บทที่ 763 เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง
บทที่ 763 เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง
จากนั้นสวีเฉิงเจ๋อก็เอ่ยถามว่า “หนิงอัน วันนี้เจ้า…”
ในขณะนี้กู้หนิงอันมองไปที่สวีเฉิงเจ๋อ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพะว้าพะวังและรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
บทเรียนของเช้าวันนี้ไม่เข้าหูเขาเลยจริง ๆ โชคดีที่ตอนเรียนเสร็จ ตนเองได้ทบทวนบทเรียนกับอาจารย์
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันไม่อยู่ในสภาพที่ดี สวีเฉิงเจ๋อก็เป็นกังวลเล็กน้อย
กู้หนิงอันเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขา และเป็นศิษย์ที่ดีที่สุดในหอหนังสืออวี้ นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานยังทำงานหนักมากเพื่อส่งเขามาเรียนหนังสือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่ทำให้กู้เสี่ยวหวานผิดหวังเด็ดขาด
ครั้นเห็นกู้หนิงผิงไม่เอ่ยสิ่งใด และทำเพียงมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า สวีเฉิงเจ๋อจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย และเคาะโต๊ะเตือน “หนิงอัน วันนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่? ทำไมเจ้าถึงใจลอยเช่นนี้?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของสวีเฉิงเจ๋อ กู้หนิงอันก็กลับมารู้สึกตัวและพูดด้วยความเคารพทันทีว่า “อาจารย์…”
สวีเฉิงเจ๋อพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเขาได้สติกลับมาแล้ว “ในอนาคตอย่าทำอย่างนี้อีก เวลาเป็นสิ่งมีค่า การตั้งใจเรียนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าไม่สามารถทำให้พี่สาวของเจ้าผิดหวังได้!”
เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพี่สาวของตน กู้หนิงอันดูเหมือนจะเห็นแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวของสวีเฉิงเจ๋ออีกครั้ง
ถ้า…
กู้หนิงอันมีความคิดในใจที่พร้อมจะเผยออกมาตลอดเวลา เขาเลียริมฝีปากด้วยความประหม่าเล็กน้อยและถามอย่างไม่สนใจ “อาจารย์ ข้ามีประโยคหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ได้โปรดสอนข้าด้วย!”
“เจ้าว่ามาเถอะ…”
“‘เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง เฝ้าถวิลถึงเธอทั้งยามตื่นและยามหลับ เฝ้าแต่คำนึงถึงนาง นอนพลิกหงายพลิกคว่ำไม่อาจข่มตาให้หลับ’ อาจารย์ ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร?” กู้หนิงอันถามด้วยดวงตาที่สดใส
สวีเฉิงเจ๋อคิดว่ากู้หนิงอันไม่เข้าใจจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงอธิบายประโยคนี้ให้เขาฟังอย่างรวดเร็ว “หมายความว่าไม่ได้พูดคุยกับหญิงสาวหลายครั้ง ความเจ็บปวดจึงแผ่ซ่านเต็มหัวใจ ความรักใคร่ดูเหมือนจะหนักหนาจนทำให้กลางคืนยาวนานกว่าเดิม พลิกไปพลิกมาหลับไม่ลงและคงอยู่จนถึงรุ่งสาง”
กู้หนิงอันตอบรับและพยักหน้า ทันใดนั้นก็พูดอะไรบางอย่างซึ่งเกือบทำให้สวีเฉิงเจ๋อกระแทกหมึกตรงหน้าเขา
“แล้วอาจารย์คุยกับพี่สาวของข้าแล้วหรือยัง?” กู้หนิงอันพูดประโยคนี้อย่างใสซื่อซึ่งทำให้สวีเฉิงเจ๋อตกใจ เขากำลังบดหินฝนหมึกอยู่ การเคลื่อนไหวของเขาจึงหยุดชะงักเล็กน้อย เขามองไปที่กู้หนิงอันอย่างทำอะไรไม่ถูก
ดูเหมือนว่ากู้หนิงอันจะมองความคิดของเขาออกแล้ว
“เจ้า… เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สวีเฉิงเจ๋อรู้สึกอึดอัดใจและเลียริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่สามารถพูดได้เต็มประโยค
เขาเกลียดตัวเองจริง ๆ ทำไมทุกครั้งที่เขาพูดถึงกู้เสี่ยวหวาน ฝ่ามือของเขาจะมีเหงื่อออก และร่างกายจะสั่นสะท้านด้วยความประหม่า!
หลังจากที่สวีเฉิงเจ๋อพูดจบ เขาก็มองไปที่กู้หนิงอัน
ดวงตาของกู้หนิงอันกลมโตและเต็มไปด้วยควาามจริงจัง
เด็กชายไม่ได้ตั้งใจจะล้อเล่นกับเขาเลย “ในเมื่ออาจารย์รักพี่สาวของข้า ทำไมอาจารย์ถึงไม่บอกพี่สาวของข้าให้ชัดเจน?”
ดูเหมือนว่ากู้หนิงอันได้แสดงความคิดของเขาอย่างชัดเจนและถี่ถ้วน
สวีเฉิงเจ๋อวางหมึกในมือของเขาลง ก่อนจะทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงบนเก้าอี้และเอนกายพิงพนักเก้าอี้
ขาแข้งของเขาอ่อนแรง “ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งที่ข้าเห็นพี่สาวของเจ้า ข้าก็ตื่นเต้นมาก แต่ข้าพูดอะไรไม่ออก นับประสาอะไรกับพี่สาวของเจ้า! ยิ่งกว่านั้น ข้ารู้ตัวว่าข้าแก่กว่าพี่สาวของเจ้ามาก ถ้านางไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าเกรงว่า…”
สวีเฉิงเจ๋อรู้สึกกระวนกระวายใจมาก หลังจากที่เขาพูดคำเหล่านี้ฝ่ามือของเขาก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ
เขาไม่มีความทะเยอทะยาน แต่เมื่อถึงเวลาไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถเปิดปากของเขาได้
หากกู้เสี่ยวหวานส่งสัญญาณบางอย่างสักหน่อยก็คงดี แต่ตอนนี้เขาหมดเรี่ยวแรงและไม่รู้จะทำอย่างไร
เวลานี้ไม่มีคนที่อยู่หน้าห้องเรียน และอธิบายบทเรียนอย่างเก่งกาจ
กู้หนิงอันขมวดคิ้ว
รูปลักษณ์ของอาจารย์นั้นแตกต่างจากของฉินเย่จืออย่างมาก
อย่างไรก็ตาม พี่สาวของเขากำลังจะถึงวัยปักปิ่น และในอนาคตนางจะต้องแต่งงานอย่างแน่นอน
ถ้ามีคนต้องเป็นพี่เขยของเขาจริง ๆ เมื่อเทียบกับฉินเย่จือ กู้หนิงอันรู้สึกว่าสวีเฉิงเจ๋อที่อ่อนโยนราวกับหยกนั้นเหมาะกับพี่สาวของเขามากกว่า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้หนิงอันมองไปที่สวีเฉิงเจ๋อและมีความรู้สึกจริงใจมากขึ้น
“ถ้าอาจารย์จริงใจ พี่สาวไม่สนใจเรื่องมารยาทเหล่านั้นอย่างแน่นอน!” กู้หนิงอันกล่าวอย่างจริงใจ
ถ้าพี่สาวสามารถแต่งงานกับสวีเฉิงเจ๋อได้จริง ๆ มันคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดี!
“ข้า…” สวีเฉิงเจ๋อไม่สามารถพูดอะไรได้
“ในเมื่ออาจารย์ไม่สามารถพูดได้ ทำไมถึงไม่เขียนด้วยมือล่ะ!” กู้หนิงอันพูดอีกครั้ง เมื่อคิดถึงสวีเฉิงเจ๋อที่จะตื่นตระหนกเมื่อเห็นพี่สาวของเขา มันคงจะดีกว่านี้หากอีกฝ่ายเขียนจดหมายให้พี่สาวของตน
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ สวีเฉิงเจ๋อก็พยักหน้าด้วยความดีใจ “เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ! ทำไมข้าคิดไม่ถึงกัน!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลงมือเขียนจดหมายทันที กู้หนิงอันมองไปที่สวีเฉิงเจ๋อแล้วยิ้ม หากแต่ไม่รบกวนอีกต่อไป เขาเดินออกจากห้อง ปล่อยให้สวีเฉิงเจ๋อเขียนจดหมายอยู่เพียงลำพัง
ความคิดของฉินเย่จือที่มีต่อพี่สาวของตน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้กู้หนิงอันก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าฉินเย่จือจะทำอะไร กู้หนิงอันก็มักจะมีความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะหลอกลวงพี่สาวด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ในครอบครัวที่ยากจน ผู้คนมักให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์แบบจริงใจต่อกัน ไม่ว่าจะจนหรือรวย ตราบใดที่ไม่ปิดบังกันก็สามารถเอาชนะใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปร่างหน้าตา จิตใจ ความสง่างาม และศิลปะการต่อสู้ของฉินเย่จือ กู้หนิงอันเชื่อในสัญชาตญาณของเขาว่า ฉินเย่จือย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
พวกเขาทั้งหมดเป็นคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องรวยหรืออะไร ตราบใดที่พวกเขามีครอบครัวที่ปรองดองกันและมีพี่น้องที่เคารพนับถือกัน ทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่ดี
และทั้งหมดนี้สามารถมอบให้กับพวกเขาได้ ดูเหมือนว่าสวีเฉิงเจ๋อจะถือไพ่เหนือกว่า กู้หนิงอันวางเดิมพันทั้งหมดให้กับสวีเฉิงเจ๋อ
กู้หนิงอันไม่เคยคิดว่าการกระทำนี้ของเขาจะทำให้พี่สาวตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้ว่าจะสวีเฉิงเจ๋ออ่อนโยนราวกับหยก แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาทางอารมณ์และความกลัดกลุ้ม ตั้งแต่นั้นมาเขาก็รู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องในอนาคต
สวีเฉิงเจ๋อเขียนมันอย่างชัดเจน แต่หลังจากอ่านในภายหลัง เขารู้สึกว่ามันไม่ดีพอ ดังนั้นเขาจึงขยำทิ้งและเขียนใหม่อีกครั้ง
หลังจากตรึกตรองอยู่พักใหญ่ เขาก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ถ้าจดหมายของตนเองไปอยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ เสี่ยวหวานจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?