บทที่ 752 มีแต่แม่ที่รักนาง
บทที่ 752 มีแต่แม่ที่รักนาง
กู้ซินเถาไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง
กู้ซินเถาทำได้เพียงก้มหน้างุด พลางเอ่ยสะอึกสะอื้น “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะนายน้อยเจียง เขาต้องรู้ว่าแม่ของข้าโดนใส่ร้าย ตราบใดที่นายน้อยเจียงเต็มใจที่จะแก้ต่างให้ท่านแม่ ท่านแม่ก็จะออกมาได้”
กู้ซินเถากล่าว ในขณะนี้นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าซุนซื่อจะได้กลับบ้านโดยเร็วที่สุด
ภายในห้องขังนั้นทั้งมืดมิดและสกปรก ซุนซื่อต้องทนทุกข์อย่างยิ่งในห้องขังแบบนั้น
นอกจากนี้ ครอบครัวนี้ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากซุนซื่อ
หากไม่มีการดูแลของซุนซื่อ ทุกพื้นที่ภายในบ้านจะมีแต่ความสกปรกและไม่มีใครยอมทำความสะอาด กู้ฉวนลู่ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงเรียกพนักงานสองสามคนในร้านอาหารมาช่วยทำความสะอาด
แต่พนักงานเหล่านั้นเป็นคนในร้านอาหาร และร้านอาหารนั้นก็ไม่ใช่ของกู้ฉวนลู่
หลังจากเรียกมาครั้งแรกและครั้งที่สอง กู้ฉวนลู่ก็รู้สึกอับอายเกินกว่าจะเรียกพวกเขามาอีก หากจะจ้างคนอื่นเขาก็ต้องยอมเสียเงิน แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว กู้ฉวนลู่ก็รู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่จะลืมมันไป
เขาไม่ต้องนอนข้างนอกก็เพียงพอแล้ว
ทุกคำพูดที่ออกจากปากของกู้ซินเถาล้วนมีเหตุผล ไม่ว่าพวกเขาจะขอความช่วยเหลือจากใคร จะสะดวกเท่าการหาไปหาเจียงหย่วนได้อย่างไร
ตราบใดที่ได้พบเจียงหย่วน และนำเรื่องทั้งหมดบอกแก่เจ้าเมือง ความผิดของซุนซื่อจะถูกลบล้าง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ฉวนลู่ก็พยักหน้าและบอกกู้ซินเถาถึงข่าวลือที่เขาได้ยินข้างนอกในช่วงเวลานี้
“ได้ยินมาว่าคุณหนูจากเมืองหลวงมาอาศัยอยู่ที่ตระกูลเจียง ฮูหยินเจียงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี และแทบจะประเคนทุกสิ่งในเมืองนี้ให้กับคุณหนูคนนั้น” กู้ฉวนลู่พูดพร้อมกับถอนหายใจ “ได้ยินทุกคนบอกว่า ฮูหยินเจียงใจดีกับคุณหนูคนนั้นมาก เป็นเพราะเจียงหย่วนจะแต่งงานกับคุณหนูคนนั้นในอนาคต…”
กู้ฉวนลู่พูดพลางลอบมองสีหน้าของกู้ซินเถา
แน่นอนว่า เขาเห็นความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าของกู้ซินเถา ทั้งคับข้องใจทั้งโกรธเคือง
“ซินเถา เจ้าก็รู้ว่าปกติแล้วฮูหยินเจียงตระหนี่เพียงใด แค่ครานี้นางใจกว้างกับคุณหนูหลิวมาก ประการแรกคือ การเอาอกเอาใจ และประการที่สองคือ สิ่งที่ทุกคนพูดล้วนถูกต้อง” กู้ฉวนลู่มองหน้ากู้ซินเถาที่มีสีหน้าไม่ดี เขาจึงต้องบอกนางเกี่ยวกับเรื่องนี้
กู้ซินเถาพยักหน้า “ข้ารู้…”
ยิ่งกว่านั้น วันนี้นางเห็นคุณหนูคนนั้นแล้ว นางมีงดงามยิ่งนัก งดงามกว่าตัวเองหลายเท่า และอายุของนางเองก็เหมาะสม นางโตเต็มวัยแล้ว
แต่ช้าก่อน คุณหนูหลิวดูเหมือนจะอายุสิบห้าหรือสิบหกปี แต่เจียงหย่วนอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น นางแก่กว่าเจียงหย่วนด้วยซ้ำ!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าเศร้าโศกของกู้ซินเถาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ราวกับคิดว่านางมีต้นทุนที่น่าภาคภูมิใจมากกว่าหลิวเทียนฉือ กู้ซินเถารู้สึกภูมิใจอยู่พักหนึ่ง
หลิวเทียนฉือแก่กว่าเจียงหย่วน และจะกลายเป็นนายหญิงที่อายุมากในอนาคต นางจะแข่งขันกับตัวเองได้อย่างไร!
กู้ซินเถาลืมไปแล้วว่านางอายุน้อยกว่าเจียงหย่วนสองปี และอายุน้อยกว่าหลิวเทียนฉือเพียงสี่ปีเท่านั้น
ครอบครัวที่ร่ำรวยนี้ สิ่งที่พวกเขากินล้วนเป็นของชั้นหนึ่ง ซึ่งดีกว่าของราคาถูกหลายเท่า
นี่คือเหตุผลที่ฮูหยินเจียงจะดูอ่อนวัยกว่าผู้หญิงวัยเดียวกันที่ทำงานนอกบ้าน
คนไม่ต้องทำงานก็อยู่ดีกินดีไปวัน ๆ อยากกินรังนกก็ได้กินรังนก อยากกินอุ้งตีนหมีก็ได้กินอุ้งตีนหมี บำรุงตัวเองเช่นนี้จะดูไม่ดีได้อย่างไร
สตรีในหมู่บ้านเหล่านั้นไม่เพียงแต่ต้องซักผ้าและทำอาหารเท่านั้น แต่ยังต้องไปทำงานในไร่นาอีกด้วย ผิวหนังเหี่ยวย่นและแห้งกร้านเพราะตากแดดตากลมอยู่ทุกวัน วันแล้ววันเล่าผิวหนังของสตรีในหมู่บ้านก็ยิ่งดูมีอายุกว่าผิวพรรณของฮูหยินเจียง
คำเหล่านี้เหมาะสำหรับหลิวเทียนฉือโดยธรรมชาติ นางเป็นคุณหนูคนโตในเมืองหลวง นางมีเกียรติกว่ากู้ซินเถาเล็กน้อย
แม้แต่คนของตระกูลเจียงยังต้องไปประจบประแจงนาง สถานะของนางย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
กู้ซินเถาไม่คิดว่าสถานะของนางจะสูงกว่าตัวเอง และหากเจียงหย่วนแต่งงานกับนางในอนาคตย่อมดีกว่าแต่งงานกับตัวเองเป็นพันเท่า ตราบใดที่เสื้อมาค่อยชูมือ ข้าวมาค่อยอ้าปาก*[1] โดนเอาอกเอาใจทั้งวันราวกับเด็กสี่ขวบ จะมองออกได้อย่างไร
กู้ซินเถารู้สึกภูมิใจมากราวกับว่านางได้เห็นรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของหลิวเทียนฉือตอนนางแก่แล้ว
กู้ซินเถาได้พบกับหลิวเทียนฉือแล้วในวันนี้ ดังนั้นนางจึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางก็กลับมาภูมิใจอีกครั้ง
กู้ฉวนลู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอก กู้ฉวนลู่เหลือบมองนาง และกู้ซินเถาก็วิ่งออกไปเปิดประตูอย่างไม่ต้องคิด
ดึกขนาดนี้แล้วใครมากัน
เสียงเคาะประตูดังมาก ราวกับมีเรื่องด่วน
กู้ซินเถารู้สึกโกรธอยู่ในใจ แต่ตอนนี้กู้ฉวนลู่กำลังมองตัวเองด้วยรูปลักษณ์นั้นอีกครั้ง
เมื่อไม่มีซุนซื่อที่เป็นสาวรับใช้ของทุกคนในครอบครัวนี้ นางจึงต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จากนั้นก็คิดถึงตอนที่คุณหนูหลิวลงจากรถม้า นางมีสาวรับใช้ประคองร่างและคนรับใช้คนหนึ่งกำลังรออยู่ด้านข้าง
เมื่อนึกถึงโลกแห่งความแตกต่างระหว่างทั้งสอง กู้ซินเถาก็รู้สึกอึดอัดมาก
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “จะเคาะอะไรนักหนา ถ้าประตูพังเจ้าจะชดใช้หรือไม่”
กู้ซินเถาปลดกลอนประตู และต้องการสอนบทเรียนที่ดีให้กับคนผู้นั้น
“เจ้า…” กู้ซินเถาเปิดประตู ครั้นประตูถูกเปิดออกนางก็เห็นสาวสวยยืนอยู่ที่ประตู กำลังมองมาที่ตนเองด้วยรอยยิ้ม
หากแต่ความเย่อหยิ่งนั้นฉายชัดในแววตาของนาง
กู้ซินเถากลืนคำพูดของนางลงไปด้วยความงุนงง
หญิงคนนี้คือหญิงที่นางเห็นที่หน้าประตูตระกูลเจียง นางเป็นสาวรับใช้ข้างกายของคุณหนูคนนั้น
ใบหน้าของกู้ซินเถาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ หากแต่นางก็ยังมีมารยาทและไม่สามารถรุกรานคนที่อยู่ข้างหน้าได้
กู้ซินเถาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “เจ้าเป็นใคร?”
“แม่นางกู้เป็นคนชั้นสูงที่หลงลืมสิ่งต่าง ๆ ง่ายเสียจริง ๆ เช้านี้ที่ประตูของตระกูลเจียง ข้าเป็นสาวรับใช้ของคุณหนูหลิว ชื่อเสี่ยวเถา!” เสี่ยวเถาแนะนำตัวเอง
ตอนนี้สามารถเห็นความโกรธในดวงตาของกู้ซินเถาได้ชัดเจน แต่โชคดีที่กู้ซินเถาค่อนข้างฉลาด นางจึงซ่อนแววตานั้นได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินว่าสาวรับใช้นางนี้ชื่อเสี่ยวเถา นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและรู้สึกรำคาญมากขึ้น
นางมีชื่อเหมือนกับสาวรับใช้!
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบุคคลนี้มาจากเมืองหลวง กู้ซินเถาจึงไม่กล้าแสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมา
“แม่นางมาที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือไม่?” กู้ซินเถาจำได้ว่า ในเวลานั้นพวกนางทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
*[1] เสื้อมาค่อยชูมือ ข้าวมาค่อยอ้าปาก หมายถึง ทำอะไรเองไม่เป็นเพราะมีคนทำให้หมด