บทที่ 631 ช่วยกู้เสี่ยวหวาน
บทที่ 631 ช่วยกู้เสี่ยวหวาน
ทุกคนมองดูด้วยสายตาเย็นชา พวกเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ถูกมัดไว้ท่ามกลางกองฟืน และมีเพียงความคิดเดียวในใจของพวกเขา ตราบใดที่วิญญาณชั่วร้ายถูกเผาจนตาย พวกเขาก็จะไม่ได้รับอันตรายจากวิญญาณชั่วร้าย
บนแท่นยกสูง หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและภรรยาของเขา รวมถึงกู้ฉวนลู่ต่างก็ดีใจที่ได้เห็นเปลวไฟลุกโชน สีหน้าของพวกเขามีความสุขอย่างสุดจะพรรณนา ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากัน และดูเหมือนพวกเขาจะเห็นความสุขในดวงตาของกันและกัน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่รู้ใจ จากนั้นมองไปที่กองฟืนที่กำลังลุกไหม้ ด้วยรู้ว่าในที่สุดพวกเขาก็แก้ปัญหาร้ายแรงได้
มีเพียงป้าจางที่ถูกมัดแน่น นางมองดูกู้เสี่ยวหวานและอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาด้วยความสิ้นหวัง ในที่สุดนางก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้แต่หมอบลงกับพื้นและร้องไห้อย่างขมขื่น
ร้อนมาก…
ร้อนเกินไปแล้ว…
เป็นไปได้หรือไม่ว่าไข้สูงเกินไป? นางจึงรู้สึกเหมือนทั้งตัวตกอยู่ในทะเลเพลิง
ร้อนมาก…
ที่ฝ่าเท้าของนางร้อนระอุราวกับเหยียบแผ่นเหล็กร้อน ๆ อย่างไรอย่างนั้น
ไม่เพียงแต่ร่างกายจะร้อนเท่านั้น แต่อากาศรอบ ๆ ตัวยังร้อนอีกด้วย!
กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างจนใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าอุณหภูมิร่างกายของนางสูงมากจนทำให้อากาศรอบตัวนางร้อนขึ้นด้วย
มันร้อนมาก…
กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทนความร้อนได้อีกต่อไปและค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ในขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏในสายตาของนางไม่ใช่ห้องโถงที่หอบรรพบุรุษที่มืดมน
มีเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวนางแทน
เกิดอะไรขึ้นที่นี่?
กู้เสี่ยวหวานต้องการที่จะขยับมือและเท้าของนาง แต่ในขณะนี้มือและเท้าของนางชาและไม่สามารถขยับได้เลย
มือของนางถูกมัดไพล่หลัง และข้อมือของนางก็ชาจากการถูกมัด
ในขณะนี้นางลืมตาขึ้น ก่อนนางเห็นคนจำนวนมากยืนล้อมไว้ คนเหล่านั้นยืนอยู่ข้าง ๆ พลางถือคบเพลิงและมองมาที่นางอย่างเฉยเมย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางก้มหน้าลงและมองลงไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี นางไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเปลวไฟสูงเสียดฟ้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง มันแผ่ความร้อนออกมาเรื่อย ๆ ความร้อนที่แผดเผาผิวหนังของนางราวกับว่ามันกำลังจะย่างนางในสุก
คนเหล่านี้กำลังทำอะไร
มัดตัวนางไว้ทำไม อยากเผานางให้ตายหรือ!
กู้เสี่ยวหวานต้องการที่จะตะโกนด้วยความกลัว แต่ปากของนางก็ปกคลุมด้วยความร้อนดังไฟเผา
นางตะโกนอย่างสิ้นหวัง หากแต่มีเพียงเสียงแผ่วเบาดังออกมาจากลำคอของนางดั่งเสียงของยุงที่กำลังจะตาย
ฟืนกำลังประทุและไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของนางเลย
นางอยากจะขยับมือ แต่มือก็ถูกมัดแน่นจนขยับไม่ได้เลย
เมื่อมองไปยังฟืนที่ลุกไหม้และเปลวไฟที่ลุกโชน ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เป็นไปได้หรือไม่ว่านางกำลังจะถูกไฟคลอกตายในฐานะวิญญาณชั่วร้ายจริง ๆ?
นางท้อแท้และสิ้นหวัง…
แนวป้องกันสุดท้ายในหัวใจของนางพังทลายลง ด้วยไม่สามารถทนต่อความร้อนจากเปลวไฟได้ กู้เสี่ยวหวานก็หมดสติไปอีกครั้ง
แต่ในขณะนี้ ฉินเย่จือรีบเร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด ซึ่งทันทีที่เขามาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็เห็นเปลวไฟพุ่งพวยขึ้นสู่ท้องฟ้า หัวใจของเขาตื่นตระหนก โดยไม่คิดสิ่งใดอีก ฝีเท้าของเขาก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม ก่อนเขาจะรีบวิ่งไปที่หมู่บ้านด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
เขาหวังเพียงว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เป็นอะไร
เมื่อเขามาถึงหมู่บ้าน ฉินเย่จือก็มองเห็นกู้เสี่ยวหวานถูกมัดไว้กับเสากลางกองไฟ
ฉินเย่จือไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาพลันบินข้ามฝูงชนไป
ทุกคนรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างแล่นผ่านศีรษะของพวกเขา ก่อนพวกเขาจะรู้สึกตัว
“กู้เสี่ยวหวานอยู่ที่ไหน กู้เสี่ยวหวานหายไปแล้ว…”
“สวรรค์ นางอยู่ที่ไหน…”
ฝูงชนพลันกรีดร้องอย่างแตกตื่น ทางฉินเย่จือก็กอดกู้เสี่ยวหวานที่หมดสติ ก่อนทั้งสองจะบินร่อนลงบนแท่นสูง
“หว่านเอ๋อร์ หว่านเอ๋อร์…” ฉินเย่จือคุกเข่าลงบนพื้นโดยมีกู้เสี่ยวหวานอยู่ในอ้อมแขน เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งซูบผอมไปหลังจากไม่ได้เจอมาสองวัน หัวใจของเขาเจ็บปวดนัก
ในขณะนี้เอง ฉือโถวพลันบังเอิญขับรถม้าพาหลี่ฝานมาถึงหมู่บ้านอู๋ซีพอดี
เขาวิ่งไปที่เปลวไฟ และทันได้เห็นฉินเย่จือบินไปพร้อมกับกู้เสี่ยวหวานในอ้อมแขนของเขา โดยบินไปที่แท่นสูง
ในอ้อมแขนของเขากำลังโอบกอดกู้เสี่ยวหวานไว้
เมื่อหลี่ฝานเห็นฉินเย่จือ ดวงตาของเขาเกือบจะถลนออกมาด้วยความตกใจ
ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?
ทั้งยังมีกู้เสี่ยวหวานอยู่ในอ้อมแขนของเขา พวกเขารู้จักกันงั้นหรือ?
เช่นนั้น ครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร คนผู้นั้นก็คือ…?
หลี่ฝานรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เขาจึงก้าวเท้าออกไปไม่ได้เป็นเวลานาน
กู้เสี่ยวหวานในอ้อมแขนของเขาไม่เคลื่อนไหว ใบหน้าของนางซีดเผือด ริมฝีปากของนางแตกและมีคราบเลือดไหลซึมออกมา
เบ้าตาลึกและมีรอยฟกช้ำบนร่างกายของนาง เขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผดเผาร่างกายของกู้เสี่ยวหวานผ่านเสื้อผ้าของนาง
ฉินเย่จือสัมผัสตัวนางเบา ๆ ด้วยมือของเขา ก่อนร่างกายของเขาสั่นสะท้านจากความร้อนที่แผดเผา
ในขณะนี้ กู้เสี่ยวหวานกัดฟันของนางมากกว่าเดิม ร่างกายของนางสั่นสะท้าน
ฉินเย่จือกำลังจะคลั่ง!
เขากำลังจะบ้าไปแล้วจริง ๆ!
เขากอดกู้เสี่ยวหวานไว้แน่น มองดูทั้งสี่คนบนแท่นอย่างดุร้าย ก่อนกวาดไล่สายตามองพวกชาวบ้านไปทีละคน เมื่อใบหน้าของทุกคนสบกับสายตาของฉินเย่จือ พวกเขาทั้งหมดสั่นสะท้านจากการคุกคามของสายตาคู่นั้น
ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้! นางถึงได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าเด็กแซ่ฉินผู้นี้เสียได้!
ไม่ จะปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้…
ด้วยใบหน้าที่เย็นชา กู้ฉวนลู่ก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเสียงดัง “ฉินเย่จือ เจ้ากล้าหาญมากที่กล้าช่วยเหลือผีร้าย…”
ฉินเย่จือไม่สนใจอีกฝ่าย เขาอุ้มกู้เสี่ยวหวานขึ้นมาและกำลังจะจากไป
กู้ฉวนลู่จะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงรีบเรียกให้คนไปขวางทางอีกฝ่ายไว้ “หยุดเขาไว้ให้ได้ ถ้าปล่อยวิญญาณชั่วร้ายหนีไป พวกเราทุกคนจะถูกนางฆ่า!”
ทุกคนยังตกตะลึงไม่หายจากฉากที่ฉินเย่จือบินไปช่วยชีวิตกู้เสี่ยวหวาน เมื่อพวกเขาได้ยินกู้ฉวนลู่พูดเช่นนี้ ทุกคนก็พลันได้สติ ใช่! ผีร้ายยังไม่ถูกเผา!
ทุกคนตะโกนและขึ้นมาบนแท่นสูงเพื่อต้องการจับตัวฉินเย่จือ
ฉินเย่จือจะปล่อยให้พวกชาวบ้านเข้าใกล้เขาได้อย่างไร? ในสายตาของเขา ชายร่างกำยำคนนั้นก็เรียบง่ายพอ ๆ กับเสี่ยวลัวลัว
แม้จะอุ้มกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขน แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ยังคงว่องไว สองเท้าบินขึ้น เขาเตะชายร่างกำยำที่เป็นคนมัดกู้เสี่ยวหวานกับเสาในเวลานั้นตกจากแท่นสูงไป อีกฝ่ายล้มลงกับพื้นและร้องโอดโอยเสียงดัง