนีได้!

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเย่จือก็มีความสุขเช่นกัน!

วันนี้ฉินเย่จือมอบบางสิ่งให้กู้เสี่ยวหวาน!

กู้เสี่ยวหวานมองที่ปิ่นปักผมไม้ที่อยู่ข้างหน้าด้วยใบหน้าที่มีความสุข “พี่ใหญ่ฉิน เจ้าไปพบมันที่ไหน? ข้าคิดว่ามันหายไปแล้วเสียอีก!”

กู้เสี่ยวหวานคิดว่าปิ่นปักผมหายไปแล้วจริง ๆ!

หลังจากที่นางมีอาการดีขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็รีบหาปิ่นปักผมทันที หากแต่นางหามันไม่พบ นางจึงคิดในใจว่าต้องเป็นเพราะตอนที่โดนลักพาตัวหรือวิ่งหนี จึงทำปิ่นปักผมหล่นหาย!

ด้วยระยะทางที่กว้างเช่นนี้ คงไม่สามารถหาเจอได้อีกแล้ว!

อย่างไรก็ตาม นางไม่คาดคิดว่าปิ่นปักผมนี้จะปรากฏต่อหน้านางอีกครั้ง!

ฉินเย่จือหลบมือของกู้เสี่ยวหวานที่ยื่นออกมาหยิบปินปักผม หากแต่ยังถือมันไว้ เมื่อพบมุมที่ดีจึงค่อย ๆ สอดปิ่นเข้าไปใน “ข้าพบปิ่นปักผมที่ด้านหลังภูเขา!”

น้ำเสียงของฉินเย่จือยังคงทุ่มต่ำเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันเจือด้วยความสั่นเครือ

สวรรค์รู้ว่าเขากังวล หวาดกลัว หวาดหวั่น และรำคาญเพียงใดเมื่อเห็นปิ่นปักผมตกอยู่ตรงนั้น!

เขากลัว กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวาน!

เขาหงุดหงิดงุ่นงาน ตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถในการปิดท้องฟ้าด้วยมือเดียว แต่เขาแสร้งทำเป็นเป็นเด็กเร่ร่อนไร้บ้านผู้ไม่รู้อะไรเลย

ตนเองไม่สามารถปกป้องนางได้ และยังต้องให้นางมาปกป้องตนเองอีก

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกลำบากใจและควบคุมไม่ได้!

“เจ้าเป็นอะไรไป?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าฉินเย่จือสะอื้นเล็กน้อย นางจึงถามด้วยความเป็นห่วง “พี่ใหญ่ฉิน…”

อยากปลอบใจ แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

ฉินเย่จือพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับความเศร้าของเขา และหยิบบางอย่างออกจากแขนของเขา

กู้เสี่ยวหวานเพ่งมองและพบว่ามันเป็นกริช

มีอัญมณีขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้ามจับกำลังส่องแสงเปล่งประกาย

“นี่…” กู้เสี่ยวหวานอุทาน ดูเหมือนว่าจะเป็นกริชที่ฉินเย่จือใช้เมื่อเขาต่อสู้กับหมาป่าในวันนั้น ค่ำคืนนั้นมืดมาก กู้เสี่ยวหวานจึงไม่เห็นว่ากริชมีลักษณะอย่างไร แต่เมื่อเห็นเขาดึงมันออกจากแขนเสื้อ นางจึงคิดว่ามันน่าจะต้องเป็นกริชที่ถูกใช้ในคืนนั้นแน่

“หวานเอ๋อร์ เจ้าเก็บกริชนี้ติดตัวไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ยังสามารถใช้มันปกป้องตัวเองได้!” ฉินเย่จือถือกริชไว้ข้างหน้ากู้เสี่ยวหวานด้วยความระมัดระวัง

กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงเล็กน้อย “นี่… ข้ารับไม่ได้!”

“ทำไมล่ะ?”

หัวใจฉินเย่จือราวกับถูกบีบรัด

“นี่เป็นของเจ้า ถ้าเจ้าให้ข้า หากในอนาคตมีช่วงเวลาวิกฤต เจ้าจะใช้อะไรป้องกันตัวเองล่ะ?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างจริงใจ

เป็นเช่นนี้นี่เอง ฉินเย่จือจึงผ่อนคลายลง ความเศร้าถูกระงับด้วยคำพูดที่เป็นกังวลของกู้เสี่ยวหวาน

ปรากฏว่านางไม่รับเพราะกลัวว่าเขาจะไม่มีอาวุธไว้ใช้

ฉินเย่จือรู้สึกถึงความหวานเล็กน้อยในใจ และแม้แต่เสียงของเขาก็เบา “อย่ากังวลเรื่องข้า ไม่มีใครกล้าทำอะไรข้าหรอก!”

เจ้าช่าง…

ฉินเย่จือไม่ได้พูดอะไร และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยดวงตาที่สดใส

อาโม่ผู้อยู่ไม่ไกลก็หวั่นไหว

เมื่อใดกันที่เขาได้เห็นความอ่อนโยนของนายท่านเช่นนี้

แม้ว่าปิ่นปักผมบนศีรษะของกู้เสี่ยวหวานจะดูธรรมดามาก มันถูกแกะสลักโดยนายท่าน และปิ่นปักผมนั่นยังซ่อนความลึกลับไว้ และไม่มีใครสามารถมองเห็นมันได้!

หากแต่เขารู้ดี!

และกริชที่อยู่กับนายท่านมาตั้งแต่จำความได้

ใบมีดทำจากเหล็กเย็น ใบมีดคมกริบจนสามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดโคลน และตัดหัวคนง่ายเหมือนการตัดกะหล่ำปลี!

กริชเล่มเดียวในโลก!

อัญมณีขนาดใหญ่บนด้ามเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะ

ถ้าใครรู้สิ่งนี้หรือเห็นสิ่งนี้ก็เปรียบเสมือนการมีอยู่ของนายท่าน และไม่กล้าที่จะดูถูก

นายท่านกำลังมอบกริชนี้ไว้เพื่อให้นางผู้นี้เพื่อป้องกันตัว

ตนเองมีตัวตนอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องอย่างลับ ๆ แม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้ว่าไร้ข้อผิดพลาด แต่อย่างน้อย มันก็มากพอที่จะจัดการกับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ฝีมือดีสองสามคน!

นายท่านเปี่ยมด้วยความตั้งใจ ไม่อาจรู้ได้ว่ากู้เสี่ยวหวานรู้หรือไม่?

อาโม่กังวลเล็กน้อย เขายืดคอและเงี่ยหูฟังสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานจะพูด!

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กริชในมือของฉินเย่จือ ขมวดคิ้วและไม่ได้เอ่ยเอื้อนสิ่งใด

ฉินเย่จือมองท่าทางเช่นนั้นของกู้เสี่ยวหวานและรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในใจ หัวใจของเขาเต้นแรง กลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะปฏิเสธ!

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็ยื่นมือออกมาหยิบกริชเล่มนั้น

มือของฉินเย่จือหนักอึ้งราวกับแบกภาระอันหนักอึ้ง เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานรับมันไป ดูเหมือนว่าภาระนั้นจะถูกยกออก จึงลอบถอนหายใจยาว!

อาโม่มองไปที่ฉินเย่จือด้วยความรังเกียจและคิดกับตัวเอง

แม้ภูเขาไท่ถล่มลงต่อหน้า สีเจ้านายของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่นางผู้นี้ เขากลับมีสีหน้าที่ต่างออกไป!

อย่างไรก็ตาม… อาโม่ก็เคยชินกับมันแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท