ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 716 หม้อยวนยาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 716 หม้อยวนยาง

บทที่ 716 หม้อยวนยาง

“ตรงกลางเป็นเตาและหม้อ!” กู้เสี่ยวหวานอธิบาย หม้อต้มน้ำที่พวกเขากินทั้งหมดถูกวางไว้บนโต๊ะซึ่งไม่ปลอดภัยและไม่สะดวก หากสามารถฝังลงในโต๊ะได้ก็จะช่วยลดปัญหาไปได้มาก”

“แค่ผ่าเป็นรูตรงกลางก็วางเตาได้แล้ว ยิ่งกว่านั้น ช่องนี้เปิดแค่พอจับเตาได้ แขวนเตาไว้ครึ่งหนึ่งบนโต๊ะ ยื่นออกมาห่างจากโต๊ะเพียงเล็กน้อย เพื่อให้หม้ออยู่ห่างจากลูกค้า เช่นนี้ก็จะสะดวกและปลอดภัยสำหรับทุกคน!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวต่อ

หลี่ฝานพยักหน้ารับหนัก ๆ

ยามที่กินหม้อไฟเมื่อคืนนี้ พวกกู้หนิงอันไม่สามารถเข้าถึงหม้อได้ ดังนั้นพวกเขาจึงยืนขึ้น โชคดีที่เด็ก ๆ เหล่านั้นมีความระมัดระวัง หากเป็นเด็กที่วุ่นวายสักหน่อย พวกเขาอาจเผลอทำหม้อคว่ำ หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น? นางแทบไม่อยากนึกภาพตาม

หลังจากที่หลี่ฝานเข้าใจโครงสร้างของโต๊ะสี่เหลี่ยมแล้ว เขาก็มองไปที่ภาพถัดไป

โต๊ะกลมนี้มีโครงสร้างพิเศษหรือไม่?

“โต๊ะกลมนี้ ข้าวางแผนไว้ว่าจะรองรับคนได้ยี่สิบคน เมื่อมีคนจำนวนมากและอาหารบนโต๊ะนี้ก็มากตาม แต่พวกเขาไม่อาจถูกห้อมล้อมไปด้วยคนรับใช้ได้ ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ถ้าข้าสามารถทำโต๊ะที่หมุนเองได้จะวิเศษขนาดไหน!”

โต๊ะที่สามารถหมุนด้วยตัวเองได้?

เมื่อหลี่ฝานได้ยิน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที “มีโต๊ะแบบนี้จริง ๆ หรือ? มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่แบบนี้อยู่สองโต๊ะในร้านจิ่นฝูที่เมืองรุ่ยเสียน ทุกครั้งที่เราทานอาหาร คนรับใช้หลายคนจะคอยอยู่ข้าง ๆ ถ้าโต๊ะหมุนได้จริง ๆ ทุกคนอยากกินอะไรก็หมุนหันอาหารมาตรงหน้าตัวเองได้ มันจะสะดวกยิ่ง!”

“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเจ้าค่ะ ดังนั้นเลยคิดว่า ถ้าเอาโต๊ะกลมเล็กอีกตัวมาวางบนโต๊ะกลมใหญ่โดยมีฐานให้หมุนจะดีไหม? หากอยากกินก็แค่หมุนเล็กน้อย ด้านล่างคงที่ แต่โต๊ะเล็กหมุนได้ ท่านคิดว่าอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานกล่าว

หลี่ฝานรับคำสามครั้ง “เป็นความคิดที่ดี ถ้าเป็นจริงได้ มันจะยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง! มันไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการรับประทานอาหารของแขกเท่านั้น แต่ยังช่วยพนักงานของเราด้วย มันเป็นสิ่งที่ดี สามารถฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว!”

เมื่อมองไปยังภาพถัดไป หลี่ฝานกลับไม่เข้าใจ

เหตุใดหม้อนี้จึงเหมือนสัญลักษณ์หยินหยางนัก?

“เสี่ยวหวาน นี่คืออะไรหรือ?”

“นี่คือหม้อยวนยาง!”

“หม้อยวนยาง?” แม้แต่ฉินเย่จือก็ยังสงสัยและเอ่ยถามพร้อมกับหลี่ฝาน

“ใช่ ในหม้อใบนี้เราใส่น้ำแกงได้สองแบบ ถ้าพวกเราชอบอาหารเผ็ดก็ใส่น้ำแกงเผ็ดด้านหนึ่งได้ ถ้าไม่ชอบกินเผ็ดก็ใส่น้ำแกงเบา ๆ อีกด้านก็ได้ ท่านสามารถให้แขกได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่แตกต่างกัน!” ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็อธิบายภาพวาดเหล่านี้เสร็จ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นางไม่ได้คาดหวังว่าจะมีงานเตรียมการมากมายที่ต้องทำเพื่อเปิดร้านหม้อไฟ! โชคดีที่นางแค่ต้องวาดสิ่งที่ต้องการเท่านั้น ส่วนที่เหลือทำได้แค่รบกวนหลี่ฝานแล้ว

“วิเศษมาก! วิเศษจริง ๆ ! ไม่ว่าเจ้าจะชอบหม้อไฟแบบเผ็ดหรือไม่ชอบ เจ้าก็สามารถใช้เพื่อทั้งสองจุดประสงค์ได้ หม้อไฟยวนยางนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” หลี่ฝานเต็มไปด้วยคำชม เขายังยกนิ้วให้กู้เสี่ยวหวาน “สาวน้อยสี่ยวหวาน สิ่งที่อยู่ในหัวของเจ้าช่างน่าประทับใจจริง ๆ!”

สิ่งที่เขาเห็นและเรียนรู้จากกู้เสี่ยวหวานนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อนในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา!

เมื่อเห็นหลี่ฝานยกย่องตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

นี่คือความสำเร็จของคนสมัยใหม่ นางแค่ลอกเลียนผลงานจากน้ำพักน้ำแรงของคนอื่น

แต่ไม่รู้ว่าคนยุคนี้จะทำได้ไหม

กู้เสี่ยวหวานหน้าแดงเล็กน้อยและพูดด้วยความลำบากใจ “ข้าจินตนาการถึงสิ่งเหล่านี้เอา ซึ่งข้าไม่รู้ว่าจะทำมันได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์”

หลี่ฝานพูดครั้งแล้วครั้งเล่า “ข้ารู้จักช่างตีเหล็กและช่างไม้สองสามคน ทุกคนต่างมีฝีมือดี ไม่มีอะไรที่เจ้าคิดถึงแล้วพวกเขาทำไม่ได้ เสี่ยวหวาน ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไปหาคนพวกนั้นทันที ไปแสดงภาพเหล่านี้ให้พวกเขาดู!”

หลังจากพูดจบ หลี่ฝานก็รีบลุกขึ้น หลังจากบอกลากู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือแล้ว เขาก็รีบจากไป

เสี่ยวเซิ่งจื่อก็รีบตามไปเช่นกัน

ถ้าเถ้าแก่จะเก่งอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นก็คือ เขาวิ่งได้เร็วกว่าใคร!

ครั้งนี้หลี่ฝานร่วมมือกับกู้เสี่ยวหวานเพื่อเปิดร้านหม้อไฟนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะกลายเป็นที่นิยมในเมืองรุ่ยเสียนแน่นอน!

ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ เสี่ยวเซิ่งจื่อก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาเช่นกัน

เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองออกไปอย่างเร่งรีบ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกอายเล็กน้อย “เฮ้อ ข้ารบกวนท่านลุงหลี่จริง ๆ ทำให้ท่านลุงหลี่ยุ่งไปหมด!”

“เขาสมควรยุ่ง!” ฉินเย่จือโพล่งออกมา

หลังจากกู้เสี่ยวหวานเช่นสิ่งนี้ นางหันศีรษะจ้องไปที่ฉินเย่จือ “เจ้ายืนพูดย่อมไม่รู้สึกปวดเอว เขาจัดการหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวคนเดียว แค่คิดข้าก็รู้สึกไม่ดีแล้ว!”

ยิ่งกว่านั้น นางเพิ่งออกความคิดและลอกเลียนจากผู้อื่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูเหมือนว่ายามพูดคุยถึงความร่วมมือกับหลี่ฝานในอนาคต นางควรจะถือหุ้นน้อยลง

“ความคิดของเจ้ามีค่าเป็นหมื่นทอง ถ้าข้าพูด ข้าจะให้เจ้าหกส่วนของหุ้นโดยไม่ให้เจ้าจ่ายเลย!” ฉินเย่จือพูดอย่างจริงจัง

เขาเล็งเห็นแล้วว่าธุรกิจร้านหม้อไฟจะทำเงินเท่านั้น ไม่สูญเสียเงิน ยิ่งไปกว่านั้น มันจะทำเงินได้มากมายยิ่ง!

กู้เสี่ยวหวานมีความคิดดี ๆ เช่นนี้ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ พวกเขาอาจไม่ปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานจ่ายเงิน และเตรียมทุกอย่างด้วยตัวเองไว้รอกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ทำราวกับว่าเจ้าเป็นเถ้าแก่!”

ฉินเย่จือเลิกคิ้วขึ้น ก่อนเปลี่ยนกลับไปมองดูกู้เสี่ยวหวานด้วยความรักเหมือนปกติและไม่พูดอะไร

อาโม่ที่อยู่ข้าง ๆ พึมพำในใจ คุณหนู… นายท่านของข้าไม่ใช่เถ้าแก่ แต่เขาปกครองเถ้าแก่ร้านอีกทีต่างหาก!

อีกด้าน ร้านหรูอี้ทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซึ่งหลังจากผ่านไปเจ็ดวัน ในที่สุดพวกเขาก็ปักเสื้อผ้าทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย

หลังจากส่งเสื้อผ้าและผ้าเช็ดหน้าชุดสุดท้ายไป ฮูหยินเจียงก็ตรวจสอบและรับของไป ซึ่งเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าและผ้าเช็ดหน้าทั้งหมดผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่ฉิงและพี่ฝูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท