บทที่ 697 พิธีลงเสาเอก
บทที่ 697 พิธีลงเสาเอก
เมื่อหลี่ฝานได้ยินว่าถึงเวลาฤกษ์มงคลแล้ว เขาก็รีบพูดอย่างร้อนรน “เสี่ยวหวาน ไปกันเถอะ!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ลงเสาเอกหรือ? นางไม่รู้ว่าการลงเสาเอกทำอย่างไร ไม่รู้ว่าจะจัดพิธีรีตองอย่างไรบ้าง
เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าก็มีโต๊ะวางอยู่ที่นั่น
บนโต๊ะมีไก่ตัวเป็น ๆ ถูกวางเอาไว้ หัวของมันเชิดขึ้น หงอนไก่ตั้งตรง มองดูแล้วสง่าผ่าเผย
ถัดจากนั้นเป็นจานซาลาเปาอายุยืน เช่น ลูกท้ออายุยืน จานหมูสามชั้น บะหมี่อายุยืน และเหล้าอีกหนึ่งเหยือก
กู้เสี่ยวหวานเกิดความอยากรู้อยากเห็น นี่มันคล้ายกับการบูชาเทพเจ้าอย่างสิ้นเชิง!
ต่อมานางก็เห็นอาจารย์หลินเทเหล้าลงในจอก ยกขึ้นแล้วพูดเสียงดังว่า “เทพถู่ตี้เฉิน ข้าคือหลินต้าเฟิง ช่างก่อสร้างที่ได้รับการว่าจ้างจากตระกูลกู้ วันนี้เป็นวันที่ตระกูลกู้จะสร้างบ้านส่วนตัว ข้าหวังว่าเทพถู้ตี้เฉินจะอวยพรให้พวกเราปลอดภัย และทำงานราบรื่น”
กล่าวจบก็เทเหล้าขาวลงบนพื้น แล้ววางแก้วไว้บนโต๊ะ จากนั้นถอยหลังกลับมา
จากนั้น หลี่ฝานดึงกู้เสี่ยวหวานส่งสัญญาณให้นางขึ้นไปด้านหน้า
เมื่อครู่กู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งที่หลี่ฝานพูดแล้ว ดังนั้นนางจึงพาน้องชายและน้องสาวขึ้นไป คนรับใช้ที่หลี่ฝานพามาก็เทเหล้าหนึ่งจอก นางรับมันไว้ในมือแล้วทำตามสิ่งที่หลี่ฝานสอนเมื่อครู่ “เทพถู่ตี้เฉิน วันนี้เป็นพิธีที่ข้ากู้เสี่ยวหวานสร้างบ้าน ข้าหวังว่าท่านจะอวยพรเราให้การสร้างบ้านโดยปลอดภัยและราบรื่น สรรพสิ่งล้วนเต็มไปด้วยความมงคล และโชคลาภ!”
นางเทเหล้าลงบนพื้นเช่นเดียวกับหลินต้าเฟิงในเมื่อครู่ จากนั้นคุกเข่าลงและโค้งคำนับไปทางด้านหน้าสามครั้ง
หลังจากลุกขึ้นนางก็เดินกลับ
จากนั้นเป็นนักพรตเต๋าที่ช่วยกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ดูฤกษ์งามยามดี
และเห็นว่านักพรตเต๋าก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับแก้วเหล้าแล้วเทลงบนพื้น จากนั้นชี้ดาบไม้ไปข้างหน้า ไก่ยืนขึ้นตัวตั้งตรง และเชือกที่ผูกมันเอาไว้ก็ขาดเป็นสองส่วน
จากนั้นก็เห็นว่าไก่ตัวหนึ่งยืนอยู่บนโต๊ะ มันเหลือบมองดูคนรอบข้างอย่างเย่อหยิ่ง ราวกับไม่หวั่นเกรงสิ่งใด มันกระพือปีกสองครั้งแล้วบินหนีไป
นักพรตเต๋าไม่ได้ไล่ตามมันไป และปล่อยให้มันหนีไปอย่างอิสระ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัยและได้ยินหลี่ฝานกระซิบจากด้านข้าง “ไก่ตัวนี้เป็นสัตว์ที่มีชีวิตและไม่สามารถฆ่าได้ในวันลงเสาเอก เมื่อถึงวันที่เรายกคาน ไก่ก็จะกลับมาด้วยตัวเอง ในตอนนั้นเราจะฆ่าไก่เพื่อฉลอง!”
ว่าอย่างไรนะ?
ไก่ตัวนี้จะกลับมาเองหรือ?
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเหลือเชื่อเมื่อได้ยินเรื่องนี้
นี่ไก่วิ่งหนีไปและหายไปอย่างไร้เงา มันจะกลับมาเองเมื่อถึงเวลายกคานจริงหรือ?
เกรงว่ามันจะถูกหมาป่ากินเสียก่อน หรือไม่ก็ถูกคนจับไปกิน เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร
เมื่อเห็นความไม่เชื่อในสายตากู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไก่ตัวนี้ถูกทำเครื่องหมายไว้ ทุกคนรู้ว่านี่คือไก่สำหรับบูชาเทพถู่ตี้เฉินจึงไม่สามารถจับไปแบบมั่วซั่วได้! ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็รอดูเถิด เดี๋ยวไก่ตัวนี้จะกลับมาแน่นอน ซึ่งหมายความว่าเมื่อเราสร้างบ้าน ไก่ตัวนี้จะเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคล มันจะเดินไปรอบ ๆ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของทุกคน และเมื่อเราทำเสร็จแล้ว การฆ่าไก่นั่นหมายถึงความเป็นสิริมงคลจะอยู่ที่นี่ตลอดไป!”
ปรากฏว่าไก่ตัวนี้เป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคล
เข้าใจแล้ว! กู้เสี่ยวหวานเข้าใจได้ในทันที!
แม้ว่าคนสมัยนี้จะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่เมื่อนางได้เดินทางข้ามมายังโลกนี้ จึงค่อนข้างจะเชื่อว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับพลังที่แปลกประหลาดนี้!
จากนั้นอาจารย์หลินก็ก้าวไปข้างหน้าถือพลั่วที่ถูกผูกด้ายสีแดง ขุดพลั่วบนพื้นและตะโกนเสียงดังว่า “เริ่มต้นทำงานด้วยความสิริมงคลอย่างยิ่ง!”
หลังจากที่อาจารย์หลินพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงประทัดประทัดดังขึ้นไม่ไกล และพิธีลงเสาเอกก็เสร็จสิ้น
หลังจากเสียงประทัดสิ้นสุดลง อาจารย์หลินเดินออกมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม ป้องมือและกล่าวคำมงคลกับกู้เสี่ยวหวาน “ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของบ้าน ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของบ้าน!”
ช่างก่อสร้างที่เหลือก็รวมตัวกันกล่าวแสดงความยินดีและกล่าวคำมงคล
จากนั้นก็เห็นคนรับใช้ของหลี่ฝานถือซองซองแดงหลายสิบซองอยู่ในมือ เขากำลังเดินอยู่ในฝูงชนและส่งให้คนเล่านั้นทีละซอง เมื่อเขาส่งไปหนึ่งซอง เขาก็กล่าวคำมงคลว่า “มหามงคล มหาลาภ!”
ช่างก่อสร้างที่ได้รับซองแดงก็เอ่ยคำมงคง “มหามงคล มหาลาภ!”
กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่านี่จะเป็นซองแดง เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ดูเหมือนว่าแค่นางมายืนที่นี่อย่างเดียวก็พอแล้ว เถ้าแก่หลี่ได้จัดเตรียมทุกอย่างให้นางแล้ว!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกขอบคุณมาก “ท่านลุงหลี่ ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไร!”
อันที่จริง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการลงเสาเอกจะต้องมีการทำพิธี
และแต่ละขั้นตอน ใครที่ไปก่อนและใครจะพูดก่อนก็มีกฎระเบียบ
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเสร็จพิธีจะต้องมอบซองแดงให้กับช่างก่อสร้าง มันทำให้นางรู้สึกละอายใจจริง ๆ และรู้สึกว่าสิ่งที่นางทำนั้นยังไม่เพียงพอ!
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมีท่าทางสุภาพ หลี่ฝานก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรานับว่าเป็นลุงกับหลาน จะเกรงใจอะไรกัน!”
เป็นความสัมพันธ์ที่สนิทสนมใกล้ชิด
อาจารย์หลินที่อยู่ด้านข้างก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เขาเพิ่งได้รับซองแดงซองใหญ่ เพียงแค่ใช้มือจับมัน เขาก็รู้ว่ามีเหรียญทองแดงจำนวนมากอยู่ในนั้น
หลินต้าเฟิงเป็นผู้นำหลัก ดังนั้นซองแดงของเขาจึงต้องแตกต่างจากช่างก่อสร้างทั่วไป
สำหรับช่างก่อสร้างคนอื่น ๆ แต่ละคนมีเหรียญทองแดงสิบหกเหรียญในซอง ซึ่งหมายถึงทุกสิ่งราบรื่น และซองแดงของหลินต้าเฟิงมีเหรียญทองแดงหกสิบหกเหรียญ
เมื่อทุกคนได้รับซองอั่งเปาแล้วจึงรีบแกะออกด้วยความอยากรู้ เมื่อพวกเขาเห็นว่าเหรียญทองแดงสิบหกเหรียญ พวกเขาทั้งหมดก็ยกย่องเจ้าของในความเอื้ออาทรแก่พวกเขา
คนงานเหล่านั้นได้ปฏิบัติตามกองแรงงาน และแยกย้ายไปทำงานของตนเอง
เมื่ออาจารย์หลินมาถึง ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ เขาต้องถามให้ชัด ณ ที่นั้น เจ้าของคนนี้ใจดีมาก และเขาต้องสร้างบ้านที่สะดวกสบายและมั่นใจที่จะให้เจ้าของพอใจ
“ห้องน้ำและห้องอาบน้ำนี้หมายความว่าอย่างไร? ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่มีความรู้ ข้าสร้างบ้านมาหลายสิบปีแล้ว แต่ข้าไม่เคยสร้างห้องน้ำและห้องอาบน้ำแบบนี้มาก่อน” อาจารย์หลินเอ่ยถามอย่างขยันขันแข็ง