บทที่ 836 นางไม่อยากทำผิดพลาดต่อเขา
บทที่ 836 นางไม่อยากทำผิดพลาดต่อเขา
ดังคำกล่าวที่ว่า สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนที่รัก หากนางแต่งกายงดงามกว่านี้จะทำให้เจียงหย่วนหวั่นไหวมากขึ้นหรือไม่
สำหรับเจียงหย่วนและกู้ซินเถาแล้ว หลังจากที่ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์กันแล้ว เจียงหย่วนก็รู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว และตนเองก็ขอให้นางมาพบเขาทุกวัน
ทุกครั้งที่ทั้งสองลอบพบกัน ก่อนย่างเท้าออกจากบ้าน ซุนซื่อจะเตือนกู้ซินเถาอยู่เสมอ
ยามที่พวกเขาได้พบเจอกัน นอกเหนือจากการกอด จูบ ลูบไล้ กู้ซินเถายังคงยึดติดอยู่กับแนวป้องกันอย่างสุดตัว
เจียงหย่วนรู้สึกคันยุบยิบในใจและมึนงงเล็กน้อย ราวกับลิ้มลองอาหารบางอย่างและติดชะงักหากจะให้คายออกมาก็รู้สึกน่าเสียดาย
สำหรับความงดงามเช่นนี้ เขาได้ลิ้มรสมันเพียงเล็กน้อย และส่วนที่เหลือกว่าครึ่งมันทำให้หัวใจของเขารู้สึกคันยุบยิบ
ครอบครัวของกู้ฉวนลู่กำลังง่วนอยู่กับการคว้าหัวใจของเจียงหย่วน
ทางด้านกู้เสี่ยวหวานก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเฉกเช่นทุกวัน
ภายในครึ่งปีที่ผ่านมา นางไปมาระหว่างเมืองรุ่ยเสียนเพื่อดูแลกิจการ และพบว่าร้านฝูจิ่นทำกำไรให้นางได้เกือบหกพันตำลึงเงิน ซึ่งหมายความว่ารายได้ของนางคือสามพันตำลึงเงิน
หลี่ฝานและกู้เสี่ยวหวานมีข้อตกลงระหว่างกันว่าทุก ๆ หกเดือนพวกเขาจะตรวจสอบเงิน และหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จะแบ่งเงินส่วนที่เหลือออกเป็นเท่า ๆ กัน
แต่ไม่สามารถรับเงินทั้งหมดเอาไว้ได้ กู้เสี่ยวหวานสามารถรับเงินได้หกส่วนของครึ่งหนึ่ง หลี่ฝานสามารถได้รับเงินสี่ส่วนของครึ่งหนึ่ง และเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้สำหรับเปิดร้านอีกแห่ง และเป็นค่าใช้จ่ายรายวันของร้านฝูจิ่น
เดิมทีกู้เสี่ยวหวานต้องการรายได้ในสัดส่วนเดียวกับหลี่ฝาน หากแต่หลี่ฝานปฏิเสธ โดยบอกว่ากู้เสี่ยวหวานต้องการเงินมากกว่า
สิ่งที่หลี่ฝานกล่าวล้วนเป็นความจริง กู้เสี่ยวหวานต้องการเงิน ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป
หลี่ฝานไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีพรสวรรค์ด้านการทำการค้าเช่นเดียวกับฉินเย่จือ จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ได้รับส่วนแบ่งมา นางก็มีเงินถึงเกือบสองพันตำลึง
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน หากคำนวณกับค่าเงินปัจจุบัน เงินหนึ่งตำลึงมีค่าประมาณสามร้อยหยวน สองพันตำลึงมีค่ามากกว่าหกแสนหยวน
แม้ว่าค่าเงินในยุคสมัยปัจจุบันและยุคสมัยโบราณจะไม่อาจเทียบกันได้ และเงินสองพันตำลึงเงินนี้อาจเป็นค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่เดือนสำหรับครอบครัวที่ร่ำรวย
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานที่เคยอยากจน แม้แต่ข้าวก็ไม่มีให้กิน นางจะไม่ตื่นเต้นกับเงินที่นางสามารถหาได้ถึงสองพันตำลึงเงินได้อย่างไร?
ระหว่างทางกลับบ้าน กู้เสี่ยวหวานหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของกู้เสี่ยวหวาน มันเป็นเงินเพียงสองพันตำลึงเงิน แต่แมวตัวน้อยนี้กลับมีความสุขเป็นอย่างมาก
ช่างเป็นคนที่หมกหมุ่นกับเงินจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เขาชอบที่นางเป็นเช่นนี้
กู้เสี่ยวหวานควรได้รับสิ่งเหล่านี้ไว้ทั้งหมด นางมีความคิดดีเช่นนี้ โดยธรรมชาติแล้วหากมีความพยายามก็ย่อมมีรางวัลตอบแทน
ลูกแมวน้อยของเขาไม่ได้เป็นคนไร้ความพยายาม
ฉินเย่จือภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมื่อก่อน เขามีสายตาที่ดีมาตลอด
ครั้นเห็นฉินเย่จือมองมายังตนด้วยความพึงพอใจ กู้เสี่ยวหวานพลันนึกถึงความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาภายในร้านจิ่นฝู ใบหน้าของนางก็ยิ่งขึ้นสีแดงก่ำ
ใบหน้าแดงจนลามขึ้นไปถึงใบหู นางไม่กล้ามองฉินเย่จืออีกต่อไป จึงรีบเบือนหน้าไปเปิดม่านแสร้งทำเป็นมองทิวทัศน์ข้างนอก
ฉินเย่จือพอใจกับท่าทางเสแสร้งไม่สนใจของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
เขายังไม่รีบร้อน
ดำเนินการช้า ๆ อย่างระมัดระวัง
วิธีเดียวที่จะได้สิ่งที่ดีที่สุดมาครอบครอบคือ การรอคอย
ฉินเย่จือเคลื่อนสายตาจากกู้เสี่ยวหวาน และมองไปตามสายตาของกู้เสี่ยวหวาน
ต้นไม้ในฤดูร้อนทั่วทุกสารทิศเต็มไปด้วยสีเขียวขจี… สดชื่นและสวยงาม
ผูผาและสายน้ำ ความงดงามอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักร คงจะดีไม่น้อยหากวันหนึ่งมีหญิงสาวที่งดงามทัศนาจรไปทั่วใต้หล้ากับตนเอง
“หวานเอ๋อร์ วันหนึ่งเจ้าต้องการออกไปพบความเจริญรุ่งเรืองภายนอกกับข้าหรือไม่?” ฉินเย่จือเอ่ยถามขึ้นอย่างกะทันหัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังไม่มีสิ้นสุด
กู้เสี่ยวหวานหันกลับไปมองฉินเย่จือ แววตาฉายแววความประหลาดใจ
ทำไมนางจะไม่อยากเห็นกันล่ะ
อาณาจักรชิงอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เคยไปเยือนมีแค่เมืองรุ่ยเสียน หากในอนาคตมีโอกาส หลังจากที่น้อง ๆ แต่งงาน และทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง นางจะทำตามความคิดนั้น นางต้องการท่องเที่ยวไปทั่วโลกและดูความเจริญของโลกใบนี้
แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่เก็บความคิดเช่นนั้นไว้ในก้นบึ้งหัวใจ
หากนางพูดสิ่งนี้ออกมา เกรงว่าหลายคนจะมองนางต่างออกไป
สตรีเมื่อถึงช่วงวัยหนึ่งควรอยู่บ้านกับสามีและสั่งสอนลูก ๆ นางจะไปมีความคิดเที่ยวเตร่ได้อย่างไร?
ตอนที่ได้ยินฉินเย่จือถามว่าอยากออกไปพบความรุ่งเรืองภายนอกหรือไม่ มันสร้างความตกใจให้นางเป็นอย่างมาก นั่นทำให้เมล็ดพืชถูกฝั่งลึกไว้ในจิตใจหยั่งราก และแตกหน่อราวกับว่าพวกมันพบกับสายฝนในฤดูใบไม้ผลิ
กู้เสี่ยวหวานมองฉินเย่จืออย่างตื่นเต้น ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “พี่เย่จือ ข้าไปกับเจ้าได้จริงหรือ?”
ฉินเย่จือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาแน่วแน่ และเอ่ยคำพูดที่ฟังดูลึกซึ้งเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยความจริงจัง
“หวานเอ๋อร์ จากนี้ไปไม่ว่าเจ้าจะอยู่แห่งหนใด ข้าจะอยู่ที่นั่น ไม่ว่าเจ้าต้องการไปที่ไหน ข้าจะติดตามเจ้าไปที่นั่น”
กู้เสี่ยวหวานคิดฟุ้งซ่านอยู่พักใหญ่ และมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความประหลาดใจ
หัวใจของนางพลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ฉินเย่จือขมวดคิ้วเบา ๆ ราวกับว่ากำลังหยอกล้อกับนาง
กู้เสี่ยวหวานกำลังจะจมดิ่งไปในห้วงทะเลลึก แต่นางไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองจมลงไปได้
นางปรับความคิดอย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะลงเล็กน้อย และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ความตกใจในแววตาของนางหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความสุขที่ไม่รู้จับราวกับเด็กน้อย นางเอียงศีรษะและถามด้วยรอยยิ้ม “จริงหรือ? พี่เย่จือเก่งศิลปะการต่อสู้ เจ้าจะสามารถปกป้องข้าได้ในอนาคต”
ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ นางยิ้มจนตาปิด และดูเหมือนเด็กตัวน้อย ๆ ที่ยังไม่โต
บางช่วงเวลา ความรักที่เขาเห็นในแววตาของกู้เสี่ยวหวาน บางทีมันอาจจะเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ฉินเย่จือรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนี้ได้
เขาค้นพบว่ากู้เสี่ยวหวานสนใจเขา แต่…
วันหนึ่งเขาจะบอกนางว่าอายุไม่ใช่ปัญหา
อย่างไรก็ตาม… ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
ทั้งสองตกอยู่ท่ามกลางความเงียบอีกครั้ง
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นมองทิวทัศน์ข้างนอก ฉินเย่จือเปิดเผยกับนางมากเกินไปแล้ว
นางไม่ใช่คนโง่ นางเข้าใจเจตนาของฉินเย่จือโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม นางไม่อยากทำผิดพลาดต่อเขา
อายุ ฐานะ หน้าตา จะเอาสิ่งใดมาเทียบไม่ได้ และนางยังไม่อยากเปรียบเทียบเลยแต่น้อย