บทที่ 700 ตระกูลเจียงผู้หยิ่งยโส
บทที่ 700 ตระกูลเจียงผู้หยิ่งยโส
ท่าทางที่กลัวว่าฉินเย่จือจะไม่พอใจของหลี่ฝาน ทำให้กู้เสี่ยวหวานสงสัยเล็กน้อย
เมือครู่นี้เขาไม่ตกลง แต่เหตุใดพอฉินเย่จือเอ่ยปาก เขากลับพยักหน้าเห็นด้วยทันทีกัน?
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะสงสัย แต่นางก็ไม่ได้คิดมาก
กู้หนิงผิงที่อยู่ด้านข้างพูดทันที “ท่านลุงหลี่ คืนนี้ท่านต้องมาต้องกินนะ มันจะทำให้ท่านเดินต่อไม่ได้แน่นอน!”
อะไรนะ?
เมื่อหลี่ฝานได้ยิน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที “สาวน้อย เจ้าคิดค้นอาหารอร่อยอะไรขึ้นมาอีกหรือ?”
นี่เป็นปัญหาทั่วไปสำหรับผู้ที่ทำร้านอาหาร ทันทีที่ได้ยินของอร่อยก็ขยับตัวไม่ได้ทันที ด้วยดวงตาที่สดใส เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวาน เด็กคนนี้คิดค้นของอร่อย ๆ ออกมาอีกแล้วหรือ!
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ พวกเราลองกินกันเมื่อคืนนี้ และพวกเราอยากเชิญท่านมาลิ้มลองในวันนี้! หลังจากที่ท่านทานอาหารเสร็จ ข้ามีความคิดอื่นที่จะคุยกับท่าน!”
เมื่อหลี่ฝานได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แอบมองฉินเย่จือ ก่อนเห็นท่าทางสงบแต่ดูชื่นชมของฉินเย่จือ เขาจึงรู้ว่าครั้งนี้ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่
ทันใดนั้น เขาก็ดีใจ “ตกลง ๆ ข้าจะไปถึงให้ตรงเวลาในตอนค่ำนะ”
เนื่องจากมีสิ่งอื่นที่ต้องทำในร้านจิ่นฝู หลี่ฝานจึงลงจากรถก่อน
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปที่เมืองด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังจะเตรียมส่วนผสม เมื่อวานพวกเขาซื้อมาเยอะมากแต่ก็กินหมดเกลี้ยง ในคืนนี้พวกเขาเพิ่มผู้ใหญ่อีกสองสามคน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องซื้อมากกว่าเดิม
อีกทั้งโต๊ะในสวนหลี่ก็ใหญ่พอที่จะนั่งได้สิบคน
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ซื้อของในเมืองกันมากมายแล้ว พวกเขาก็ไปทานอาหารกันในเมือง
ยามที่พวกเขาผ่านร้านหรูอี้ พวกเขาบังเอิญไปชนกับรถม้าอีกคัน
เจ้าของรถม้านั้นหยิ่งผยองมาก เขาขับวนภายในเมืองที่จอแจแห่งนี้พร้อมเหวี่ยงแส้ม้าไปด้วย คนรอบข้างต่างแตกตื่นกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อาโม่รีบจอดรถม้าไว้ข้าง ๆ เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับรถม้านั้น
รถม้าที่มีคำว่า ‘เจียง’ อยู่หยุดลงที่ทางเข้าร้านหรูอี้ หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง สาวใช้ที่ดูเด็ก ๆ กับหญิงสาวที่สง่างามก็ออกมาจากข้างใน
หญิงสาวปิดหน้าด้วยผ้าไหมบาง เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง แต่เมื่อมองผ่านชั้นผ้าโปร่งสีขาวบาง ๆ ก็ยังเห็นได้ว่าสตรีผู้คนนี้ต้องงดงาม
ผู้หญิงคนนั้นคือ หลิวเทียนฉือคนนั้นจริง ๆ
หลิวเทียนฉือนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางเข้าไปในรถม้าด้วยการพยุงของเสี่ยวเถา จากนั้นรถม้าก็ควบม้าออกไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่ารถม้าจากไปแล้ว ทุกคนก็เดินออกมาจากมุม
พวกเขาสาปแช่งด้วยความโกรธและพากันชี้ไปที่รถม้า “นี่บ้านไหนกัน? ช่างหยิ่งยโสนัก!”
“นั่นรถม้าของตระกูลเจียงไม่ใช่หรือ ผู้หญิงบนรถม้าคือใครกัน? นางทำตัวไม่ธรรมดา เหมือนผู้หญิงจากตระกูลร่ำรวย!”
“จริงหรือ? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ผู้คนรอบ ๆ ชี้มือชี้ไม้และเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในตอนนี้ ฉินเย่จือเปิดม่านขึ้นเพื่อดู ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นเคยมาก หลังจากครุ่นคิดบางอย่าง ดวงตาของเขาก็หรี่ลง ก่อนร่างกายของเขาจะแผ่ไอเย็นเยียบ
จู่ ๆ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวลดลง และเห็นคิ้วของฉินเย่จือขมวดเข้าหากันแน่น นางรีบถามด้วยความเป็นห่วง “พี่ใหญ่ฉิน เป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร!” ฉินเย่จือปิดม่านรถม้าเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่มุมปากของเขา ซึ่งเขาพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์โดยไม่เหลือความหนาวเย็นก่อนหน้านี้ “ข้าคิดว่ารถม้าคันนี้หยิ่งเกินไป!”
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก แต่นางก็ได้ยินเสียงอุทานของผู้คน
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและรับคำ “ถนนสายนี้เต็มไปด้วยคนธรรมดา ขี่ม้าในย่านใจกลางเมือง ไม่กลัวทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ช่างหยิ่งยโสเสียจริง!”
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงดูถูกดังมาจากประตู “หยิ่งหรือ? ไม่ดูบ้างว่าเป็รถม้าของใคร!”
“ของใครกัน?” ทันทีที่คนรอบข้างได้ยิน พวกเขาก็ตอบทันที “เจ้าเพิ่งรอดชีวิตมาฉิวเฉียด ป้ายของตระกูลเจียงถูกแขวนไว้บนรถม้า เจ้าไม่เห็นตัวอักษรตัวใหญ่นั่นหรือ ยกเว้นรถม้าตระกูลเจียง แล้วจะมีรถม้าของใครหรูหราถึงเพียงนั้น ยกเว้นรถม้าของตระกูลเจียงแล้ว จะมีรถม้าใดกล้าวิ่งพรวดในย่านใจกลางเมืองกัน”
ชายคนนั้นพูดกึ่งอิจฉากึ่งไม่พอใจ
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ตระหนักได้ในทันที
“เป็นรถม้าของตระกูลเจียงเองหรือ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันหยิ่งผยอง!”
“ตระกูลเจียงแล้วอย่างไรเล่า! พวกเขาขี่ม้าในเขตตัวเมืองไม่ได้!” มีคนพูดอย่างเหยียดหยาม
“นี่ เจ้าหนู เจ้ามาจากข้างนอกใช่หรือไม่?” ชายที่บอกว่าเป็นรถม้าของตระกูลเจียงมองขึ้นลงแล้วแค่นเสียง “ตระกูลเจียงเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลิวเจีย และยังมีญาติเป็นขุนนางระดับสูงในเมืองหลวง เขาหยิ่งผยอง เพราะเขามีทุนที่จะหยิ่งยโส ดังนั้นหากเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็สามารถหยิ่งยโสได้เช่นกัน!”
“ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้หญิงสาวเมื่อครู่นี้เป็นบุตรสาวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองหลวง! ครั้งนี้กลับมาพร้อมท่านเจียง เดาสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ!”
“เป็นไปได้ไหมว่านายน้อยแห่งตระกูลเจียงต้องการมีตบแต่งกับผู้หญิงคนนี้…” มีคนคาดเดาอย่างลับ ๆ
“ไม่ใช่หรือ? ไม่อย่างนั้นเจ้าว่าทำไมพวกผู้หญิงจึงมากันถึงที่นี่? เมื่อท่านเจียงกลับมาครั้งล่าสุดมีรถม้ามากมาย โดยทั้งหมดต่างเป็นสัมภาระของหญิงสาว พวกนางมาที่อยู่ที่นี่สักพัก ดูสิว่าตระกูลเจียงเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พวกนางคงมาเพื่อแต่งกับคุณชายตระกูลเจียง!”
“หือ? ทำไมคุณหนูตระกูลขุนนางในเมืองหลวงถึงอยากแต่งงานกับคนที่นี่?” บางคนรู้สึกงงงวย “มีบุรุษที่ร่ำรวยมากมายในเมืองหลวง แต่กลับมาเลือกแต่งเข้าตระกูลเจียง!”
“เจ้าไม่เข้าใจ ใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลเจียงเป็นพ่อค้าเกลือรายใหญ่ในราชวงศ์ชิงตอนเหนือ!” ชายผู้นี้ดูเหมือนจะรู้ข้อมูลภายในมากมาย แค่ประโยคเดียวก็เผยทุกอย่าง
เข้าใจแล้ว!
ปรากฏว่าครอบครัวของเจียงหย่วนทำกิจการค้าเกลือ!
ทว่าเกลือนี้เป็น ‘บรรพบุรุษของทุกรสชาติ’ และเป็นสิ่งจำเป็นบนโต๊ะอาหารของทุก ๆ คน จักรพรรดิจะมอบธุรกิจเกลือให้กับพ่อค้าทั่วไปได้อย่างไร?
ยิ่งถ้าเป็นกิจการโรงเกลือส่วนตัวยิ่งกำไรทวีคูณ! ยิ่งกว่านั้น พ่อค้าที่ได้ลิ้มลองความหวานจะต้องสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่เพื่อหวังเงินอย่างแน่นอน