บทที่ 643 หมกมุ่น
บทที่ 643 หมกมุ่น
“ใช่แล้ว ในตอนนั้นมันเป็นเช่นนี้ เถ้าแก่หลี่เชิญกู้เสี่ยวหวานไปเป็นคนทำบัญชีของเขา ข้านำเรื่องนี้ไปบอกแก่เหมียวเอ้อร์ ทันทีที่เหมียวเอ้อร์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่าตนเองถูกหลอก ทั้งยังบอกว่าตนเองทำงานหนักในร้านจิ่นฝูมาหลายปีแล้ว ทันทีที่มีคนใหม่เข้ามาก็เตะตนเองออกไป เตะออกไปไม่เท่าไร แต่เขายังถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่เฉกเช่นการยักยอกเงิน ยิ่งเหมียวเอ้อร์คิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เขาโกรธมากและบอกว่าเขาจะฆ่ากู้เสี่ยวหวาน!”
“เป็นไปไม่ได้! เหมียวเอ้อร์ของข้าแม้แต่ไก่ยังไม่ฆ่าเลย!” เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลีจื่อ เหมียวซื่อก็แย้งกลับทันที
เสี่ยวหลีจื่อเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่ใบหน้าของลวี่เทาอย่างลับ ๆ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง จึงพูดต่อ “เหมียวเอ้อร์รู้สึกว่าตนเองได้รับความอับอายอย่างมาก เขาเป็นถึงบัณฑิต หากเรื่องที่เขายักยอกเงินถูกคนอื่นล่วงรู้เขา เขาเกรงว่าชีวิตที่เหลือเขาจะถูกทำลายลง ดังนั้นเหมียวเอ้อร์จึงกล่าวว่าเขาต้องหาหลักฐานการก่ออาชญากรรมของกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นเขาก็จะใช้สิ่งนั้นแสดงให้เถ้าแก่หลี่เห็นว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์และภักดีอย่างไร ทำไมถึงถูกหลอกโดยคนทรยศเช่นกู้เสี่ยวหวาน!”
“มีหลักฐานการก่ออาชญากรรมหรือไม่?” ลวี่เทาชมวดคิ้วถาม
“เรื่องหลังจากนี้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถามข้าว่ากู้เสี่ยวหวานมาที่เมืองยามใด หลังจากที่ข้าบอกเขาแล้ว ข้าก็ไม่รู้อะไรอีกต่อไปแล้ว” เสี่ยวหลีจื่อกล่าวอย่างเสียใจ “ถ้าตอนนั้นข้าไปหาเหมียวเอ้อร์อีกครั้ง บางทีเหมียวเอ้อร์อาจจะไม่หายไปนานขนาดนี้ หากข้าพบก่อนหน้านี้ยังอาจจะยังหาเขาเจอ นี่ก็ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว หากเป็นศพ เกรงว่าจะเหลือแต่กระดูกแล้ว!
เสี่ยวหลีจื่อกล่าวอย่างเศร้าสร้อย น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ในทางกลับกันเหมียวซื่อเล่นใหญ่กว่านั้น และร้องไห้เอ็ดตะโร “ไอ๊หยา สามีของข้า เจ้าตายอย่างน่าสลดใจ เจ้าตายอย่างน่าสลดใจ!”
“หากเจ้าบอกเรื่องนี้กับนางทันเวลา หากสามารถส่งคนไปหาเขาได้เร็วกว่านี้ บางทีอาจจะมีเบาะแสบางอย่าง” ลวี่เทากล่าวด้วยความเสียใจ “ตอนนี้ถึงแม้จะพบกระดูกก็ยากที่จะพิสูจน์!”
“ใต้เท้า สิ่งที่ข้าพูดคือหลักฐานใช่หรือไม่?”
“แน่นอน!”
“เถ้าแก่หลี่ สิ่งที่เจ้าจะพูดตอนนี้ เหมียวเอ้อร์ต้องการรวบรวมหลักฐานการก่ออาชญากรรมของกู้เสี่ยวหวาน แต่เขากลับหายตัวไป ต้องเป็นเพราะว่าเหมียวเอ้อร์ค้นพบบางสิ่งและถูกกู้เสี่ยวหวานค้นพบ จากนั้นเขาก็ถูกปีศาจสาวตนนี้ฆ่า!” ลวี่เทากล่าว
หลี่ฝานส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้ “ไม่มีหลักฐาน แค่ประโยคหรือสองประโยค แต่งเรื่องขึ้นมา ใครก็ทำได้!”
“เจ้า…”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงราบเรียบและผ่อนคลายของหลี่ฝาน แม้แต่ลวี่เทาก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
คนผู้นี้ตั้งแต่มาขึ้นโรงศาล เขาพูดน้อยแต่เน้นหลักฐาน อ้างหลักฐานมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการยืดเวลา
อย่างไรก็ตาม ลวี่เทาลอบหัวเราะในใจ
ยืดเวลาอย่างนั้นหรือ? ใครจะยืดเวลาเขาได้?
ถ้าไม่ยอมรับก็เข้าคุกแล้วทบทวนตัวเองให้ดี สักวันเขาก็จะพูดออกมา!
ตอนนี้กลายเป็นเป็ดตายปากแข็ง
“ท่านต้องตัดสิน!” เหมียวซื่อรุดขึ้นหน้าและคำนับอีกครั้งราวกับจะบูชาพระพุทธเจ้า “ตอนนี้ครอบครัวข้าไม่มีแหล่งรายได้แล้ว ลูกข้าต้องเป็นเด็กกำพร้าและข้าต้องเป็นแม่ม่าย เราจะอยู่ได้อย่างไร!”
เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานยังไม่ยอมรับว่าเขาฆ่าคน ไม่น่าแปลกใจจะมีใครยอมรับว่าฆ่าคนตายบ้างล่ะ? ในเมื่อไม่มีใครเห็นมันกับตา ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธไม่ยอมรับ
เขาไม่ได้ยอมรับผิด ดังนั้นเหมียวซื่อจึงเอ่ยคำขอไม่ได้!
“เช่นนั้น…” ลวี่เทาเอามือเท้าคาง แล้วใช้ปลายนิ้วมืออีกข้างเคาะโต๊ะเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังคิดหนัก
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกาย จากนั้นมองไปที่หลี่ฝานและพูดออกมา “หลี่ฝาน ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับว่าฆ่าคนหรือไม่ก็ตาม หากแต่เรื่องนี้เกิดจากเจ้า และมันก็ต้องจบลงที่เจ้าด้วยเช่นกัน! ไม่มีเหมียวเอ้อร์ ครอบครัวเหมียวจึงไม่มีแหล่งรายได้ ลูก ๆ ของเขากลายเป็นเด็กกำพร้า และภรรยาของเขาก็กลายเป็นแม่ม่าย ช่างน่าสงสารเสียจริง ไม่ว่าในกรณีใดเจ้าก็ต้องรับผิดชอบในการเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้จนกว่าจะโต!”
อย่างไรหลี่ฝานก็ร่ำรวย!
“ความหมายของท่านคือ ไม่สนใจว่าข้าจะฆ่าคนหรือไม่ หากข้าให้เงินเรื่องนี้ก็จะคลี่คลายใช่หรือไม่?” หลี่ฝานดูประหลาดใจราวกับว่ากลัวตนเองได้ยินผิด
เมื่อลวี่เทาเห็นสีหน้าตื่นเต้นของหลี่ฝาน จึงคิดจะเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย หลี่ฝานเป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่ เขาคงจะไม่ยอมให้ตนเองติดคุก เรื่องดีเช่นนี้ช่างหายาก!
“ใช่แล้ว ผู้ตายได้ตายไปแล้ว หากเราเข้าไปพัวพันกันมากเกินไป จะไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ตายและครอบครัวของผู้ตาย สิ่งเดียวที่เราทำได้คือเอาใจครอบครัวของผู้ตาย และทำให้พวกเขาไร้กังวล!” ลวี่เทากล่าวอย่างอารมณ์ดี
ดูเหมือนว่าเขาได้ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดแล้ว หลี่ฝานและเหมียวซื่อควรจะขอบคุณเขาเช่นกัน
ลวี่เทาเหลือบมองเหมียวซื่อที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
เสื้อผ้าสีขาวที่เหมียวซื่อสวมในวันนี้นั้นดูธรรมดา นางร้องไห้เศร้าโศกราวกับดอกท้อต้องหยาดฝน นั่นทำให้ผู้คนเป็นทุกข์
แม้ว่านางจะให้กำเนิดลูกถึงสองตน แต่รูปร่างของนางก็ยังอวบอั๋น ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกใจเต้น นางมีเสน่ห์ราวกับหญิงสาววัยแรกรุ่น
ในขณะนี้ เหมียวซื่อกำลังหมอบอยู่บนพื้นและไม่รู้ว่านางจงใจหรือไม่ ร่างกายส่วนล่างและเอวของนางราบไปกับพื้น แต่ร่างกายส่วนบนของนางยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางจ้องมองไปที่ลวี่เทาอย่างเศร้าสร้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน้าอกอวบอิ่มนั้นมันทำให้คนมองรู้สึกบางอย่างเล็กน้อย
ลวี่เทาเหลือบมอง เขารู้สึกว่าใบหน้าและหูของเขาแดงก่ำ ร่างกายร้อนผ่าว และอุณหภูมิในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นสูงในทันที
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอยู่ในโรงศาล ลวี่เทาจึงพยายามสุดความสามารถที่จะยับยั้งตัวเองและไม่มองมันอีก เขายังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติ
นี่เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ และมีผู้คนล้อมรอบมองดู และไม่มีใครสังเกตเห็นความแปลกประหลาดของเขา
แต่เหมียวซื่อและหลี่ฝานมองเห็น
เมื่อเหมียวซื่อเห็นลวี่เทามองมาที่ตน สายตาของเขาดูหมกมุ่น นางจึงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย แม้ว่าจะให้กำเนิดลูกมาสองคนแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของนางยังคงดูดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากให้กำเนิดลูกแล้ว รูปร่างของนางยังดูดีกว่าหญิงสาวที่ยังไม่มีลูกเสียอีก