บทที่ 790 หลิวชิงซานทำตามอำเภอใจ
บทที่ 790 หลิวชิงซานทำตามอำเภอใจ
ทุกคนเห็นด้วยคำพูดที่น่าประทับใจของกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นจึงยกจอกเหล้าขึ้น
“เอาล่ะ สิ่งที่เสี่ยวหวานพูดนั้นดี ตราบใดที่เราทำงานร่วมกัน ชีวิตจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต!” ลุงจางเป็นผู้นำในการดื่มเหล้า
นี่คือเหล้าอวี้จุ้ยจากร้านจิ่นฝู บ่ายวันนี้พวกเขาไปที่ร้านจิ่นฝูซื้อเหล้ามาสองเหยือก
วันสำคัญแบบนี้จะขาดเหล้าได้อย่างไร!
เมื่อเห็นว่าทุกคนตื่นเต้น เลยทักทายทุกคนขณะกินข้าว ทุกคนหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบอาหารในจานที่อยู่ตรงหน้า
ตอนที่ทุกคนจิบเบา ๆ เหล้าอวี้จุ้ยนี้มีกลิ่นหอม แต่เหล้านั้นออกฤทธิ์แรง ทุกคนจึงไม่กล้าดื่มมาก มีเพียงหลิวชิงซานที่ดื่มเข้าไปหนึ่งอึก หลังจากวางจอกลง เขาก็เม้มริมฝีปากราวกับว่าเขามีบางอย่างจะพูด
เขาพึมพำเบา ๆ ว่าการดื่มเหล้าในถ้วยเล็ก ๆ แบบนี้จะไปสนุกอะไร!
หลิวชิงซานพึมพำเบา ๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะกัน จึงไม่มีใครได้ยินสิ่งที่หลิงชิงซานพูดอย่างชัดเจน
แต่มีสามคนที่ได้ยิน
คนแรกคือกู้ฟางสี่ที่อยู่ถัดจากหลิวชิงซาน นางเหลือบมองหลิวชิงซานด้วยความหวาดกลัว รู้สึกว่าตัวเองยั้งสติไม่อยู่ นางรีบหันศีรษะและก้มหน้าลงเพื่อกินอาหารในชามของตน แต่มือที่ถือตะเกียบนั้นสั่นโดยไม่รู้ตัว
และอาโม่ เขานั่งข้างหลิวชิงซาน จึงได้ยินที่หลิวชิงซานพึมพำ เนื่องจากเขาเก่งการต่อสู้ หูของเขาเองจึงดีมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถได้ยินอย่างชัดเจนว่าหลิวชิงซานพูดอะไร
อาโม่เอียงศีรษะอย่างรวดเร็วไปที่หลิวชิงซาน ครั้นเห็นว่าหลิวชิงซานวางจอกเหล้าในมือลง ไม่มีเหล้าเหลือสักหยด
อาโม่ขมวดคิ้ว ดูแล้วก็เงยหน้าขึ้น
ฉินเย่จื่อก็ได้ยินโดยธรรมชาติ
นับตั้งแต่หลิวชิงซานคนนี้เข้ามา ความสนใจของฉินเย่จื่อก็อยู่ที่หลิวชิงซาน กู้ฟางสี่ก็ยังดี ดูอ่อนแอไม่มีพิษภัย แต่หลิวชิงซานนั้นต่างออกไป ใบหน้าแหลมแก้มตอบ ตาใสแต่ดูเสแสร้ง มองแวบแรกก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี!
ครั้นฟังคำพูดของหลิวชิงซาน ดูเหมือนว่าเขาจะดื่มไปมาก
ไม่มีใครในครอบครัวมีนิสัยชอบดื่มเหล้าในวันธรรมดา แต่ปีนี้วันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนดื่มเหล้าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ดังนั้นฉินเย่จือจึงไปหาหลี่ฝานเพื่อนำเหล้ามาสองเหยือก แต่ฟังสิ่งที่หลิวชิงซานพูด ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจมากกับเหล้าอันน้อยนิดนี้
ฉินเย่จื่อหยิบน้ำแกงไก่ที่กู้เสี่ยวหวานยื่นให้เขา แล้วยกดื่ม
น้ำแกงไก่นี้เคี่ยวตลอดบ่าย รสชาติกลมกล่อมของไก่อยู่ในน้ำแกง มีกลิ่นที่หอมมาก
ชั้นของน้ำมันสีเหลืองลอยอยู่บนผิวน้ำ เดิมทีเขาจะไม่กินของที่มันเยิ้มแบบนี้ แต่น้ำแกงไก่แบบนี้หายากและมันอร่อยมากเมื่อดื่มเข้าไป
ขึ้นอยู่กับว่าการกินอาหารพวกนี้กำลังกินอยู่กับใคร!
นอกจากนี้ยังมีเนื้อตากแห้งทอดกระเทียม ใส่พริกเล็กน้อย อร่อยมากจริง ๆ
หลังจากกลีบกระเทียมงอก กู้เสี่ยวหวานก็นำมันมาปลูกในสวนหลังบ้าน ในตอนแรกนั้นถูกคลุมด้วยฟาง หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็โตเป็นต้นกล้าสีเขียวอ่อน
มันยาวเกือบเท่าตะเกียบ กู้เสี่ยวหวานจึงบอกว่ามันพร้อมกินแล้ว
พอหยิบออกมาก็มีกลิ่นหอมแปลก ๆ แต่ไม่มีใครเคยกิน
กรอบ อร่อย เป็นอาหารรสเลิศจริง ๆ
คนมากกว่าสิบคนนั่งล้อมวงคุยกัน เอะอะก็ชน เอะอะก็ดื่ม แล้วก็กินอาหาร วันที่อบอุ่นเช่นนี้ทำให้เขาหลงใหลขึ้นเรื่อย ๆ
บนโต๊ะมีฐานหมุนทรงกลม สามารถหมุนได้ ทุกคนรู้มารยาทและกฎดี หมุนอย่างช้า ๆ ไปในทิศทางเดียว จะไม่หมุนสวนทางกัน
หากเป็นของที่ตนชอบผ่านหน้าไปแล้ว จะไม่หมุนกลับ แต่ต้องรอให้มันหมุนมาตรงหน้าอีกครั้ง
เมื่อป้าจางและคนอื่น ๆ เริ่มใช้มันเป็นครั้งแรก พวกเขาอยากรู้อยากเห็นมาก แต่พวกเขาก็ปฏิบัติตามมารยาทของกู้เสี่ยวหวานเช่นกัน
กู้ฟางสี่เป็นคนขี้อาย กินแต่ของที่อยู่ตรงหน้า นางจึงไม่กล้าเอื้อมมือไปหมุนโต๊ะเลย
อาหารที่กินก็เป็นผักแบบง่าย ๆ ไม่แตะต้องพวกไก่ เนื้อ หรือสิ่งอื่น ๆ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลกใจ ครั้นเห็นไก่ตุ๋นผ่านไปด้านหน้าของหลิวชิงซาน หลิวชิงซานมองไปที่ด้านข้าง และกู้ฟางสี่ก็เอื้อมมือออกไปและกดฐานหมุนเอาไว้
อาโม่หมุนโต๊ะอยู่ตลอด เมื่อเห็นกู้ฟางสี่กดโต๊ะเอาไว้ เขาก็ถอนมือออก
ทุกคนมองมาทางนี้ ใบหน้าของกู้ฟางสี่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางก้มหน้าอย่างประหม่า
กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ เห็นหลิวชิงซานเลือกในจานไก่ตุ๋นด้วยตะเกียบ ใช้ตะเกียบแหย่ไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าที่ดูขยะแขยง
“เกิดอะไรขึ้น ไม่มีเนื้อดี ๆ สักชิ้นเลย น่องไก่หายไปไหน!” เมื่อครู่หลิวชิงซานก็เห็นว่าพวกเขาไม่ได้หยิบมาไก่กินเลย แล้วมันจะหายไปไหน
ดวงตาของหลิวชิงซานมองเข้าไปตรงชิ้นไก่อย่างยั่วยวน ในที่สุดเขาก็เห็นน่องไก่ขนาดใหญ่สองน่องอยู่ใต้จาน
หลิวชิงซานดูมีความสุข และใช้ตะเกียบคีบอย่างสุดกำลัง เขาหยิบน่องไก่ใส่ลงในชามของเขา
ไก่หนึ่งตัวมีสองน่อง ดูเหมือนว่าหลิวชิงซานจะยังไม่พอใจหลังจากเขาเลือกมาแล้วหนึ่งน่อง ดังนั้นเขาจึงหยิบน่องไก่ขนาดใหญ่อีกน่องออกมาแล้วใส่ลงในชามของตัวเอง
ไก่หนึ่งตัวมีสองน่อง และหลิวชิงซานก็เอาไปทั้งหมดในคราวเดียว
น่องไก่นั้นไม่แพง กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ก็มักจะกินมันในวันธรรมดา แต่น่องไก่เป็นเนื้อสองชิ้นที่ดีที่สุดของไก่ ทุกคนก็อยากเก็บไว้ให้คนอื่นกิน
ไม่มีใครคิดจะเริ่มหยิบไก่ขึ้นมากิน
แต่หลิวชิงซานคนนี้หยิบไปสองน่องในคราวเดียว ซึ่งพอจะเห็นได้ว่าคนผู้นี้เห็นแก่ตัว
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่หลิวชิงซานและขมวดคิ้วราวกับว่ามีร่องรอยของความรังเกียจ
หลิวชิงซานหยิบน่องไก่ขึ้นมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของเขาเลย ถือไว้ในมือข้างละชิ้นแล้วเริ่มกินมันอย่างมูมมาม
ใบหน้าของกู้ฟางสี่เกือบจะฝังอยู่ในชาม นางรู้จักนิสัยการกินของหลิวชิงซาน มีของดีก็กินอยู่คนเดียว นางเคยชินแล้ว
ทว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน หลิวชิงซานก็ยังคงเหมือนเดิม…