อยู่มาวันหนึ่ง จู่ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งปรากฏตัว มาทำความรู้จักกับพี่สาว ทั้งสองเริ่มอยู่ด้วยกันทั้งเช้าทั้งเย็น ความสนใจและความอ่อนโยนของพี่สาวเหมือนจะย้ายไปอยู่บนตัวชายคนนั้นแล้ว เขารู้สึกเหมือนตัวเองสูญเสียสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลกไป จึงเกลียดผู้ชายคนนั้นมาก ตอนหลังไปหาเรื่องทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น ไล่ให้เขาไสหัวไป ให้เขาออกไปจากชีวิตพี่สาว ผลปรากฏว่าชายคนนั้นดูถูกว่าเขาอ่อนแอเกินไป และแสดงพลังแข็งแกร่งของตัวเองออกมา ทั้งยังให้โอกาสเขาหนึ่งครั้งด้วย ส่งเขาไปที่ดาราจักรอีกผืนหนึ่ง ให้เขาได้รู้จักกับโลกอีกใบ ทั้งยังบอกเขาด้วยว่า รอให้ถึงวันที่เขาแข็งแกร่งว่าชายคนนั้นเมื่อไร ค่อยมาบอกให้ชายคนนั้นออกไปจากชีวิตพี่สาว
ดังนั้นเขาจึงได้รับโอกาสบางอย่างแล้ว ทุ่มเทฝึกฝนอยู่ในโลกใบนั้น รอจนกระทั่งเขาเติบโตอย่างแท้จริงแล้ว ปล่อยวางความอวดดื้อถือดีแล้ว หลังจากสามารถยอมรับความรักระหว่างพี่สาวและชายคนนั้นได้จริง เข้าใจแล้วว่าตัวเองควรทำอะไร แต่กลับไม่สามารถปกป้องพี่สาวที่จิตใจงดงามบริสุทธิ์คนนั้นได้
วันนี้ได้เห็นพี่สาวสงบสุขปลอดภัยดี ตัวเองกลับยังปวดใจไร้ที่เปรียบ นึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองจากไป พี่สาวคงไม่ออกจากมหาสมุทรฟ้าครามผืนนั้นเพื่อไปตามหาเขา คงไม่จากบ้านเกิดของตัวเองไป และคงไม่ประสบเคราะห์ร้ายนั่นด้วย คงไม่ได้รับความทุกข์ทรมานมากขนาดนั้…
ประมุขไป๋ยืนอยู่นอกฟองอากาศใส เมื่อเห็นฉากที่รั่วสุ่ยลูบศีรษะเกาก้วนพร้อมพูดคุยอย่างอ่อนโยน เขาก็ลูบจมูกอย่างอับอายเล็กน้อย
เขาเข้าใจชัดเจน ว่าคนที่ก่อกรรมชั่วทั้งหมดก็คือเขาเอง
ในฐานะที่เป็นบุตรสาวแห่งท้องทะเล รั่วสุ่ยไม่อยากจากมหาสมุทรสีครามแห่งนี้ไป เพราะนางคือองค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งท้องทะเลผืนนั้น เผ่าของนางมีตำนานเล่าขานกันมาหนึ่งเรื่อง บอกว่าถ้าออกจากมหาสมุทรผืนนี้ไปแล้วจะกลายเป็นฟองอากาศแล้วตายจากไป แต่เขายังมีเรื่องที่ตัวเองยังทำไม่สำเร็จต้องไปทำ เพื่อจิตใจที่เห็นแก่ตัวของตัวเอง เพื่อที่จะพาผู้หญิงคนนี้ไปด้วย เขาหลอกน้องชายของนางออกไปเป็นเหยื่อล่อ เขาจึงพาผู้หญิงคนนี้ออกจากบ้านเกิดไปได้สมใจปรารถนา
และเขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่ป้องกันตัวเลย เพื่อที่จะแทรกคนที่ไว้ใจได้ไปอยู่ข้างกายประมุขชิง เขาทำเรื่องที่ต่ำช้ายิ่งกว่านั้น เนื่องจากมีรั่วสุ่ยคอยควบคุมเกาก้วน เขาจึงแอบคิดหาทางผลักเกาก้วนให้ไปอยู่ข้างกายประมุขชิง อย่าว่าแต่ประมุขชิงเลย แม้แต่เกาก้วนเอง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือมือผลักที่อยู่หลังม่าน เพื่อตัดขาดช่องโหว่เรื่องที่รั่วสุ่ยกับเกาก้วนรู้จักกัน เขาก็หาข้ออ้างประมาณว่าอย่าทำให้เกาก้วนตกอยู่ในอันตรายมาเพื่อควบคุมรั่วสุ่ย
เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเอง ในที่สุดรั่วสุ่ยก็เข้ามพัวพันอยู่ในความขัดแย้ง
เดิมทีนึกว่ามีเกาก้วนอยู่ข้างกายประมุขชิง แล้วจะสามารถป้องกันเหตุไม่คาดคิดได้ทันเวลา เขานึกว่าหลังจากล้มตระกูลเซี่ยโห้วเพื่อล้างแค้นให้อาจารย์แล้ว ตัวเองจะสามารถพารั่วสุ่ยจากไปได้อย่างไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด ไม่ติดค้างอะไรรั่วสุ่ย แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเพื่อที่จะสู้กับเขา คนบางคนนั้นระมัดระวังตัวถึงขีดสุด แม้แต่เกาก้วนก็ปิดบังไว้ สุดท้ายจึงกลายเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้าย
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แต่ตัวหมากอย่างเกาก้วนที่วางไว้ข้างกายประมุขชิง สุดท้ายก็ได้แสดงบทบาทที่ยิ่งใหญ่
ขณะมองฉากที่พี่น้องหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ประมุขไป๋ก็ไม่ได้รบกวน เดินช้าๆ ไปข้างหน้าต่าง ทอดสายตามองดาราจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปและคืนความสงบสุขให้ผู้หญิงคนนี้ได้
ที่โชคดีก็คือ ในที่สุดก็ปกป้องผู้หญิงคนนี้ไว้ได้แล้ว ไม่ได้ให้นางพิสูจน์ตำราโบราณที่เล่าสืบต่อกันมา ไม่ได้ทำให้นางกลายเป็นฟองน้ำสลายหายไป
นอกหน้าต่างเป็นดาราจักรที่สวยงามแพรวพราว ประมุขไป๋ที่ดวงตาดูเลื่อนลอยกลับกำลังนึกถึงเรื่องในอดีต บุญคุณความแค้น การแยกแยะดีชั่ว ความรักความแค้น ลมคาวฝนเลือด แต่ละฉากวาดผ่านตรงหน้า บางทีก็มีแต่ต้องปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปจริงๆ แล้วเท่านั้นถึงจะปล่อยวางได้ ถ้าไม่หยิบมันขึ้นมาอีกครั้งแล้วจะวางลงได้อย่างไร…
อุทยานหลวง สวนกลางเขียวขจีที่เคยสงบสุขมาตลอดเปลี่ยนเป็นแออัดเล็กน้อย แม่เฒ่าลวี่นำสาวงามของวังหลังตำหนักสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนมาคุ้มครองไว้ที่นี่
ย้อนมองบรรดาสาวงามเหล่านี้ หลังจากรู้ข่าวว่าชิงและพุทธะรบแพ้ ก็ทำให้ทุกคนเหมือนนกตื่นตกใจทันที หวาดหวั่นใจจนอยู่ไม่สงบสุขแม้แต่วันเดียว ในฐานะที่เป็นผู้หญิงข้างกายประมุขชิง ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอันน่าอนาถอะไรรอพวกนางอยู่
มีบางส่วนที่เดิมทีนึกว่าตัวเองจะไม่เป็นอะไร ยกตัวอย่างเช่นพวกก่วงลิ่งกงกับเถิงเฟยที่ไปอยู่ฝั่งหนิวโหย่วเต๋อแล้ว เดิมทีพวกเขาก็เป็นคนผลักดันให้พวกนางเข้าวังอยู่แล้ว หลังจากรู้ว่าชิงและพุทธะรบแพ้ พวกนางก็แสดงความจงรักภักดีต่อเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังตัวเองทันที คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นจะช่วยให้พวกนางรอดพ้นอันตรายได้
ทว่าคำตอบที่ได้มาส่วนใหญ่จะคลุมเครือ ทำให้พวกนางท้อใจ ในบรรดาผู้หญิงพวกนี้ มีไม่น้อยที่เป็นคนเข้าใจหลักการเหตุผล พอแจ้งให้ทราบว่าใต้หล้ารวมการปกครองเป็นหนึ่งเดียวแล้ว หนิวโหย่วเต๋อกุมอำนาจมหาศาล กฏกติกายังไม่กำหนด การลงโทษและให้รางวัลยังไม่กำหนด แค่อารมณ์ชั่ววูบของหนิวโหย่วเต๋อก็สามารถตัดสินความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของตระกูลตระกูลหนึ่งได้ ตอนที่กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นหรือจะลง สตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นก็ไม่มีใครเอ่ยถึงความสัมพันธ์กับประมุขชิงให้กลายเป็นจุดอ่อนในเวลานี้ ขนาดจะขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ยังทำไม่ทันเลย มีหรือที่จะเป็นฝ่ายหาเรื่องใส่ตัวก่อน
ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ พวกนางกลายเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งแล้ว
เมื่อมาถึงตอนนี้ บรรดาสาวงามจึงเริ่มกลัวแล้วจริงๆ ตั่วสั่นหวาดกลัวอยู่ภายใต้กาคุ้มครองของแม่เฒ่าลวี่ ไม่มีสาวงามคนไหนเคยคิด ว่าแม่เฒ่าปลูกดอกไม้ที่ยามปกติไม่โดดเด่นอะไรจะกลายเป็นฉากกำบังสุดท้ายของพวกเนาง
แน่นอน มีสนมที่ไม่กลัวเช่นกัน เพราะเดิมทีพวกนางก็เป็นคนที่ฝั่งเหมียวอี้ส่งเข้าวังมาอยู่แล้ว
สวนกลางเขียวขจีถูกกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อล้อมไว้แล้ว แต่กล่าวโดยภาพรวม พวกเขายังไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้วเพราะเกรงใจความสัมพันธ์ระหว่างแม่เฒ่าลวี่กับเฟยหง
แต่ในสวนนี้มีสาวงามเยอะเกินไปจริงๆ ล้วนเป็นความงามที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะคนไหนก็เป็นประเภทที่หาพบได้ยากได้โลก ทหารที่เฝ้าอยู่ข้างนอกมองแค่สองสามทีก็กระเหี้ยนกระหือรือแล้ว มีหรือที่จะอดใจไม่แตะต้องผลประโยชน์ของมวลชนไหว
บางคนใช้ข้ออ้างว่าลาดตระเวนเพื่อมาดู เข้ามาดูด้วยข้ออ้างนั้น
แม่ทัพภาคแซ่เสิ่นคนหนึ่งนำลูกน้องสิบกว่าคนเดินวางโตเข้ามาในสวนกลางเขียวขจี สายตาสำรวจสอดส่องไปทั่ว เห็นเพียงเทพธิดาที่กำลังทำงานจิปาถะ ไม่เห็นสนมของประมุขชิง อดไม่ได้ที่จะถามอย่างแปลกใจ “คนล่ะ? คนหายไปไหนหมด?”
คนโดนก่อกวนจนกลัวแล้ว พากันไปหลบแล้ว
แม่เฒ่าลวี่ถือไม้เท้าเดินเข้ามา หลังจากทำความเคารพแล้วก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าขุนพลมีอะไรจะกำชับ?”
แม่ทัพภาคเสิ่นถามด้วยน้ำเสียงปกติ “สนมนักโทษของวังสวรรค์พวกนั้นไปไหนแล้ว ไม่ใช่ว่าหนีไปแล้วหรอกนะ?”
แม่เฒ่าลวี่ถอนหายใจ “ด้านนอกมีทหารเฝ้าอยู่มากมาย จะหนีไปไหนได้ ทุกคนกำลังทบทวนตัวเองแล้ว”
“เรียกออกมา แม่ทัพภาคผู้นี้มีบางเรื่องต้องตรวจสอบ” แม่ทัพภาคเสิ่นกล่าว
เมื่อเจอกับเสี้ยนหนามแบบนี้ แม่เฒ่าลวี่ก็จนใจมาก เรื่องบางเรื่องคนใหญ่คนโตงั้นทำอะไรมีขอบเขต กลับเป็นพวกผีต่ำต้อยลูกน้องพวกนี้ที่เล่นแง่ อีกฝ่ายหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลแล้ว เจ้าจึงไม่มีทางปฏิเสธได้ นางจึงทำได้เพียงให้คนเรียกบรรดาสนมที่อยู่แถวนั้นออกมา
ขณะเดียวกันก็แอบกำชับพวกเทพธิดาไปด้วย สั่งให้ไปเชิญคนมา เทพธิดาคนหนึ่งรีบเดินออกไปปฏิบัติตาม
สนมที่งดงามเลิศล้ำห้าคนมาถึงด้วยสีหน้ากังวล พวกนางยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ก้มหน้าไม่พูดอะไร
“เงยหน้าขึ้นมาให้หมด” แม่ทัพภาคเสิ่นกล่าวเสียงเย็น
สนมห้าคนเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ รู้สึกเหมือนโดนหยามเกียรติ ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนนี้ แม่ทัพภาคกระจอกๆ คนหนึ่งจะกล้าพูดอย่างนี้กับพวกนางเสียที่ไหนกัน
ผ่านไปครู่เดียว สายตาของแม่ทัพภาคเสิ่นก็ไปหยุดอยู่บนตัวคนที่อยู่ฝั่งซ้ายสุด เรือนร่างของสนมคนนั้นทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเสียวซ่าน จึงไปมองตรงหน้าศีรษะจดเท้า เดี๋ยวก็เดินอ้อมไปมองข้างหลังอีก เหมือนมองเท่าไหร่ก็ไม่หนำใจ จู่ๆ ไปยื่นมือไปบีบก้นสนมคนนั้น
“อ๊า!” สนมคนนั้นร้องตกใจ รีบย้ายตัวหลบ ทำเอากลุ่มผู้ชายที่ยืนดูอยู่ข้างๆ หัวเราะลั่น แต่ละคนท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ
ตุ้ง! แม่เฒ่าลวี่กระทุ้งไม้เท้าลงพื้นอย่างแรง “ขุนพลอย่าทำเกินไปนะ”
ในขณะนี้เอง สนมคนหนึ่งที่ชื่อว่าฉางเจวียนก็เร่งฝีเท้าเดินตามเทพธิดาคนหนึ่งเข้ามา แล้วตะคอกถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
แม่ทัพภาคเสิ่นหันกลับไปเห็นการแต่งกาย ดูแล้วคงจะเป็นสนมคนหนึ่งเหมือนกัน ก็รู้สึกบันเทิงทันที พูดหยอกล้อว่า “เหตุใดสาวงามจึงใจร้อนเช่นนี้ รสชาติของการครองตัวเป็นหม้ายคงทรมานใช่ไหมล่ะ?” พูดจบก็จะไปยื่นมือไปลูบแก้มฉางเจวียน
ฉางเจวียนไม่สะทกสะท้าน ไม่หลบหลีกด้วย กล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าทำงานให้นายท่านสวีถังหราน อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครจะกล้าแต่ต้องข้า!”
แม่ทัพภาคเสิ่นยื่นมือเข้ามามือค้างอยู่กลางอากาศ แล้วก็หดมือกลับไปช้าๆ รู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย เพราะสวีถังหรานเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ข้างกายเหมียวอี้ ได้ยินว่าเป็นคนที่ต่ำช้าแบบเต็มสิบ ไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว จึงโบกมือบอกว่า “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า หลีกไป”
ขณะที่พูดก็ชี้ไปทางสนมคนที่ตัวเองล่วงเกินก่อนหน้านี้อีก “เอาตัวนางไป แม่ทัพภาคผู้นี้มีเรื่องจะสอบถาม!”
ลูกน้องสองคนพุ่งเข้ามาทันที จับแขนสนมคนนั้นไว้แล้วลากออกไปเลย สนมคนนั้นหันกลับมาวิงวอนอย่างหวาดกลัว “แม่เฒ่า ช่วยข้าด้วย!”
ฉางเจวียนถลันตัวออกไปขวางไว้ “มีอะไรทำไมถามตรงนี้ไม่ได้ ทำไมต้องพาตัวไปให้ได้? ข้าว่าเจ้ามีเจตนาไม่ซื่อมากกว่า เจ้าเชื่อไหมว่าตอนนี้ข้าจะบอกนายท่านสวี ให้นายท่านสวีบอกเรื่องนี้กับฝ่าบาท?”
ใบหน้าแม่ทัพภาคเสิ่นฉายแววดุร้าย แล้วแสยะหัวเราะหึหึ “นางตัวดี ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าแล้วยังไม่รับไว้ เราคิดว่าตัวเองนับเป็นอะไร? ฟ้องเลย เจ้าไปฟ้องได้เลย! แล้วถือโอกาสบอกนายท่านสวีด้วยว่า เมียกับลูกชายข้ารบตายเพื่อฝ่าบาทหมดแล้ว สิ้นทายาทเพื่อฝ่าบาทแล้ว อย่าบอกนะว่าแม้แต่จะหาผู้หญิงมาสืบทอดเชื้อสายสักคนก็ทำไม่ได้? ข้าไปยั่วโมโหใครเข้าแล้ว?” เขาตบหน้าอกเสียงดังแกร๊งๆ แล้วตวาดอย่างโมโห “พาตัวไป!”
ฉางเจวียนโดนเถียงจนพูดอะไรไม่ออก ฝั่งนั้นกำลังจะบังคับนำตัวสนมคนนั้นไป ด้านหลังป่าที่อยู่ไม่ไกลมีเสียงตวาดของผู้หญิง “หยุดนะ!”
ทุกคนมองไป เห็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งเดินอ้อมมาจากทางเล็ก พอแม่เฒ่าลวี่เห็นว่ามีคนมา ก็โล่งใจทันที
เฟยหงมาถึงแล้ว ซิง อดีตอ๋องอสรพิษดำอยู่ข้างกาย ข้างหลังยังมีกำลังพลทัพอารักขาของเหมียวอี้ด้วย
แม่เฒ่าลวี่เป็นคนเชิญให้เฟยหงมา แม่เฒ่าลวี่เคยขอร้องเหมียวอี้เช่นกัน แต่ดูท่าแล้ว เหมือนเหมียวอี้จะไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลย
เหมียวอี้ก็แกล้งปิดตาข้างเดียวจริงๆ อย่างที่แม่ทัพภาคเสิ่นบอก มีสมาชิกในครอบครัวมากมายรบตายเพื่อเขา ทั้งยังมีผู้บัญชาการที่สร้างผลงานพวกนั้นอีก จะขอสนมนักโทษสักคนมาเป็นรางวัลจะเป็นไรไป? ไม่ได้บีบบังคับครอบครัวคนสุจริต ทำเรื่องผิดหลักความยุติธรรมเสียหน่อย! วังหลังของประมุขชิงมีสาวงามมากขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับไว้หมด เขาไม่สะดวกจะนำมาเป็นรางวัลให้คนนู้นทีคนนี้ทีเช่นกัน ทำได้เพียงปิดตาข้างเดียว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ให้เบื้องล่างจัดการเองตามเห็นสมควร แต่แม่เฒ่าลวี่ดันขัดขวาง ทำให้เขาลำบากใจ สำหรับเขาแล้ว แม่เฒ่าลวี่ไร้เดียวสาเกินไป อย่าบอกนะว่าคิดจะปกป้องผู้หญิงพวกนี้ให้ประมุขชิง?
แม่เฒ่าลวี่ไม่ยอม รู้ว่าอาศัยหน้าตัวเองอาจต่อต้านได้ไม่นาน ถ้าถ่วงเวลาต่อไปจะเกิดเรื่องแน่นอน จึงเกาะติดเฟยหงไม่ปล่อย บีบให้เฟยหงต้องไปขอร้องเหมียวอี้ ที่เฟยหงพูดก็มีเหตุผลเช่นกัน ถ้ามองจากบางมุม แม่เฒ่าลวี่ก็ช่วยช่วยเหมียวอี้ไว้ได้มาก กอปรกับหลายปีมานี้เฟยหงไม่ค่อยเอ่ยปากขอร้องอะไร เหมียวอี้ก็แค่ไม่ได้ห้ามไม่ให้เฟยหงมา แต่กลับไม่ได้รับปากอะไร
ก็อย่างที่บอก ช้าเร็วผู้หญิงพวกนี้ก็ต้องถูกจัดการ เขาไม่อาจช่วยประมุขชิงปกป้องผู้หญิงเอาไว้ตลอดได้ ฟังดูเหลวไหว
แม่ทัพภาคเสิ่นไม่รู้จักเฟยหง แต่ดูจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว ข้างกายมีนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ติดตาม ทั้งยังมีทหารอารักขาเป็นแม่ทัพเกราะแดงจำนวนมาก จึงรู้ว่าผู้ที่มาไม่ธรรมดา ความเย่อหยิ่งอวดดีเมื่อครู่นี้หายไปทันที วิ่งเข้าไปทำความเคารพแล้วถามที่มาที่ไป
เฟยหงไม่สนใจเขา เดินตรงไปทำความเคารพแม่เฒ่าลวี่ “ท่านแม่บุญธรรม!”
เมื่อเรียกเช่นนี้ แม่ทัพภาคเสิ่นก็รู้สึกกินปูนร้อนท้อง รู้ว่าเฟยหง สนมรักของเหมียวอี้มาถึงแล้ว ถ้าไปยั่วโมโหผู้หญิงคนนี้ แม่ทัพใหญ่ผู้บังคับบัญชาของเขาอาจจะไม่สะดวกคุ้มครองเขาแล้ว การรังแกผู้หญิงของฝ่าบาทใช่เรื่องเล่นๆ เสียที่ไหนกัน? มือที่ไขว้หลังแอบโบกมือเงียบๆ ลูกน้องที่จับตัวสนมคนนั้นปล่อยมือทันที แล้วก้มหน้าเดินหนีไปเงียบๆ