บทที่ 798 คนที่ไร้ยางอายที่สุด
บทที่ 798 คนที่ไร้ยางอายที่สุด
กู้ฉวนลู่พูดด้วยใบหน้าที่เขินอาย “สาวน้อยเสี่ยวหวาน อย่าว่าข้าเลย ตอนนั้นข้าเองก็สับสนมึนงง พ่อแม่ของเจ้าเสียชีวิต ข้าก็เสียใจเช่นกัน เรื่องร้านอาหารที่ชั้นบนนั่นข้าผิดเอง เถ้าแก่ก็ไล่ข้าออกแล้ว ข้าก็ไม่มีงานทำ ไม่มีอะไรจะกิน ต้องดื่มรับลมหนาว ท้องว่างไปวัน ๆ ข้าเลยตัดสินใจแล้วว่า ถ้าไม่ติดต่อพวกเจ้า ข้าก็คงได้แต่คิดไปเรื่อยเปื่อย จริง ๆ แล้วในใจข้าเป็นห่วงพวกเจ้าเสมอ!”
ด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง กู้ฉวนลู่ดูเหมือนจะกระตุ้นตัวเองให้รู้สึกเศร้า รู้สึกผิด และเช็ดน้ำตาโดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยด
ไม่เลวนี่ กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคสุดท้าย
แบบนั้นเรียกเป็นห่วงหรือ?
ไม่สนใจพวกนางไม่เท่าไร แต่สนใจว่าครอบครัวของพวกนางมีเงินเท่าไร มีที่ดินกี่หมู่ บ้านใหญ่แค่ไหน
เป็นห่วงด้วยการยื่นมือออกมาด้วยความห่วงใย และน้อมรับมันไว้เอง
ความเป็นห่วงแบบนี้ กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการ!
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานพยักหน้า กู้ฉวนลู่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานมีเหตุผล เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยเสี่ยวหวาน อย่างไรเสียในอนาคตพวกเราก็ยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข! พ่อแม่ของพวกเจ้าลาโลกไปแล้ว ต่อจากนี้ไปข้ากับป้าจะดูแลพวกเจ้าเอง”
กู้เสี่ยวหวานเอาแต่หัวเราะจนน้ำตาไหล
นี่เป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดที่เคยได้ยินมานับแต่ปีใหม่
“คุณชายกู้ ท่านเป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาบนโลกใบนี้!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้มและหัวเราะทั้งน้ำตา
ทันทีที่นางพูดจบ ใบหน้าของกู้ฉวนลู่ก็เปลี่ยนไป
“เจ้า… หมายความว่าอย่างไร…”
ไม่เพียงแต่สีหน้าของกู้ฉวนลู่เท่านั้นที่เปลี่ยนไป แม้เแต่สีหน้าของซุนซื่อกับกู้ซินเถาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
คนที่สีหน้าเปลี่ยนไปมากที่สุดคือกู้ซินเถา นางแทบจะแทรกแผ่นดินหนี และจ้องมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความโกรธ
กู้เสี่ยวหวานยิ้มแล้วมองไปที่กู้ซินเถาที่ว้าวุ่นใจและพูดทีละคำ “ข้าบอกว่า ท่านมันคนไร้ยางอายที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา!”
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกกู้ฉวนลู่ ทั้งสามคนหน้าตามีสีสันละลานตาดูสวยงามมาก
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้า…” ในที่สุด กู้ฉวนลู่ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เขาชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานแล้วตำหนิ
แต่เมื่อคิดดูแล้ว เขาก็วางมือลงอีกครั้งอย่างหมดหนทาง “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ข้ารู้… พวกข้าทำผิดมากในอดีต ไม่สำคัญว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้าหรือไม่ แต่วันนี้ข้ามาอวยพรปีใหม่เพื่อสานความสัมพันธ์กับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะยังไม่ให้อภัย แต่สายเลือดของเราก็ยังคงอยู่ และเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ!”
หลังจากที่กู้ฉวนลู่พูดจบ เหมือนว่าเขาจะมองไปที่ฉินเย่จืออย่างไม่ตั้งใจ
ดวงตาของกู้ซินเถาตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ยกเว้นการจ้องมองกู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่ สายตานี้ก็จ้องมองไปที่ร่างกายของฉินเย่จือโดยไม่ละสายตา
ช่างเป็นชายที่หล่อเหลา การร่ายรำดาบท่ามกลางหิมะนั้นสวยงามมาก
เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่หลิวเทียนฉือต้องการพาเขากลับไปด้วย ไม่ว่าจะราคาเท่าไรนางก็ยอมจ่าย
แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรีบกลับไป และบอกว่าในอนาคตอาจจะไม่กลับมาอีก เมื่อคิดถึงสิ่งนี้กู้ซินเถาก็รู้สึกร้อนใจ ทั้งโกรธ ทั้งยินดี
สิ่งที่ร้อนใจคือ หากเขาไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เขาก็คงไม่สามารถไปที่บ้านเจียงได้อีก หากเขาไม่สามารถไปที่บ้านเจียง นั่นก็หมายความว่าเป็นการยากที่จะพบกับเจียงหย่วน
สิ่งที่โกรธก็คือ นอกจากหลิวเทียนฉือจะพาแม่ของนางออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อื่นใดแก่นาง
สิ่งที่น่ายินดีคือ หลิวเทียนฉือจากไปแล้ว และไม่มีใครเถียงกับนางเกี่ยวกับฉินเย่จือ หมายความว่าในอนาคต นางสามารถมารบกวนฉินเย่จือได้!
ด้วยความงามของตัวนาง ฉินเย่จือจะไม่ใจเต้นได้อย่างไร
และสาวงามเช่นหลิวเทียนฉือผู้มีภูมิหลังที่โดดเด่น ทำไมเขาถึงได้ปฏิเสธล่ะ?
หรือว่าเขาจะตกหลุมรักกู้เสี่ยวหวานคนที่เหมือนถั่วงอกกผู้นั้นจริง ๆ?
ในใจของกู้ซินเถากำลังค่อย ๆ คิด ทันใดนั้นก็มีสายตาที่เย็นชาจับจ้องมาที่นางตลอดเวลา เมื่อกู้ซินเถาได้สติก็เห็นดวงตาที่เย็นชาของฉินเย่จือที่ไม่มีความอบอุ่นใด ๆ มองไปที่ตัวนาง
ดวงตาคู่นั้นงดงามมาก ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ
แต่ในขณะนี้มันหนาวมากราวกับหิมะกำลังโปรยปราย ตกลงมาที่คอและทำให้หัวใจหนาวเน็บ
กู้ซินเถารู้สึกหวาดกลัวกับรูปลักษณ์นั้น นางรีบถอนสายตาของนางออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางก็รู้สึกได้ว่า ดวงตาที่น่าหลงใหลคู่นั้นได้หายไปแล้ว นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉินเย่จือคนนี้น่ากลัวเกินไป!
“คำพูดของคุณชายกู้ผิดแล้ว แม้ว่าข้ากับคุณชายกู้จะมีสายเลือดเดียวกัน แต่ว่าความสัมพันธ์นั้นแย่กว่าคนแปลกหน้าเสียอีก!” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างไร้ความปรานีโดยไม่ได้ไว้หน้ากู้ฉวนลู่เลย
ครอบครัวของกู้ฉวนลู่นำหายนะมากมายมาสู่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ นางยังไม่ได้ไปหาพวกเขาเพื่อคิดบัญชีเลย พวกเขาก็มานางเพื่อสร้างสันติภาพเสียแล้ว
สร้างสันติภาพ?
กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพวกเขาจะหายไป เกรงว่าอาจเป็นเพราะเห็นใบหน้านางด้วย
เมื่อนึกถึงการกระทำของครอบครัวกู้ฉวนลู่ กลัวว่าพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ กลัวว่าสวนกู้และที่ดินหนึ่งร้อยห้าสิบหมู่แห่งนี้จะมีผลกระทบ
พวกเขาคงไม่รู้ว่าร้านฝูจิ่นเป็นของนาง ถ้าพวกเขารู้คงแห่กันมาที่นี่พร้อมกับแท่นบูชาสามอันและคำนับเก้าครั้ง
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าอย่ามาแยกไม่ออกว่าอะไรดีอะไรเลว พวกข้าแค่มาอวยพรปีใหม่ด้วยความปรารถนาดี พูดดี ๆ ไม่ฟังอย่าให้ต้องบังคับ!” กู้ซินเถากรีดร้องและพูดออกมา ความคับข้องใจทั้งหมดที่นางได้รับจากฉินเย่จือได้ถูกระบายไปที่กู้เสี่ยวหวาน
“พวกท่านทำผิดพลาดเองหรือเปล่า?” กู้เสี่ยหวานพูดอย่างไร้ความปรานี “นี่คือบ้านของข้า ถ้าท่านต้องการที่จะเล่นละครคณะใหญ่ โปรดกลับไปที่บ้านของท่าน ข้าไม่ตอนรับพวกท่าน”
พูดจบนางก็ไม่สนใจกู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ นางหันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
ประตูสวนกู้ถูกกระแทกปิดต่อหน้าพวกเขา แม้แต่สวนก็ห้ามเข้าไป พวกเขาถูกไล่ตะเพิดออกมา
กู้ฉวนลู่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสู ทั้งตนเองยังถูกหลานสาวดูถูกอย่างไร้ความปรานี
กู้ฉวนลู่รู้สึกว่าเขาไม่มีหน้าหลงเหลืออยู่แล้ว ความโกรธของเขาพุ่งขึ้นไปที่หัว
เขากระแทกสิ่งที่อยู่ในมือลงบนพื้น เผยให้เห็นถุงขนมที่บรรจุอยู่ด้านใน จากนั้นก็เหยียบมันอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธที่มีต่อกู้เสี่ยวหวาน