บทที่ 731 ไปบ้านคนอื่นเพราะต้องการคน
บทที่ 731 ไปบ้านคนอื่นเพราะต้องการคน
เสี่ยวเถาไม่ได้สังเกตเลยว่าตนเองได้สร้างความโกรธต่อสาธารณชน นางค่อนข้างพึงพอใจ และไม่ได้สนใจสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดเลยแม้แต่น้อย และยังกล่าววาจาดูถูก “เหอะ ๆ คุณหนูของข้าชอบฉินเย่จือ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อซื้อตัวเขา ยินเย่จือไปกับข้าเถอะ ครอบครัวของข้าคือตระกูลหลิวจากเมืองหลวง ดังนั้นจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้าย เจ้าทำงานที่นี่หนึ่งเดือนได้เงินเท่าใด? คุณหนูของข้าบอกว่าให้เจ้าเสนอราคามาได้ตามใจชอบ ต้องการไรก็บอกมา”
เสี่ยวเถาเอ่ยอย่างใจกว้างราวกับว่าขอเพียงฉินเย่จือเอ่ยปาก เพราะอย่างไรเสียคุณหนูของตนก็มีเงินมากมาย นางมองไปทางกู้เสี่ยวหวานอย่างภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม แววตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม มองไปที่กู้เสี่ยวหวานราวกับว่ากับจะบอกว่าคุณหนูของข้าชอบของคนของเจ้า เจ้าควรจะสำนึกในบุญคุณนั้น
กู้หนิงผิงที่ยืนอยู่ด้านข้างทนไม่ได้อีกต่อไป กระโดดออกมาและสาปแช่งเสียงดัง “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร! อาจารย์ของข้าจะไม่ไปกับเจ้า!”
กู้เสี่ยวอี้วิ่งไปหาฉินเย่จือ และจับมือของเขาแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป ใบหน้าเล็กของนางก็พองขึ้นด้วยความโกรธ “พี่ใหญ่ฉินจะไม่ไป พี่ใหญ่ฉินจะไม่ไป!”
ฉินเย่จือบีบมือเล็ก ๆ ของกู้เสี่ยวอี้ เอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กน้อยพลางยิ้มปลอบใจ การกระทำของเขาทำให้กู้เสี่ยวอี้รู้สึกสบายใจขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองฉินเย่จือ และเห็นอีกฝ่ายจ้องมองมาอย่างมั่นคง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งและพยักหน้าให้เขา
เสี่ยวเถาไม่สนใจการกระทำของฉินเย่จือและพูดต่อ “จะไปหรือไม่เจ้าก็พูดมาเสีย ข้าถามพี่ใหญ่ฉิน”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสน่หาเอ่ยเรียกพี่ใหญ่ฉินครั้งแล้วครั้งเล่า
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นระแคะระคายหูเป็นอย่างมาก
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าฉินเย่จือจะไม่ทิ้งพวกนาง ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยรั้งเขาเอาไว้
เด็กหญิงหันศีรษะไปมองอาโม่ ตนเองไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนผู้นี้นัก จึงตัดสินใจแทนเขาไม่ได้
ดังคำกล่าวที่ว่า คนเดินขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ ถ้าอาโม่คนนี้ต้องการจากไป นางจะไม่เอ่ยห้าม
“อาโม่ แล้วเจ้าล่ะ?” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สนใจคำพูดของเสี่ยวเถาเลย แต่กลับเอ่ยถามอย่างจริงจัง
อาโมส่ายส่ายศีรษะ “คุณหนู ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่ที่เมืองหลิวเจียกับคุณหนู!”
คำพูดของอาโม่เด็ดขาด กู้เสี่ยวหวานตาเป็นประกาย หากแต่ยังรู้สึกลังเลและพูดว่า “เจ้า… เจ้าจะไม่ไตร่ตรองเรื่องนี้สักหน่อยหรือ? ท้ายที่สุด…”
ในตอนนั้น สิ่งที่อาโม่พูดก็คือ ตราบใดที่มีที่ให้เขาพักผ่อนและมีอาหารการกิน นั่นก็เพียงพอแล้ว!
ตอนนี้ด้วยโอกาสที่ดีที่อยู่ตรงหน้าเขา กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการขวางอนาคตของเขา
เนื่องจากคุณหนูหลิวต้องการให้ฉินเย่จือและอาโม่ไปที่นั่น แน่นอนว่านางชอบทักษะของพวกเขาโดยธรรมชาติ ถ้าเขาไปที่เมืองหลวงจริง ๆ อนาคตของเขาก็ไม่น่าจะเลวร้ายเกินไป
หากแต่อาโม่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เขาส่ายศีรษะและพูดอย่างหนักแน่น “ไม่จำเป็น ในเมื่อข้าติดตามคุณหนูแล้ว ตอนมีชีวิตก็เป็นคนของคุณหนู และหากตายก็จะเป็นวิญญาณของคุณหนูเช่นกัน!”
เนื่องจากฉินเย่จือและอาโม่ไม่ต้องการจากไป กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ใส่ใจที่จะสุภาพกับเสี่ยวเถา และพูดตรง ๆ ว่า “ขออภัยด้วย แม่นางเสี่ยวเถา พี่ใหญ่ฉินของข้าและอาโมไม่อยากไป แล้วทำไมเจ้าไม่กลับไปเสียล่ะ!”
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการขัดแย้งกับเสี่ยวเถาที่กิริยาท่าทางหยาบคาย และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ต้องการปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพ ดังนั้นจึงเอ่ยขับไล่อย่างไม่อ้อมค้อม
เสี่ยวเถาตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ นางได้ยินที่กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามอาโม่เมื่อครู่ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายคนนี้ไม่เต็มใจที่จะไปกับนาง!
“พี่ใหญ่ฉิน…” เสี่ยวเถาไม่สนใจสิ่งอื่นใด เพื่อที่จะให้ฉินเย่จือและอาโม่ไปกับนาง นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพูดเสียงดังลั่น “พี่ใหญ่ฉิน พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูของข้าเป็นคุณหนูตระกูลใด? นายท่านของข้าเป็นเจ้าหน้าที่เกลือและโลหะระดับสามในเมืองหลวง เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสามในเมืองหลวงเชียวนะ!”
เสี่ยวเถาจงใจพูดย้ำคำว่าเจ้าหน้าที่ระดับสามของเมืองหลวงอีกครั้งราวกับนางกลัวว่าฉินเย่จือและคนอื่น ๆ จะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสามนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน “เจ้าเมืองรุ่ยเสียนยังเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระดับล่าง พวกเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเจ้านายของข้ามีอำนาจมากมายแค่ไหน! เจ้านายของข้าเป็นเจ้าหน้าที่เกลือและโลหะที่รับผิดชอบในการผลิตและจำหน่ายเกลือ นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าที่ขายเกลือด้วย พวกเขาทั้งหมดล้วนต้องการไปยังตระกูลหลิว คุณหนูของข้าเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลิว นายท่านของข้ารักคุณหนูมาก มีผู้คนมากมายที่ต้องการเข้าสู่ตระกูลหลิว หากคุณหนูของข้าไม่ชอบเจ้า การที่เจ้าอยากเข้าตระกูลหลิวก็เป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ คุณหนูบอกว่าหากเจ้ามาด้วยกัน เงินเดือนของเจ้าจะเป็นสองเท่าของตอนนี้!”
หลังจากที่ฉินเย่จือฟังจบ คิ้วของเขาก็กระตุกเล็กน้อย
เสี่ยวเถารู้สึกเศร้าใจ นางรับใช้คุณหนูมาหลายปีแล้วและมีเงินเดือนเพียงสองตำลึงเงินต่อเดือน แต่คุณหนูพบสองคนนี้เพียงครั้งเดียว แต่กลับให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับพวกเขา ไม่แน่ว่าเงินเดือนของเขาคงจะมากกว่านางด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเถาไม่ยอมแพ้ และยังคงเกลี้ยกล่อมฉินเย่จือและอาโม่
ฉินเย่จือเป็นคนอย่างไร กู้เสี่ยวหวานไม่จำเป็นต้องกังวล แต่อาโม่…
กู้เสี่ยวหวานเหลือบไปมองเขาอย่างลับ ๆ แต่เห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเผือด มือข้างลำตัวกำแน่น มองเสี่ยวเถาอย่างดุดัน
เมื่อเห็นการแสดงออกของอาโม่ กู้เสี่ยวหวานจึงเดาว่าอาโม่ไม่ต้องการไปกับนาง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็คร้านจะพูดอะไรอีก “แม่นาง ได้โปรดกลับไปเถอะ!”
เสี่ยวเถาเห็นว่าพวกเขาทั้งสองไม่แม้แต่จะกะพริบตา แววตาของเขายังเรียบเฉย และพวกเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่นางเพิ่งพูดไป
เสี่ยวเถากระทืบเท้าด้วยความโกรธ ชายร่างใหญ่สองคนก็ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนหุ่นไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน ด้านนี้กู้เสี่ยวหวานก็ได้ออกคำสั่งให้ขับไล่แขกโดยไม่มีความสุภาพใด ๆ นั่นทำให้เสี่ยวเถาโกรธเป็นอย่างมาก
นางชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานแล้วเอ่ยถามอย่างดุดัน “เจ้า… เป็นเพราะเจ้าถือสัญญาซื้อขายทาสของพวกเขาอยู่ในมือ จึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปใช่หรือไม่?”
หลังจากพูดจบ นางมองไปที่ฉินเย่จือและอาโม่ด้วยความกรุณา พร้อมกับชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดกับพวกเขาว่า “ไม่ต้องกังวล หากนางถือสัญญาซื้อขายทาสของพวกเจ้าจริง และไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปก็เพียงบอกข้า ตอนนี้คุณหนูของข้าอยู่ที่ตระกูลเจียง ตระกูลเจียงเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองหลิวเจีย ตราบใดที่พวกเจ้าบอกข้า ข้าจะไปบอกนายท่านตระกูลเจียง และนำสัญญาซื้อขายทาสของพวกเจ้ากลับคืนมาอย่างแน่นอน”