บทที่ 671 ตัดขาดจากครอบครัวกู้
บทที่ 671 ตัดขาดจากครอบครัวกู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้หนิงอัน ครั้นได้ยินว่าผู้คนในหมู่บ้านมองว่าการเปลี่ยนแปลงของพี่สาวตนเองในปีที่ผ่านมาว่าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง อารมณ์ก็พลันเดือดดาล
เขาทุบมือลงบนโต๊ะและตะโกนเสียงดังว่า “คนพวกนี้ต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ท่านพี่ ท่านพี่ทำให้พวกเขามีความมั่งคั่ง สอนวิธีหาเงินให้พวกเขา แต่พวกเขากลับไม่สำนึกบุญคุณ และยังกล่าวหาว่าท่านเป็นวิญญาณร้าย มันไม่สมเหตุสมผล มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!”
กู้เสี่ยวหวานรู้อยู่แล้วว่ากู้หนิงอันจะเป็นเช่นนี้ จึงรีบเอ่ยปล่อยใจ “หนิงอัน ข้าสบายดี ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ท่านพี่ ถ้าพี่ใหญ่ฉินมาไม่ทัน บางทีอาจจะ…” กู้หนิงอันไม่กล้าคิดเรื่องนี้ หากฉินเย่จือมาไม่ทัน เกรงว่าสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คงเป็นเพียงเศษเถ้ากระดูกของพี่สาว!
ยิ่งกู้หนิงอันคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น และรู้สึกรังเกียจคนที่ต้องการเผาพี่สาวของเขาให้ตาย โดยเฉพาะกู้ฉวนลู่ที่ตนเกลียดจนอยากจะฉีกเนื้อของเขาออกเป็นชิ้น ๆ “ท่านพี่ กู้ฉวนลู่ผู้นั้นยังมีความเป็นคนอยู่บ้างหรือไม่ เขาเป็นลุงของเรา แต่เขากลับอิจฉาที่เราได้ดีกว่า ต้องการข่มเหงเรา เรื่องแรกเขาต้องการยึดครองที่ดินของเรา แต่ครั้งนี้มันโหดร้ายยิ่งกว่า เขาต้องการชีวิตของท่าน! คนผู้นี้ยังเหลือความเป็นคนอยู่บ้างหรือไม่!”
กู้เสี่ยวอี้ที่อยู่ด้านข้างไม่เคยเห็นท่าทางเดือดดาลของพี่ชายคนโตมาก่อน นางหวาดกลัวเล็กน้อย รุดขึ้นหน้าและกอดกู้หนิงอันไว้พลางร้องไห้ “ท่านพี่ อย่าโกรธ ท่านพี่ อย่าโกรธเลย!”
ใบหน้าของกู้หนิงอันเปียกปอนด้วยคราบน้ำตา และหันไปโอบกอดกู้เสี่ยวอี้เอาไว้
พวกเขาร้องไห้อย่างขมขื่น
กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ข้าง ๆ พลันรู้สึกเศร้าสร้อย มือเรียวเล็กยื่นออกไปช่วยเช็ดน้ำตาให้กู้หนิงอัน และปลอบโยนอย่างทุกข์ใจ “เจ้าอย่าร้องไห้เลย อย่าได้เศร้าไปเลย
กู้เสี่ยวหวานเอ่ยด้วยเหตุผล กู้หนิงอันจึงหยุดร้องไห้ทันที ปาดน้ำตาจากใบหน้าอย่างเร็วรี่ ดึงกู้เสี่ยวอี้ที่กำลังกอดขาตนเองขึ้นมานั่งบนตัก “ท่านพี่ จากนี้ไปเราตัดขาดกับครอบครัวลุงใหญ่กันเถอะ กู้ฉวนลู่ไม่ใช่ลุงใหญ่ของเราอีกต่อไป และเราก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของลุงใหญ่อีกแล้วด้วย!”
กู้หนิงอันอยากทำสิ่งนี้มานานแล้ว แต่พี่สาวของเขาไม่เคยเอ่ยปาก และเขาก็อึดอัดเกินกว่าจะพูดถึงมัน
แต่คราวนี้ กู้ฉวนลู่ได้กระทำสิ่งที่โหดร้ายเกินไป ไม่ว่าในกรณีใด พวกเขาต้องตัดขาดจากครอบครัวของกู้ฉวนลู่ทันที จากนี้ไป ครอบครัวของกู้ฉวนลู่และครอบครัวของพวกเขาจะไม่ใช่ญาติกันอีกต่อไป แต่เป็นเพียงคนแปลกหน้ากันเท่านั้น
ข้อเสนอของกู้หนิงอัน ได้รับการตอบกลับโดยกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ “ท่านพี่ พี่หนิงอันพูดถูก เราจะไม่เป็นญาติกับครอบครัวของกู้ฉวนลู่อีก พวกเขาคือคนแปลกหน้า อย่าเข้าไปยุ่งกับครอบครัวนั้นอีกเลย ต่อจากนี้ไป เรากับเขาก็เป็นคนแปลกหน้ากันที่ไม่รู้จักกัน!”
สวีเฉิงเจ๋อที่ด้านข้างเคยได้ยินเกี่ยวกับครอบครัวของกู้ฉวนลู่
ปีที่แล้ว ซุนซื่อภรรยาของกู้ฉวนลู่ ได้ให้การเท็จว่าที่ดินที่ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานซื้อนั้นเป็นของครอบครัวของนาง เรื่องราวใหญ่โตจนต้องขึ้นโรงศาล หลังจากนั้นก็โชคดีที่ความยุติธรรมอยู่ในใจของประชาชน นายท่านหลิวจากเมืองรุ่ยเสียนเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ และเรื่องราวทุกอย่างก็ได้รับการคลี่คลาย
คืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน
ซุนซื่อถูกขังอยู่ภายในห้องขังเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพราะความโลภในที่ดินของหลานสาว ในช่วงเดือนนั้น ได้ยินมาว่ากู้ฉวนลู่ไม่ได้ไปเยี่ยมนางด้วยซ้ำ และกู้จือเหวินก็ไม่ได้ไปเรียนมาหลายเดือนแล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวของเขาเอง แม้แต่พ่อของเขาเองก็เช่นกันที่เอาแต่ทำงานอยู่ที่บ้าน แต่บ่อยครั้งก็กลับมาไม่ประสบความสำเร็จ กู้ฉวนลู่เชื่อฟังกู้จือเหวินเป็นอย่างมาก แต่สวีเฉิงเจ๋อรู้สึกว่ากู้ฉวนลู่และกู้จือเหวินไม่เหมือนพ่อกับลูกชาย แต่เหมือนคู่ของผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
กู้ฉวนลู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และกู้จือเหวินเป็นผู้บังคับบัญชา
ไม่ว่ากู้จือเหวินจะพูดอะไร กู้ฉวนลู่จะเห็นด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเขามีลักษณะเช่นนั้นได้อย่างไร
ทุกคนมักพูดว่าความหวังตลอดชีวิตของกู้ฉวนลู่คือ การเข้าเรียนในสำนักศึกษาและสามารถเป็นขุนนางได้ เขาตรึงความหวังทั้งหมดไว้กับกู้จือเหวิน กู้จือเหวินถูกกดดันอย่างหนักโดยไม่รู้ว่าจะทนรับไว้หรือไม่
กู้จือเหวินมีผลการเรียนที่ดี แต่เขามีความเชื่อมั่นในตนเองสูง และในสายตาของเขาก็ไม่มีใครเก่งกว่าเขาเลย
ในอดีตตอนที่เขาอยู่ในสำนักศึกษา ทุกคนล้วนติดตามเขา ประการแรกคือ ฐานะครอบครัวของเขาดี ประการสองคือ ผลการเรียนของเขาดีมาก เมื่อปัจจัยสองประการนี้รวมกัน นักเรียนที่เหลือจึงชอบติดตามเขา
แต่เมื่อเวลาผ่านไป นิสัยที่ไม่ดีของกู้จือเหวินก็ถูกเปิดเผย
ไม่เห็นใครดีกว่าเขา และไม่คิดว่าจะมีใครเก่งไปกว่าเขา
กู้จือเหวินเป็นคนใจแคบ เขาสั่งสอนคนที่เขาไม่ชอบในสำนักศึกษาอย่างเปิดเผย ถึงแม้จะเป็นเพียงการดูถูกทางวาจา แต่ก็ทำให้บางคนทนไม่ได้
ต่อมานักเรียนบางคนไม่เล่นกับเขาอีกต่อไป หลังจากที่กู้หนิงอันเข้าเรียนและแย่งจุดสนใจของเขาไป กู้จือเหวินก็ไม่พอใจกู้หนิงอันมากยิ่งขึ้น
แต่โชคดีที่ในสำนักศึกษา สถานะระหว่างเขากับกู้หนิงอันนั้นต่างกัน เขาจึงไม่กล้าทำอะไรกับกู้หนิงอันมากนัก!
เขาไม่กล้าทำอะไรกับกู้หนิงอันในสำนักศึกษา แต่เป็นการยากที่จะรับประกันว่าเขาจะไม่ทำอะไรกับกู้หนิงอันข้างนอก!
ครอบครัวกู้ฉวนลู่กำลังตั้งเป้าไปที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ใครจะรู้ว่าใครเป็นคนคิดเรื่องนี้!
พวกเขาต้องการทำอะไรกันแน่!
ใบหน้าของสวีเฉิงเจ๋อแย่มาก เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลกู้ แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อความปลอดภัยของกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เขาต้องพูดบางอย่าง “เสี่ยวหวาน แม้ว่าข้าจะเป็นคนนอก แต่ข้าก็มีประสบการณ์มาก ข้าคิดว่าครอบครัวใหญ่ของตระกูลกู้กำลังตั้งเป้ามาที่เจ้า เจ้าควรจะขีดเส้นแบ่งกับพวกเขาให้ชัดเจนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และหากเจ้ามีหลักฐานเพียงพอ เจ้าอาจจะไปฟ้องพวกเขาในข้อหาบุกรุกได้!”
ฉินเย่จือเหลือบมองสวีเฉิงเจ๋อ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบคนผู้นี้ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่าคนผู้นี้สามารถพูดอะไรที่ดีได้
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าท่าทีของพวกเขามั่นคงมาก และกู้เสี่ยวหวานก็จะไม่อ่อนแอเช่นกัน
ก่อนการตายของกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อ ทั้งคู่แยกตัวจากตระกูลกู้ หากนำเรื่องนี้มาพูดเกรงว่าคงมีคนพูดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นวัวลืมตีน
ที่สำคัญที่สุด นางกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อกู้หนิงอัน
กู้หนิงอันกำลังเรียนหนังสือ หากเขาเริ่มประกอบอาชีพในอนาคตจริง ๆ นางก็ไม่ต้องการให้เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งกีดขวางสำหรับกู้หนิงอัน