ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 636 รู้จักคนเหล่านั้นทั้งหมด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 636 รู้จักคนเหล่านั้นทั้งหมด

บทที่ 636 รู้จักคนเหล่านั้นทั้งหมด

ฉินเย่จือคำราม ลมหายใจแรงกล้าทำให้หลี่ฝานที่อยู่ภายนอกได้ยินชัดเจน เมื่อได้ยินเสียงโกรธของนายท่าน หลี่ฟานก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ ขาแข้งอ่อนแรง และเขากำลังจะคุกเข่าลง

ครั้นหมอพานที่อยู่ข้าง ๆ เห็น เขาก็รีบคว้าตัวหลี่ฝานที่กำลังทรุดตัวลง และพูดว่า “ถ้าเจ้าเหนื่อยเกินไปก็กลับไปพักผ่อนเสีย วันนี้เจ้ายุ่งมาทั้งคืนแล้ว”

เมื่อหลี่ฝานได้ยินสิ่งนี้ พลันโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่เหนื่อย ข้าไม่เหนื่อย!”

นายท่านซึ่งอยู่ข้างในยังไม่หลับ เขาจะกล้าหลับได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เห็นกู้เสี่ยวหวานอยู่ในอาการปลอดภัย เขาจึงไม่อยากนอนเสียด้วยซ้ำ

“เปล่า ขาของข้าแค่ชานิดหน่อย พักสักหน่อยก็หายดี” เขาจะกล้าบอกได้อย่างไรว่าตนเองตกใจเสียงของนายท่าน

ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อเห็นนายท่าน สติทั้งหมดของเขาจึงหายไปอย่างสมบูรณ์

ไม่รู้ว่าบรรยากาศรอบตัวของเขารุนแรงเกินไปหรือไม่

หลี่ฝานครุ่นคิดในใจไม่หยุด

เขาเดินออกไปที่ประตูอีกครั้ง และสั่งให้คนรับใช้อีกคนที่รออยู่ข้างนอกไปทำข้าวต้มขึ้นมา

คนรับใช้วิ่งลงไปชั้นล่างทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง และหลี่ฝานกำลังคิดว่าตนเองควรจะเตรียมสิ่งใดดี

ในขณะนั้นเอง คนรับใช้อีกคนหนึ่งที่กำลังจะต้มยาก็ยกยาขึ้นมา หลี่ฝานรับมันมา นำไปที่ห้องด้านหลัง และพูดเบา ๆ ว่า “ยามาแล้ว”

เขายืนห่างจากฉินเย่จือสี่หรือห้าก้าว ทันทีที่เขาเข้าประตูมาก็เห็นฉินเย่จือทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาเช็ดคอและแขนนอกร่มผ้าของนางอย่างไม่หยุด และยังมีผ้าเช็ดหน้าอีกผืนวางอยู่บริเวณหน้าผาก

นายท่านทำเช่นนี้ทั้งคืน

หลี่ฝานเดินเข้ามา และกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “นายท่าน ให้ข้าทำเถอะ!”

เขามีเจตนาดี แต่หลังจากที่ฉินเย่จือได้ยิน เขาก็ทำเพียงตวัดสายตามามองอย่างเย็นชา

หลี่ฝานรู้สึกถึงการกดขี่ครู่หนึ่ง และก้มศีรษะงุด หากเขาไม่ได้ถือชามยาด้วยแรงอันน้อยนิด เกรงว่าชามยาในมือคงร่วงลงพื้นด้วยความตกใจ

หลี่ฝานก้มศีรษะลงและก้าวไปข้างหน้าสองก้าว หลังจากที่ฉินเย่จือรับชามยาไป หลี่ฝานกำลังจะถอยหลังกลับ ฉินเย่จือก็พูดอย่างไม่คาดคิด “ไปเตรียมผลไม้แช่อิ่มมา… ”

หลี่ฝานพ่นลมหายใจและตอบสนองฉับไว วิ่งออกไปที่ประตูและสั่งให้คนรับใช้เตรียมผลไม้แช่อิ่ม

โชคดีที่สิ่งนี้ถูกเก็บไว้ในร้านอาหารเสมอ ไม่เช่นนั้นกลางดึกเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหาได้ที่ไหน

สงสัยนายท่านอาจจะรู้สึกหิว

แต่นายท่านไม่เคยกินของหวาน!

คนรับใช้คนนั้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นาน เขาก็นำผลไม้แช่อิ่มมาให้ หลังจากที่หลี่ฝานรับมันมา จึงรีบนำมันเข้าไปในห้องทันที ถือมันไว้ในมือราวกับสมบัติล้ำค่าและมอบมันให้กับฉินเย่จือ

หลังจากที่ฉินเย่จือเหลือบมองและตวัดสายตาไปยังตู้ด้านข้าง ซึ่งหลี่ฟานเข้าใจโดยทันที เขาวางผลไม้แช่อิ่มไว้ข้างเตียงจากนั้นถอยกลับไป

ทันทีที่ออกมา ก็ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “หวานเอ๋อร์ กินยาไปแล้ว ยาขมมากใช่หรือไม่ แต่ข้าเตรียมผลไม้แช่อิ่มไว้แล้ว หลังจากดื่มยาแล้วก็กินผลไม้แช่อิ่มนะ!”

ดูเหมือนว่านายท่านจะให้เตรียมผลไม้แช่อิ่มมาให้กู้เสี่ยวหวาน!

หลี่ฝานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนข้าง ๆ และฟังเสียงช้อนกระทบชามจากด้านใน

ไม่มีเสียงภายในหรือภายนอกเลย เกรงว่าแม้แต่เสียงเข็มตกกระทบพื้นก็คาดว่าจะได้ยิน

“ท่านหมอพาน อยากพักหรือไม่!” ครั้นเห็นหมอพานนวดขมับ หลี่ฝานจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านเป็นหมอ ท่านไม่สามารถหมดแรงได้ ท่านไปพักก่อนเถอะ เมื่อข้าต้องการ ข้าจะเรียกท่านอีกครั้ง!”

หมอพานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า เขาแก่เกินกว่าจะอดนอนทั้งคืน อย่าว่าแต่คนไข้ยังไม่ดีขึ้น หมอผู้นี้ก็เหนื่อยเสียก่อนแล้ว

หลี่ฝานขอให้คนรับใช้พาเขาไปที่ห้องพักเพื่อพักผ่อน

คนรับใช้ที่ประตูจึงพาเขาไปที่ห้องพัก

ตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่หน้าประตู ส่วนฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานที่หมดสตินั้นอยู่ข้างใน

หลี่ฝานกระวนกระวาย เดินเข้าไปคุกเข่าอยู่ด้านหน้าม่าน คุกเข่าลงพร้อมกับเรียกด้วยความเคารพ “นายท่าน…”

หลี่ฝานไม่กล้าแสดงท่าทางใด ๆ ก่อนที่จะมีเสียงออกมาจากข้างใน เขาได้แต่คุกเข่าอยู่ที่บริเวณจุดนั้น

ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านใน และเมื่อม่านถูกเปิดออก ฉินเย่จือก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่มืดมิด

หลี่ฝานลืมตาขึ้นเพื่อมอง และบังเอิญเห็นใบหน้าขาวซีดของฉินเย่จือ นั่นทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน และแน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงที่โกรธเคืองของฉินเย่จือ “คนทั้งหมดในคืนนี้ เจ้าจำได้ใช่หรือไม่!”

“จำได้ นอกจากกู้ฉวนลู่ ลุงของสาวน้อยเสี่ยวหวานแล้ว อีกสองคนที่ยืนอยู่บนแท่นสูงคือหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง แต่อีกคนข้าไม่รู้จักเขา!” หลี่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูด สามคนในสี่คนที่อยู่บนแท่นสูงเขารู้จักกันดี และยังมีใครอีกคนที่เขาไม่เคยเจอหน้า

“เจ้าไปตรวจสอบว่าคนผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน?” กล้าพูดว่าลูกแมวของเขาเป็นปีศาจร้าย คนผู้นั้นคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปสินะ

ฉินเย่จือกำหมัดแน่นและมองเข้าไปในม่านด้วยท่าทางที่เป็นทุกข์ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปม

นอกจากนี้ยังมีครอบครัวใหญ่ของตระกูลกู้ กู้ซินเถารู้เรื่องนี้ ดังนั้นแปดส่วนของเรื่องคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวใหญ่ตระกูลกู้แน่

“นายท่าน อย่ากังวลไป สาวน้อยเสี่ยวหวานเป็นคนดี สวรรค์จะต้องคุ้มครองนางแน่นอน!” หลี่ฝานปลอบโยนเขาจากด้านข้าง

ฉินเย่จือไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจยาว

หลี่ฝานคุกเข่าลง ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย!

ท่าทางของนายท่านเย่อหยิ่งเกินไป มันทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

“เจ้าลุกขึ้นก่อน!”

หลังจากหลี่ฝานขอบคุณเขา เขาโน้มตัวเอนไปข้างนอกเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังรอคำถามของฉินเย่จือตลอดเวลา

หลี่ฝานมีคำถามมากมายในใจของเขา

ทำไมนายท่านถึงไปที่หมู่บ้านอู๋ซี และทำไมเขาถึงรู้จักกู้เสี่ยวหวาน เมื่อดูจากท่าทางแล้ว นายท่านและกู้เสี่ยวหวานคงคุ้นเคยกันมาก

หลี่ฝานมีคำถามมากมายในใจที่เขาอยากจะถาม แต่เขาไม่สามารถเอ่ยมันออกมาได้ เรื่องของนายท่านเป็นสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเขาสามารถพูดคุยแบบลวก ๆ ได้จริงหรือ?

“ในตอนนั้นข้ารีบพาเสี่ยวหวานออกมาก่อน ดูเหมือนว่าหนิงผิงและเสี่ยวอี้ยังอยู่ในหมู่บ้าน ข้ายังไม่เจอพวกเขาทั้งสองคน เจ้าส่งคนไปรับพวกเขาที!”

“ขอรับ…”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท