บทที่ 831 เจอเจียงหย่วน
บทที่ 831 เจอเจียงหย่วน
ท่าทางเป็นสุภาพบุรุษนั้นดูราวกับจะมอบรางวัลให้แก่กู้ซินเถา และดูเหมือนว่าระยะห่างของพวกเขาจะขยับเข้ามาใกล้กันอีกก้าว
กู้ซินเถารู้สึกถึงลมหายใจอันหนักหน่วงบนริมฝีปากชวนรู้สึกคลื่นไส้ นางรับชามาอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม และยกมันขึ้นดื่มทันที
ครั้นมองใบหน้าอันเรียบเฉยนั้น สมองของกู้ซินเถาพลันหวนนึกถึงตอนที่เขาจุมพิตนางเมื่อครู่ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดอยู่ในโพรงปากของนาง รสสัมผัสนั้นทำกู้ซินเถาอยากจะอาเจียน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจียงหย่วนได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมหวานของกู้ซินเถา ความหลงใหลในตัวนางก็ทวีคูณมากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มวาดวงแขนโอบล้อมไหล่บางของเด็กสาว จากนั้นดึงรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอด
สายตาอันเต็มไปด้วยความรักเมื่อมองไปที่กู้ซินเถา และกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม
กู้ซินเถาไม่คาดคิดว่าจุมพิตนี้จะทำให้ท่าทีของเจียงหย่วนก้าวขึ้นไปอีกขั้น หลังจากนั้นความรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนก็หายไป ทดแทนด้วยความรู้สึกที่มีความสุข
“ท่านพี่หย่วน จากนี้ไปข้าเป็นคนของท่านแล้ว” กู้ซินเถาทำหน้ามุ่ย และเอ่ยอย่างเสียงใจ
ท่าทางราวกับภรรยาตัวน้อยได้รับบาดเจ็บ
เจียงหย่วนตอบโดยไม่ต้องคิด “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ทั้งสองปรับความเข้าใจกันภายในห้องรับรอง และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
เจียงหย่วนได้กลืนกินชาดสีแดงสดบนริมปากของนาง ริมฝีปากบางของนางบวมเจ่อเล็กน้อย อาจเป็นเพราะสัมผัสที่รุนแรงเกินไป
กู้ซินเถายกมือปิดฝีปากที่บวมแดง ใบหน้าที่เขินอายขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับดอกเหมย
แม้ว่านางจะยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากเอ่ยถามกับเจียงหย่วนเกี่ยวกับซุนซื่อ หลิวเทียนฉือ และฮูหยินเจียง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาถามสิ่งเหล่านี้ ตราบใดที่ตนเองจับเจียงหย่วนได้อยู่หมัด ไม่ว่าอะไรก็สามารถพูดได้
กู้ซินเถาอาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป เจียงหย่วนก็ยังคงมอบจุมพิตให้อีกฝ่าย ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ถ้าพวกเขาสองคนอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่รู้ว่าคนด้านนอกจะแพร่งพรายข่าวลือใด ๆ ออกไป
ทั้งสองบอกลากันอย่างไม่เต็มใจนัก และนัดหมายกันว่าจะพบกันใหม่ในครั้งหน้า
กู้ซินเถาเป็นคนแรกที่ออกจากห้องรับรอง ความสุขและความเขินอายบนใบหน้าไม่อาจซ่อนเอาไว้ได้มิด
ยิ่งกว่านั้น ริมฝีปากที่เจ่อบวมกำลังบอกคนอื่นว่าข้างในเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อครู่
กู้ซินเถาก้าวลงบันได้ด้วยท่าทางมีความสุข ย่างก้าวของเด็กสาวเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย หลังของนางตั้งตรง ท่าทางของราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่องของนางกับเจียงหย่วน
อย่างไรก็ตาม กู้ซินเถาต้องการให้ทุกคนรู้เรื่องของนางกับเจียงหย่วน
“ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าคนนี้กำลังวางแผนเพื่อตัวเองจริง ๆ” หลี่ฝานกลับมาแล้ว และได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเสี่ยวเซิ่งจื่อแล้ว ทั้งสองคนยืนหลบมุมในเงามืด แต่เขาสามารถเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดของร้านจิ่นฝูได้ หากแต่คนอื่นมองไม่เห็นพวกเขาสองคน
“อันที่จริง แผนการของกู้ซินเถานับว่าดีมาก แต่ข้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่” สิ้นประโยคของกู้เสี่ยวหวาน ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องรับรอง
ชายผู้นี้อายุราว ๆ สิบสี่หรือสิบห้าปี บนร่างกายสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง บรรยากาศรอบกายทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดา
ครั้นชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น กู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะเยาะเย้ยในใจ
ดูเหมือนว่าที่เสี่ยวเซิ่งจื่อกล่าวว่าหน้าตาเจียงหย่วนนั้นดูธรรมดา จะเป็นการยกยอเขาเกินไป
ไม่สามารถพูดได้ว่าธรรมดา หากแต่พูดได้ว่าอัปลักษณ์
ใบหน้าธรรมดาจนแทบจะเรียกได้ว่าอัปลักษณ์ เปลือกตาชั้นเดียวจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรง จมูกแบนราบ เมื่อมองจากระยะไกลก็สามารถเห็นรูจมูกขนาดใหญ่สองรูได้ และมีริมฝีปากที่หนาเตอะ
ด้วยลำตัวที่ป้อมสั้น จึงทำให้เรือนร่างของเขาไม่น่าดึงดูดใจ
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เขาเกิดมา บรรยากาศรอบตัวเขาเปล่งประกายไปด้วยรัศมีแห่งความร่ำรวยของรุ่นที่สอง สตรีนับไม่ถ้วนล้วนยกโขยงมาหาเขา
“เป็นเจียงหย่วนจริง ๆ” หลี่ฝานยิ้มอย่างมีเลศนัย
เขาเคยพบกับฮูหยินเจียงและเจียงอวิ้นหลิ่วมาก่อน แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่สามารถพูดได้ว่าดูดีและหล่อเหลา แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับธรรมดา
แต่ไม่คาดคิดว่าการเกิดมาของลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา จะรวมข้อบกพร่องของทั้งสองเข้าด้วยกัน สร้างเป็นเจียงหย่วนคนนี้ขึ้นมา
เสียงหัวเราะของหลี่ฝานลอยเข้าหูของกู้เสี่ยวหวาน
นางทั้งสงสัยทั้งประหลาดใจ หากแต่ก็รู้สึกโล่งใจในภายหลัง
ครอบครัวของกู้ซินเถาโลภในทรัพย์สินของนางมาโดยตลอด ตอนนี้กู้ซินเถายังเกลี้ยกล่อมเจียงหย่วนเพื่อผลประโยชน์จากเขา และอยากจะแต่งงานเข้าตระกูลเจียง
เมื่อมองไปที่ริมฝีปากที่แดงบวมของกู้ซินเถา ใบหน้าที่งดงามของกู้ซินเถา รอยยิ้มอันน่าพึงพอใจของเจียงหย่วน เมื่อกู้ซินเถาจากไป มันไม่ได้ไม่ยากที่จะเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคนในห้องรับรอง
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเยาะในใจ กู้ซินเถาคนนี้ยังไม่ถึงวัยแต่งงาน หากแต่มีความคิดเช่นนี้ ผู้หญิงนางนี้ช่างเป็นคนแก่แดดและเปิดเผยเสียจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เมื่อครอบครัวของกู้ฉวนลู่มีสิ่งอื่นที่ต้องทำ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับนาง และนางจะได้ทำสิ่งที่ต้องการในช่วงเวลานี้
ทั้งสองเข้าไปในห้องรับรอง และพบกับฉินเย่จือที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ ไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร และไม่รู้ว่าเดินเข้ามาทางไหน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่น่าแปลกใจสำหรับพวกเขาสองคน
“ท่านลุงหลี่ เรื่องของเฉินจื่อไป๋เป็นอย่างไรบ้าง” กู้เสี่ยวหวานสอบถาม
ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่นางรู้ว่าเฉินจื่อไป๋ยังมีชีวิตอยู่ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่เขายังไม่ตาย นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ในช่วงเวลานี้ หลี่ฝานยุ่งอยู่กับร้านฝูจิ่น และนอกเหนือจากนั้นก็ยุ่งอยู่กับเรื่องของเฉินจื่อไป๋
“ไม่ต้องกังวล ข้าจ่ายเงินใต้โต๊ะผู้คุมในห้องขังแล้ว และพวกเขาจะไม่ทรมานเฉินจื่อไป๋อีกต่อไป จากนี้ไปเขาจะปลอดภัย” หลี่ฝานพูดพร้อมกับยกชาขึ้นจิบ
เมื่อนึกถึงการเข้าไปในห้องขังเป็นครั้งแรก เฉินจื่อไป๋นอนอยู่ที่นั่นด้วยบาดแผลเต็มร่างกาย ท่าทางของเขาเหมือนคนกำลังจะตาย และเหลือเพียงแค่ลมหายใจอันน้อยนิด แต่เมื่อคนอื่นเอ่ยถามเขา เขาบอกเพียงว่าเขาไม่ชอบพฤติกรรมของตระกูลเจียง ดังนั้นจึงพูดเช่นนั้นออกมา
ต้องบอกว่าเฉินจื่อไป๋คนนี้ยังมีสมอง และรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด
หากเขาพบเจอโกดังเก็บเกลือทางทิศใต้ของเจียงอวิ้นหลิ่ว เขาอาจจะไม่ได้มองเห็นดวงอาทิตย์ได้แล้ว
ตระกูลเจียงมีอำนาจล้นมือในเมืองหลิวเจีย และแม้แต่ทางการก็ดูเหมือนจะจัดตั้งขึ้นสำหรับตระกูลเจียง หากเฉินจื่อไป๋ต้องการมีชีวิตอยู่หรือตายก็ง่ายดายราวกับบี้มดให้ตายคามือ