บทที่ 846 เจอฮูหยินจ้าว
บทที่ 846 เจอฮูหยินจ้าว
ตอนที่นางกำลังจะเอ่ยถาม พลันได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยขึ้มาว่า “เถ้าแก่เนี้ย ท่านมีสิ่งใดที่เสริมความงามที่ดีกว่านี้หรือไม่? ไม่ต้องกังวลเรื่องราคา แค่นำออกมาก็พอ”
ลี่เหนียงรู้สึกตกใจในตอนแรก แต่เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่กำลังดูสิ่งของที่ตนเองแนะนำไปโดยไม่สนใจ จึงสันนิษฐานว่านางไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ และดูเหมือนว่าต้องการซื้อของที่ดีกว่า
ดังนั้นจึงกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ข้ามีสินค้าใหม่เพิ่งมาถึงร้าน เป็นขึ้ผึ้งลดริ้วรอยบนใบหน้า เจ้าอยากซื้อไปให้อาของเจ้าหรือไม่?”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าริ้วรอยบนใบหน้าสามารถลบออกได้ก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
“เถ้าแก่เนี้ย เอามันออกมาให้ข้าดูที” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานต้องการดูมันโดยไม่พูดสิ่งใด นางก็ถอนหายใจและเดินไปที่ด้านหลังร้านเพื่อหยิบมันออกมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เมื่อออกมา นางถือกล่องไม้ที่สวยงามไว้ในมือและแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการให้เซียงเป่าไจในเมืองหลวงเหลือไว้ให้ข้าสามกล่อง ดูสิ ข้าเพิ่งได้รับสินค้ามาในวันนี้ และตอนนี้เหลือเพียงกล่องเดียว”
เซียงเป่าไจ
มันคือสถานที่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกว่าสถานที่นั้นช่างสูงส่ง และสิ่งที่ผลิตออกมาก็ย่อมมีมูลค่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
กู้เสี่ยวหวานหยิบกล่องออกมา และทันทีที่นางคลายเกลียวก็มีกลิ่นหอมจาง ๆ ลอยโชยปะทะหน้า
กลิ่นหอมของดอกไม้สดชื่น บางเบา และปลอดโปร่ง
ให้กลิ่นหอมสดชื่น
กู้เสี่ยวหวานกำลังจะหยิบกล่องมา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง “อย่าแตะต้องสิ่งของของนายหญิงของข้า ของสิ่งนั้นนายหญิงของข้าซื้อไปแล้ว”
มือของกู้เสี่ยวหวานยังคงค้างอยู่ที่เดิม นางไม่รู้ว่าใครคือคนที่อยู่ข้างหลัง และไม่รู้ว่าคนผู้นั้นกำลังพูดถึงนางอยู่หรือไม่ แต่แล้วนางก็ยังยื่นมือเข้าไป เจ้าของเสียงแหลมสูงด้านหลังเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ฟังสิ่งที่นางพูด และเอาแต่สนใจตัวเอง นางก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง “เด็กเวร บอกแล้วอย่างไรว่าอย่าแตะต้องสิ่งของของนายหญิงข้า!”
ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มาจากด้านหลัง จึงเบี่ยงร่างกายของนางหลบ ร่างผอมบางร่างหนึ่งรีบวิ่งมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะหลบไปด้านข้าง ท่าทางของนางซวนเซเล็กน้อย และชนเข้ากับโต๊ะไม้ด้านหน้าจนร่างกายชาวาบ
ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ นางหันศีรษะมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างดุดัน และเตรียมอ้าปากพ่นคำสาปแช่ง
ลี่เหนียงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากและกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ฮูหยินจ้าว การมาที่นี่ของท่านทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ ของข้าเจริญรุ่งเรือง!”
ฮูหยินจ้าว
กู้เสี่ยวหวานมองมองไปที่สตรีนางนั้น พลันนึกถึงบางสิ่ง และยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
เมื่อฮูหยินจ้าวได้ยินว่าลี่เหนียงมีความกระตือรือร้นมาก นางก็ไม่ใส่ใจที่จะคุยกับกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อหันกลับมา นางก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นมองไปที่ลี่เหนียงอย่างภาคภูมิใจ และพูดอย่างไม่พอใจ “ลี่เหนียง ในสายตาของเจ้าก็รู้ว่าฮูหยินจ้าวเป็นลูกค้านี่ หากมีของดีในร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ ทำไมถึงไม่ไปบอกข้าสักคำ หากข้าไม่มาที่นี่ในวันนี้ เกรงว่าของดี ๆ ที่เจ้าซื้อจากเซียงเป่าไจคงจะขายจนหมดเกลี้ยงเสียแล้วกระมัง”
เมื่อลี่เหนียงได้ยินสิ่งนี้ นางก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความลำบากใจ จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินจ้าว ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่ในวันนี้”
ฮูหยินจ้าวไม่ตอบคำพูดของลี่เหนียงและมองอีกฝ่ายอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นมองไปที่กล่องไม้ และมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน นางพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “สิ่งของในเซียงเป่าไจ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้ได้”
ดวงตาของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและริมฝีปากก็เบะลง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แม้ว่านางจะสวมเสื้อผ้าราคาแพง แต่นางก็ไม่สามารถซ่อนรูปร่างที่ผอมบางไว้ได้
กู้เสี่ยวหวานยิ้มจาง ๆ และเมื่อเผชิญกับการยั่วยุของฮูหยินจ้าว และเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “ฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว ตราบใดที่มีเงินและสามารถจ่ายได้ก็จะสามารถใช้ได้ เถ้าแก่เนี้ย กล่องนี้ราคาเท่าไรหรือ?”
ลี่เหนียงยื่นมือออกมาและพูดอย่างลำบากใจ “สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่นี่ และข้าขายมันในราคาสี่สิบตำลึงเงิน”
ขี้ผึ้งนี้มีราคาแพงมาก ในเวลานั้นไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดดลใจให้ตนเชื่อมั่นในท่าทางมั่นใจของเด็กหญิงคนนี้ แต่ถ้านางไม่สามารถจ่ายได้ เกรงว่าฮูหยินจ้าวที่ใจร้ายจะบ่นเป็นเวลานานอีกครั้ง
ขี้ผึ้งหนึ่งกล่องขายราคาสี่สิบตำลึงเงิน ซึ่งเป็นเงินค่าแรงของคนธรรมดาเป็นเวลาหลายปี
เหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผาก และเห็นกู้เสี่ยวหวานหยิบเงินออกมาจากเสื้อของนางอย่างใจเย็น และส่งให้ลี่เหนียง “เถ้าแก่เนี้ย ข้าต้องการทุกสิ่งที่เถ้าแก่เนี้ยแนะนำกับข้าในเมื่อครู่ และข้าต้องการขี้ผึ้งกล่องนี้เช่นกัน หนึ่งร้อยตำลึงเงินก็คงพอใช่หรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฮูหยินจ้าวอย่างยั่วยุโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัว
ลี่เหนียงเหงื่อตก นางได้ยินมาว่าสาวน้อยคนนี้มาจากหมู่บ้านชนบท ดังนั้นนางจึงอาจไม่รู้ว่ามีสามตระกูลในเมืองเมืองหลิวเจีย ตระกูลเจียง ตระกูลจ้าว และตระกูลลวี่ เป็นตระกูลที่ไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้
ตระกูลเจียงหมายถึงตระกูลของเจียงอวิ้นหลิ่วที่มีญาติห่าง ๆ ในตระกูลที่เป็นขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวง เขาร่ำรวยและมีอำนาจ หากเขากระทืบเท้าในเมืองหลิวเจีย มันอาจทำให้เมืองหลิวเจีย สั่นสะเทือนได้
แน่นอนว่าตระกูลจ้าวหมายถึงตระกูลของจ้าวสวิ่น ตระกูลของจ้าวสวิ่นอาศัยอยู่ในเมืองหลิวเจียมาหลายชั่วอายุคน และพวกเขามีชื่อเสียงที่ดีในเมืองนี้ แม้ว่าเรื่องยุ่งเหยิงเกี่ยวกับตระกูลจ้าวจะไม่ใช่เรื่องลึกลับอีกต่อไป แต่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ของตระกูลจ้าวด้วย
ตระกูลลวี่นั้นเป็นของลวี่เทาโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ แม้ว่าเจ้าเมืองหลิวเจียจะเป็นขุนนางเล็กระดับเก้า แต่ในสถานที่ห่างไกลจากฮ่องเต้ ลวี่เทาก็ราวกับเป็นฮ่องเต้ในเมืองแห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้เลย
กู้เสี่ยวหวานจ่ายเงินเพื่อทำให้ฮูหยินจ้าวอับอายอย่างไร้ความปรานี เกรงว่านางคงไม่รู้ว่าบุคคลนี้คือใคร ดังนั้นลี่เหนียงจึงรีบก้าวไปข้างหน้า และอ้อนวอนฮูหยินจ้าวเพื่อกู้เสี่ยวหวาน
สีหน้าของฮูหยินจ้าวไม่เพียงแต่มืดมนเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความดุร้าย
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองกู้เสี่ยวหวานอย่างดุดันราวลูกตาจะหลุดออกมาจากเบ้า มองดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ฮูหยินจ้าวควรมีอายุมากกว่าสี่สิบปี แต่นางยังคงใช้ปิ่นปักผมดอกไม้ลูกปัดปักไว้บนผมของนางและแม้แต่เสื้อผ้าของนางก็ส่องประกายราวกับกลัวว่าสิ่งหนึ่งหรือสองสิ่งจะไม่สามารถขับให้นางดูเด่นได้ราวกับจะบอกคนอื่นว่า นางสวย สวยมาก!