บทที่ 597 ข้าเรียกเจ้าว่าหวานเอ๋อร์
บทที่ 597 ข้าเรียกเจ้าว่าหวานเอ๋อร์
“แล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรล่ะ?” ฉินเย่จือถามด้วยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไร ยามนี้ก็เรียกเช่นนั้น!” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างโกรธเคือง
ฉินเย่จือครุ่นคิดก่อนพูดว่า “ข้าเรียกเจ้าว่าหวานเอ๋อร์เสมอ!”
“เจ้าเรียกข้าว่าหวานเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อไรกัน!”
“วันนี้ เมื่อวาน เมื่อวานซืน วันก่อนหน้าเมื่อวานซืน และก่อนหน้านั้นอีก ข้าเรียกเจ้าเช่นนั้นเสมอ!”
“ข้าหมายถึงเมื่อนานมาแล้ว!”
“นานแค่ไหน?”
“นานกว่านี้!”
“นั่นก็เรียกว่าหวานเอ๋อร์…” ฉินเย่จือไม่ได้คิดเกี่ยวเรื่องนี้ เขาโพล่งออกมาอย่างหน้าตาย สมองของกู้เสี่ยวหวานพลันรู้สึกเจ็บ!
ฉินเย่จือผู้กระทำผิดมองไปยังแก้มที่แดงเล็กน้อยเพราะความโกรธของกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงรู้สึกอารมณ์ดี!
เมื่อครู่ลูกแมวตัวนี้ไม่ยอมรับกระทั่งกริชของเขา!
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าฉินเย่จือ ยังคงเรียกนางว่าหวานเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้นางพูดไปมากมายแต่ไม่มีผลเลย จึงได้แต่กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
แต่นางไม่ได้สวมรองเท้า เมื่อกระทืบเท้าจึงไม่มีเสียง ทั้งส้นเท้ายังเจ็บ กู้เสี่ยวหวานพลันขมวดคิ้ว
ฉินเย่จือจึงเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้นโดยไม่สวมรองเท้าจึงอุทานในใจว่า ให้ตายสิ! แล้วก้าวไปข้างหน้าและอุ้มนางขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานเพียงรู้สึกว่าโลกหมุนอีกครั้ง จากนั้นนางก็อยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่จืออย่างพอดิบพอดี
ซึ่งตนเองก็ไม่ขัดขืน กอดคออีกฝ่ายแน่นแล้วอุทาน “เจ้า… เจ้าทำอะไร!”
“ครั้งต่อไปที่ข้าเห็นเจ้าเดินเท้าเปล่า ข้าจะผูกเจ้าไว้กับเตียง!” ฉินเย่จือพูดอย่างเผด็จการ แล้วเดินไปที่เตียงสามก้าว
เมื่อเห็นท่าทางที่ชั่วร้ายของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเกี่ยวกับก้นของนาง เขาจะโยนนางลงบนเตียงในภายหลังหรือไม่?
ก้นนางจะแบะไหม?
เมื่อเห็นว่านางเข้าใกล้เตียงมากขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็หลับตาแน่น ดูเหมือนนักรบที่กำลังจะตายอย่างกล้าหาญ
ครั้นเห็นท่าทางของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็ทั้งฉุนทั้งขำ เมื่อไปที่เตียง ฉินเย่จือก็ย่อกายลงและวางกู้เสี่ยวหวานลงบนเตียงเบา ๆ
แต่กู้เสี่ยวหวานยังคงหวาดกลัว โดยคิดว่าฉินเย่จือกำลังจะโยนตัวเองลง นางหลับตาแน่น ก่อนกอดแขนของฉินเย่จืออย่างหมดสภาพโดยไม่ยอมปล่อยมือ
ฉินเย่จือก้มศีรษะลง ก่อนโอบแขนไว้รอบตัวกู้เสี่ยวหวานและงอตัว ตราบใดที่เอนลงไปอีกเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานจะสามารถนอนบนเตียงได้ แต่นางก็ยังไม่ยอมปล่อย!
นางกลัวก้นแบะ!
เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็อดอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกันไม่ได้
เขาไม่ได้ปล่อยมือ แต่กอดกู้เสี่ยวหวานไว้แบบนั้น โดยมองดูนางจากใกล้ ๆ
เด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่ข้างหน้าเขาซึ่งไม่ได้งดงามเลย แต่มีกลิ่นอายน่าหลงใหลบนร่างกายของนาง
แม้ว่านางมักจะออกไปวิ่งวุ่นข้างนอก แต่ผิวของนางก็ยังสะอาดและบริสุทธิ์ ผิวพรรณของนางเป็นขาวเนียน ดวงตาของนางเหมือนไข่มุกสีดำ ใสกระจ่างเหมือนน้ำพุ ปราศจากสิ่งสกปรก จนไม่กล้าแตะต้อง
นี่คือเด็กหญิงอายุสิบขวบ แต่เขาสามารถเห็นรูปร่างหน้าตาของนางในวัยสิบแปดปีได้จากดวงตาของนาง
ชวนสบายตาและแปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใด แต่ทำให้ใจสั่นไหว ไม่มีใครเคยทำให้เขามีความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่านี่ยังเป็นเด็กหญิงอายุสิบขวบ!
สันจมูกน้อย ๆ และริมฝีปากสีแดงลูกท้อนั้นคล้ายจะดึงดูดให้ผู้คนให้โน้มเข้าไปแนบจูบ
ฉินเย่จืออดไม่ไหว เมื่อมองดูรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์และน่ารักของกู้เสี่ยวหวาน ก็ไม่รู้ว่าเขาเอาความคิดมาจากไหน คล้ายกับว่าเขาต้องมนต์บางอย่างจึงได้ก้มศีรษะลงและจูบเบา ๆ บนหน้าผากที่เนียนกระจ่าง
เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากชุ่มชื้นกดลงบนหน้าผากของนาง หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็สั่นสะท้านและร่างกายของนางก็สั่นสะท้านเช่นกัน
ขนตาเรียวเล็กที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกตาที่ปิดแน่นนั้นกระพือสองครั้ง จากนั้นจึงเผยดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำเหล่านั้น ซึ่งดวงตากระจ่างคู่นั้นมองตรงมา
ตรงมายังหัวใจของเขา
หัวใจของฉินเย่จือราวกับถูกมองทะลุด้วยดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำคู่นั้น!
กู้เสี่ยวหวานมองเขาด้วยดวงตากลมโต ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความงุนงงและสงสัย!
ฉินเย่จือไม่สามารถมองดวงตาที่วาววับคู่นั้นได้อีกต่อไป และหากเขามองดูมันอีกต่อไป เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำสิ่งใดต่อไป!
ฉินเย่จือรีบวางกู้เสี่ยวหวานลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างของนางแนบลงกับเตียง นางจึงไม่ได้กอดคอของฉินเย่จือแน่นอีกต่อไป และค่อย ๆ ปล่อยมือออก
หลังจากที่ฉินเย่จือวางกู้เสี่ยวหวานลง เขาก็ยืนนิ่งทันที
ก่อนก้มหัวลงและเงียบงัน
ในทำนองเดียวกัน กู้เสี่ยวหวานยังคงเงียบ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสับสนกับ ‘จูบหน้าผาก’ เมื่อครู่นี้!
เขาเพิ่งจูบนางหรือ?
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉินเย่จือ เพียงเพื่อจะพบว่าอีกฝ่ายก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร ถึงไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ดูจากปลายหูที่แดงอยู่จะเห็นได้ว่าเขากำลังเขินอาย!
สวรรค์!
กู้เสี่ยวหวานอุทานในใจ!
คนโบราณก็คือคนโบราณ แค่จูบหน้าผากหูกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงจริง ๆ!
แต่ว่า ตัวนาง…
กู้เสี่ยวหวานสัมผัสใบหน้าและหูของนาง!
นอกจากจะร้อนแล้ว แต่ว่าบางทีมันน่าจะ…
ไม่แดง!
เช่นนี้หมายความว่านางเปิดกว้างกว่าฉินเย่จือหรือไม่?
แต่ทำไมถึงขี้อายนัก?
แม้ว่านางจะไม่เคยปฏิบัติจริง ๆ แต่…
นางได้เห็นในวิดีโอและทีวีเหล่านั้น ทั้งการจูบแลกลิ้นและกลิ้งบนผ้าปูเตียง!
หากการเคลื่อนไหวอย่างจูบที่หน้าผากเมื่อครู่ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ขั้นเด็ก ๆ
ทั้งยังเป็นเพียงจูบหน้าผากที่พี่ชายแสดงความรักต่อน้องสาว!
ตาของนางได้รับการ ‘ทดสอบ’ แล้วว่าความขี้อายคืออะไร!
ยิ่งกว่านั้น จิตวิญญาณของนางก็อายุเกือบสามสิบปีแล้ว เกรงว่าในยุคนี้คงเรียกได้ว่าเป็นยายแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ตัวตนในชาติก่อนของนางยังคงเป็นกระดาษขาวบริสุทธิ์
นอกจากบิดามารดาของนางแล้ว ไม่เคยมีบุรุษคนไหนเข้าใกล้นางเลย นับประสาอะไรกับการจูบ แม้แต่จับมือก็…
ไม่มีเลย!