บทที่ 826 แอบทำบางอย่างในห้องรับรอง
บทที่ 826 แอบทำบางอย่างในห้องรับรอง
เมื่อเห็นว่าลูกจ้างคนนั้นแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ กู้เสี่ยวหวานรับรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นนางจึงรีบพูดแทนเขา “พี่เซิ่งจื่อ ไม่เป็นไร เขาเพิ่งมาทำงานใหม่ ต่อจากนี้ค่อย ๆ สอนเขาเถอะ เขาไม่ได้ชนข้า ไม่เป็นไรหรอก”
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่เอาเรื่อง เสี่ยวเซิ่งจื่อก็เหลือบมองลูกจ้างคนนั้น ตนเองไม่อยากจะดุอีกฝ่ายเลยจริง ๆ แต่ที่นี่คือร้านอาหาร ถ้าหากเขาประมาทเลินเล่อแล้วไปวิ่งชนใครเข้า อาจจะทำให้อาหารคว่ำ หรืออาจจะทำให้ลูกค้าขุ่นเคืองได้
ลูกจ้างภายในร้านจิ่นฝูจะต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ครั้นเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานขอร้องแทนเขา เสี่ยวเซิ่งจื่อก็ไม่อาจต้านทานความเมตตาของกู้เสี่ยวหวานได้
อย่างไรก็ตาม เขายังมีบางสิ่งที่ต้องการพูด “วันนี้แม่นางกู้ไม่ถือสาเอาความกับเจ้า ถ้าในอนาคตเจ้าทำตัวประมาทเลินเล่ออีก และเจอคนเอาเรื่องขึ้นมา วันนั้นจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้”
สิ่งที่เสี่ยวเซิ่งจื่อพูดนั้นไม่ใช่การข่มขู่ ก่อนที่ลูกจ้างคนนั้นจะมาทำงานในร้านจิ่นฝู เขาย่อมรู้ดีว่ากฎของร้านจิ่นฝูนั้นเข้มงวดมาก และเขาก็รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองทำผิดพลาด ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“พี่เซิ่งจื่อ ครั้งต่อไปข้าจะระวังให้มากกว่านี้ ขอบคุณแม่นางกู้ ขอบคุณแม่นางกู้”
กู้เสี่ยวหวานทำเพียงคลี่ยิ้มและไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางเห็นด้วยกับการตักเตือนของเสี่ยวเซิ่งจื่อ แต่เมื่อเห็นลูกจ้างที่เพิ่งมาใหม่กำลังจะร้องไห้ นางจึงจำต้องพูดสิ่งดี ๆ ออกไป
อย่างไรก็ตามเสี่ยวเซิ่งจื่อพูดถูก
เขายังทำเพื่อลูกจ้างที่อยู่ตรงหน้าเขา และยิ่งกว่านั้น เขาทำเพื่อร้านจิ่นฝู
ลูกจ้างคนนั้นขอโทษและกำลังจะจากไป หากแต่เสี่ยวเซิ่งจื่อยังไม่ปล่อยเขาไป “เจ้าเป็นอะไร ทำไมจึงหน้าแดงขนาดนั้น”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่ห้องรับรองที่อีกฝ่ายเพิ่งออกมา
เมื่อลูกจ้างคนนั้นนึกถึงเรื่องราวที่เขาพบเจอเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำยิ่งขึ้น อีกฝ่ายก้มหน้างุดและไม่ยอมพูดออกมา
จนกระทั่งเสี่ยวเซิ่งจือเป็นกังวล ลูกจ้างคนนั้นก็หน้าและพูดตะกุกตะกักว่า “มะ… มีชายกับหญิง คะ… คู่หนึ่งอยู่ข้างใน”
ครั้นเสี่ยวเซิ่งจื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันทีด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
และหลังจากกู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงของลูกจ้างคนนั้นพูด ในใจของนางก็เต็มไปด้วยภาพมากมาย
ฉากไม่เหมาะสมผุดขึ้นในหัวมากมาย
หรือเพราะว่า…
มีคนทำอะไรประเจิดประเจ้อในร้านอาหารแห่งนี้
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนแรก เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้สึกประหลาดใจและรู้สึกขุ่นเคือง “อธิบายให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นี่เป็นร้านอาหารไม่ใช่หอนางโลม และยังมีคนอยู่ในร้านนี้อีกมากมาย”
เมื่อได้ยินเสี่ยวเซิ่งจื่อพูดเช่นนั้น และยังพูดถึงหอนางโลมอีก ลูกจ้างในร้านจึงคิดว่าเสี่ยวเซิ่งจื่อต้องเข้าใจความหมายของเขาผิดไป
ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายขึ้นทันใด “ไม่ใช่ ๆ พี่เซิ่งจื่อ ท่านเข้าใจผิด มีชายและหญิงสองคนอยู่ด้วยกัน”
“พวกเขาทำอะไรกัน?” หลังจากฟังเป็นเวลานาน ลูกจ้างคนนั้นก็ยังไม่ยอมพูดออกมา เสี่ยวเซิ่งจื่อจึงเริ่มเป็นกังวลและถามอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องกังวล พูดช้า ๆ และบอกทุกอย่างที่เจ้าเห็น ร้านจิ่นฝูของเราไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดา ๆ ถ้ามีใครทำเรื่องวุ่นวายในร้านอาหารของเราจริง ๆ พวกเราจะไม่อยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป คนอื่นจะคิดอย่างไรกับร้านจิ่นฝู” เมื่อเห็นว่าลูกจ้างคนนั้นต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากความกังวลและความกลัวในใจ จึงพูดไม่ออกเป็นเวลานาน และในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็เอ่ยปลอบเขา
ลูกจ้างคนนั้นยังละอายใจและรู้สึกหวาดกลัวต่อสายตาของเจียงหย่วน หลังจากที่เขาออกมาด้วยความตื่นตระหนก เขาก็เกือบชนเข้ากับแม่นางกู้และถูกพี่เซิ่งจื่อตำหนิ
หลากหลายความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในใจ
ครั้นเห็นเสี่ยวเซิ่งจื่อและแม่นางกู้พยายามจะเค้นถามความจริง เขาจึงเอ่ยว่า “ข้างในมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจับมือกัน”
เป็นเช่นนี้นี่เอง…
ไม่มีอะไรมากไปกว่าชายหญิงที่พบกันเป็นการส่วนตัวในร้านจิ่นฝูเพราะความรักของพวกเขา
เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศสดชื่น หากหนุ่มสาวรักกันก็สามารถแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันได้ นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังความรู้สึกก่อนแต่งงานในภายภาคหน้าอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมอะไร
“ดูเราสองคนสิ ทำให้เด็กคนนี้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปทำงานของเจ้าได้” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเซิ่งจื่อถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและหัวเราะ “เช่นนั้นเจ้าก็ลงไปเถอะ แล้วคราวหน้าคราวหลังก็ระมัดระวังให้มากกว่านี้ด้วยล่ะ”
นับตั้งแต่เปิดร้านฝูจิ่น แรงกายแรงใจครึ่งหนึ่งของหลี่ฝานได้ทุ่มเทให้กับร้านฝูจิ่น แม้ว่าจะมีลูกค้าในเมืองหลิวเจียจำนวนมากเช่นกัน แต่ในการจัดการร้านส่วนใหญ่ เขาจึงยกให้เสี่ยวเซิ่งจื่อจัดการ
ตอนนี้เสี่ยวเซิ่งจื่อถือว่าเป็นเจ้าของร้านครึ่งหนึ่ง และลูกค้าเหล่านั้นจึงถือว่าเสี่ยวเซิ่งจื่อเป็นเจ้านายของพวกเขาโดยปริยาย
หลังจากฟังคำพูดของเสี่ยวเซิ่งจื่อแล้ว เขาก็ก้าวเท้าเตรียมออกไป แต่ทันใดนั้นเสี่ยวเซิ่งจื่อก็นึกอะไรบางอย่างได้และถามว่า “นายน้อยเจียงกลับไปแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินเสี่ยวเซิ่งจื่อพูดถึงเจียงหย่วน เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนผู้นั้นที่อยู่ในห้องรับรองเมื่อครู่คือนายน้อยเจียง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูกค้าจ้างคนนั้นก็หน้าแดงอีกครั้ง และรีบพูดว่า “ยังไม่กลับขอรับ”
“ห้องรับรองของเขาไม่ได้ทำความสะอาดแล้วหรอกหรือ?” เมื่อเสี่ยวเซิ่งจื่อได้ยินว่าเจียงหย่วนยังไม่ออกไปจากร้าน เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่เขาเดินผ่านห้องรับรองที่เจียงหย่วนทานอาหาร เขาก็เห็นว่าลูกจ้างคนอื่นกำลังเก็บกวาดภายในห้อง
ลูกจ้างคนนั้นพยักหน้า ก่อนจะส่ายศีรษะอีกครั้งและพูดว่า “เดิมทีกินเสร็จแล้ว และเตรียมตัวที่จะกลับ แต่ระหว่างนั้นมีหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ท่าทางเหมือนกับว่าเขาสองคนรู้จักกัน นายน้อยเจียงจึงสั่งให้เปิดห้องรับรองอีกห้องและพาหญิงคนนั้นเข้าไป”
ครั้นได้ยินลูกจ้างคนนั้นบอกว่าเจียงหย่วนพาผู้หญิงนางหนึ่งเข้าไปในห้องรับรอง จากนั้นมองไปที่ใบหน้าแดงระเรื่อของลูกจ้างคนนั้น ดูเหมือนว่ากู้เสี่ยวหวานจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และถามว่า “เจ้าเพิ่งออกมาจากห้องรับรองของนายน้อยเจียงใช่หรือไม่?”
ลูกจ้างภายในร้านพยักหน้าหงึกหงักด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ใช่ขอรับ!”
ดูเหมือนว่าเจียงหย่วนจะตกหลุมรักหญิงสาวที่พามาห้องรับรอง และการสัมผัสเนื้อต้องตัวของพวกเขาถูกพบเจอโดยลูกจ้างในร้านคนนี้
เจียงหย่วนอายุไม่ได้มากเท่าไร ได้ยินมาว่าเขาอายุเพียงสิบสี่หรือสิบห้าปีเท่านั้น เขาน่าจะคุ้นเคยกับการเกี้ยวผู้หญิงไม่น้อย แต่ลูกจ้างคนนี้ดูเหมือนว่าเขาน่าจะอายุสิบสี่หรือสิบห้าปีเช่นกัน ครั้นได้เห็นชายหญิงจับมือกัน ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำราวกับลูกหยางเหมย
ลองคิดดูแล้ว มันช่างเป็นโลกที่แตกต่าง
กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยันอยู่ในใจ เมื่อลูกจ้างคนนั้นเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เขาก็เตรียมตัวจะเดินออกไป
ทันใดนั้น เรื่องบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในใจของกู้เสี่ยวหวาน นางจึงเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้จักผู้หญิงที่อยู่ในห้องรับรองกับนายน้อยเจียงหรือไม่?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาล่ะสิ เจียงหย่วนกลับมาเจอซินเถาคราวนี้ ความรักของคนทั้งสองจะเบ่งบานหวานชื่นขนาดไหนกันนะ
ไหหม่า(海馬)