ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 634 ในอนาคตเจ้าจะไม่ตายดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 634 ในอนาคตเจ้าจะไม่ตายดี

บทที่ 634 ในอนาคตเจ้าจะไม่ตายดี

เมื่อเห็นเขายิ้มเช่นนี้ กู้ฉวนลู่ก็แทบจะเป็นบ้า จากนั้นก็เห็นทังป้านเซียนลูบเครา และพูดอย่างเศร้าโศกว่า “คุณชายกู้ เมื่อพิจารณาจากเส้นลายมือของเจ้า ในอนาคตเจ้าจะไม่ตายดี! ถ้าไม่เชื่อในความสามารถของชายชราผู้นี้ ไม่อย่างนั้นก็รอดูต่อไป รอดูจุดจบที่น่าสลดใจของเจ้าในอนาคต แล้วค่อยตัดสินความสามารถของข้า!”

เมื่อมองไปที่กู้ฉวนลู่ที่กำลังตกตะลึง เขาก็พลันมีความสุข

เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ และก้าวออกไปข้างนอก

กู้ฉวนลู่ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ได้แต่นิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน

ไม่ใช่แค่เขา หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและภรรยาก็เหมือนกัน พวกเขามองกู้ฉวนลู่อย่างเหลือเชื่อ ไม่รู้ว่าในใจของพวกเขาคิดอะไรอยู่!

คนผู้นี้กำลังด่าตนเองอยู่จริง ๆ กู้ฉวนลู่กลับมารู้สึกตัวและกำลังจะด่าเขา แต่คนผู้นั้นก็หายตัวไปนานแล้ว

กู้ฉวนลู่กระทืบเท้าและสาปแช่งเสียงดัง “ทังป้านเซียนอย่างนั้นหรือ? โกหกน่ะสิ เจ้าคนหลอกลวง! ถุย สักวันข้าจะลอกผิวหนังของเจ้าออก…”

อุปนิสัยของบัณฑิตผู้ปราดเปรื่องอยู่ที่ไหนกันในเวลานี้

ชาวบ้านรอบ ๆ ต่างตกตะลึงและมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำอย่างไร!

เมื่อครู่ทังป้านเซียนพูดว่า ในอนาคตกู้ฉวนลู่จะไม่ตายดีหรือ?

ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองกู้ฉวนลู่ที่กำลังด่าด้วยความประหลาดใจ

หลังจากที่กู้ฉวนลู่สาปแช่งจนพอใจ เมื่อหันมาก็เห็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองมาที่เขาเช่นนั้น และสาปแช่งอย่างโกรธเคือง “ทำไม ท่านยังเชื่อเรื่องที่คนหลอกลวงนั่นพูดอยู่หรือ?”

“เชื่อ…” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงเปิดปาก เมื่อเห็นใบหน้าของกู้ฉวนลู่ที่ซีดเซียวจ้องมาที่เขาอย่างดุดัน หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็เปลี่ยนคำพูดทันที “ไม่ ๆ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ!”

ใบหน้าของกู้ฉวนลู่น่าเกลียด เขาเหลือบมองชาวบ้านที่ยังคงล้อมรอบอยู่และพูดอย่างไม่พอใจว่า “มองอะไร? ยังไม่รีบกลับบ้านไปอีก!”

ชาวบ้านเหลือบมองกู้ฉวนลู่ที่กำลังโกรธอย่างแปลกใจ และรีบวิ่งกลับบ้านไปทันที เมื่อกู้ฉวนลู่ไม่มีสิ่งกระตุ้นจึงทำได้เพียงยอมแพ้

ในเวลานี้ฮูหยินเหลียงลุกขึ้นและเอ่ยปลอบ “ฉวนลู่ อย่าไปฟังเขา เจ้าจะเป็นขุนนางที่มีอำนาจในอนาคต เจ้าอย่าไปเชื่อ! วันดี ๆ ของเจ้าจะมาถึงในอนาคต”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินเหลียง หัวใจของกู้ฉวนลู่ก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยและเขาก็ตอบรับ

ในเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นภรรยาขยิบตาใส่เขาตลอดเวลา จากนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งและเข้ามาปลอบโยนทันที “ใช่แล้วฉวนลู่ เจ้าเป็นบัณฑิตเพียงคนเดียวในหมู่บ้านของเรา และตอนนี้ลูกชายของเจ้าก็เรียนอยู่ที่หอหนังสืออวี้อีก อนาคตของเขาต้องไปได้ไกลเป็นแน่!”

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและฮูหยินเหลียงแข่งขันกันยกยอ ซึ่งทำให้ใบหน้าของกู้ฉวนลู่ดูดียิ่งขึ้น

แต่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทังป้านเซียนพูดก่อนจะจากไป ไม่รู้ว่าเขาล้อเล่นเพราะตั้งใจยั่วโมโห หรือว่ากำลังพูดความจริง…

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเพียงรู้สึกเย็นวาบจากฝ่าเท้าของเขา

โชคร้ายเสียจริง!

กู้ฉวนลู่สาปแช่งอีกสองสามคำก่อนจากไป

เมื่อเห็นว่าทุกคนออกไปแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงรีบส่งคนไปบอกทุกคนในหมู่บ้านว่าทังป้านเซียนได้ขับไล่วิญญาณร้ายออกไปเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี

ทุกคนเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับการช่วยเหลือจากกองไฟ แม้ว่าพวกเขาจะงงงวย แต่เมื่อทังป้านเซียนกล่าวว่าวิญญาณถูกขับไล่ออกไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าถูกขับไล่ออกไปแล้วจริง ๆ

ท้ายที่สุด คนก็ไม่ตาย และวิญญาณก็ถูกขับไล่ออกไป ถือได้ว่าเป็นบุญคุณที่ไม่มีที่สิ้นสุด!

รถม้าของทังป้านเซียนกำลังขับอยู่บนถนนสายหลัก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองถู่ถังไปหนึ่งวัน

รถม้าวิ่งไปด้วยความเร็ว

ทังป้านเซียนลืมตาอย่างเงียบ ๆ และพูดกับคนขับรถม้าข้างนอกว่า “ไม่ต้องกลับไปที่เมืองถู่ถัง!”

“คุณชาย แล้วเราจะกลับไปที่ใด?” คนขับรถม้าดูแปลกใจ รถม้ายังวิ่งไปด้วยความเร็ว ชายผู้นั้นกำลังดึงสายบังเหียนของรถม้า และม้าก็วิ่งเร็วมากขึ้น

“ตามสถานการณ์ไปก่อนเถอะ!” หลังจากที่ทังป้านเซียนพูดจบ เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง

คนขับข้างนอกส่งเสียงตอบรับ ก่อนรถม้าจะเลี้ยวไปอีกทาง

ภายในรถม้า คนที่ถูกเรียกว่าคุณชายรู้สึกว่าทิศทางของรถม้าเปลี่ยนไป

ในขณะนั้นจู่ ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น และนึกถึงวันเกิดของหญิงสาวที่กู้ฉวนลู่มอบให้เขาในตอนนั้น

เดิมทีผู้ที่มีวันเกิดนี้น่าจะเสียชีวิตไปมากกว่าหนึ่งปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่นางไม่ตาย ในทางกลับกันนางยังมีชีวิตที่รุ่งโรจน์และได้พลิกเส้นทางชีวิตของนางอย่างน่าตกใจ

นางมีร่างเป็นสาวชาวบ้าน แต่กลับมีชีวิตราวกับองค์หญิง

มันน่าทึ่งจริง ๆ

ทังป้านเซียนคิดไม่ออก โชคดีที่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่

เขาสัญญากับกู้ฉวนลู่ และมาที่นี่เพราะเขาอยากรู้เกี่ยวกับชะตากรรมของหญิงสาว

กู้ฉวนลู่กล่าวว่าหลังจากที่นางตกลงไปในน้ำ นางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ทังป้านเซียนอยากรู้อยากเห็นจึงตอบตกลงไปแบบไม่คิดแล้วตามพวกเขามาที่หมู่บ้านอู๋ซี เพียงเพราะต้องการดู แต่พอเห็นหน้าหญิงสาวแล้วเขาก็นึกเสียใจ

หญิงสาวคนนี้เผยให้เห็นถึงความมั่งคั่งที่น่าทึ่งทั่วร่างกาย นางจะมีสถานะที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชมในอนาคตอย่างแน่นอน

ตอนนั้นไม่รู้ว่าตนเองกลัวอะไร ถึงกับตัดสินใจจุดไฟเผานาง!

แม้ว่าได้คำนวณไว้แล้วว่าชีวิตของนางไม่ควรจบลงที่นี่

แต่ถ้าในเวลานั้น เขาไม่รอสักกพักก็กลัวว่าถ้าผู้หญิงคนนี้คงต้องตายในทะเลเพลิงจริง ๆ และเขาคงมีวิญญาณอีกตนอยู่ในมือ

ชะตานางเปลี่ยนไป เกรงว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนชะตาของใครหลาย ๆ คน

ยังดี ยังดี!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทังป้านเซียนก็ถอนหายใจยาวราวกับว่าในที่สุดเขาก็ได้ปลดเปลื้องภาระของเขาลง

ระหว่างทาง ฉินเย่จือวางกู้เสี่ยวหวานนอนบนรถม้า

ภายในรถม้าของหลี่ฝานมีเตียงขนาดเล็กปูด้วยฟูกหนา ซึ่งมีกู้เสี่ยวหวานกำลังนอนอยู่ ฉินเย่จือหยิบผ้าห่มมาคลุม และผ้าม่านในรถก็ถูกดึงให้แน่นเพื่อไม่ให้มีลมจากภายนอกพัดผ่านเข้ามา

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ในที่สุดฉินเย่จือก็มาช่วยกู้เสี่ยวหวานของเราได้ทันเวลาพอดีนะคะ โล่งใจจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท