ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 851 อดีตของหงซื่อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 851 อดีตของหงซื่อ

บทที่ 851 อดีตของหงซื่อ

ครั้นเห็นใบหน้าอันหลงไหลของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ หงซื่อก็ดูตกตะลึงเล็กน้อย “อวิ๋นเอ๋อร์เด็กโง่ เจ้าไม่สามารถมองหาสามีที่ดูดีเพียงอย่างเดียวได้ เจ้ายังต้องมองคุณสมบัติอื่นด้วย”

โดยธรรมชาติแล้ว ในฐานะแม่ หงซื่อย่อมหวังดีต่อจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ หากหงซื่อต้องเลือกระหว่างความหล่อเหลาและเงินทอง หงซื่อจะเลือกเงินทองอย่างไม่ลังเล

เมื่อก่อนครั้งยังเป็นสาวแรกรุ่น นางติดตามจ้าวสวิ่นก็ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงและความมั่งคั่งของตระกูลจ้าวหรอกหรือ

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านไปหลายปี นางก็ยังไม่มีชื่อหรือสถานะใด ๆ แม้ว่าจะมีความกังวลอยู่ในใจ หากแต่ก็คงติดตามจ้าวสวิ่นมาเกือบยี่สิบปีโดยไม่ปริปากบ่น

หงซื่อพยายามกระตุ้นแล้วกระตุ้นเล่า หากแต่ก็ไร้ประโยชน์ โชคดีที่จ้าวสวิ่นยังคงห่วงใยพวกนาง นอกจากกลับไปบ้านบรรพบุรุษตระกูลจ้าวเพื่อบูชาบรรพบุรุษในช่วงช่วงปีใหม่และวันหยุด ช่วงเวลาที่เหลือเขาก็จะอยู่ที่นี่

เกรงว่ายายแก่นั้นคงจะเดือดดาลมาก

ครั้นคิดถึงสิ่งนี้ หงซื่อก็รู้สึกอิ่มเอมใจและบอกเคล็ดลับในการเข้าหาผู้ชายให้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ “ผู้ชายคนนี้ต้องเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อเจ้า และเขาต้องมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี ตราบใดที่เขามีสองข้อนี้ มันก็จะไม่มีความผิดพลาดใด”

นางไม่เคยสนใจนิสัยใจคอของผู้ชาย ราวกับว่าต้องการเพียงเงินเท่านั้น

แต่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์กลับเย้ยหยัน “ช่างมันเถอะ ข้าไม่ต้องการมัน”

เมื่อคิดถึงเจียงหย่วนแล้ว จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พลันรู้สึกไม่พอใจ “เจียงหย่วนทั้งอ้วนเตี้ยและทำตัวน่าหงุดหงิด แค่มองก็รู้สึกปวดใจไปหมด ถ้าต้องให้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตก็ล้มเลิกความคิดเสียเถอะ ข้าแค่อยากได้คนที่หล่อเหลา อย่างไรเสียท่านพ่อก็มีเงิน ถ้าเราลำบากแค่ขอเงินท่านพ่อก็พอแล้ว”

ครั้นคิดถึงเจียงหย่วน ท่านพ่อได้พานางไปพบฮูหยินเจียง แต่สตรีผู้นั้นกลับมองนางอย่างยิ่งผยองราวกับกำลังตรวจสอบวัตถุ เมื่อหวนคิดถึงเรื่องนี้นางก็รู้สึกอึดอัด ต่อมาเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ที่ไม่น่ามองของเจียงหย่วน จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้สึกขยะแขยง

ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะไม่แต่งงานกับคนผู้นั้นเด็ดขาด

“ลูกคนนี้ หญิงแก่คนนั้นครอบครองเงินทั้งหมดของครอบครัวไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้เจ้ายังมีพี่ชายอีก จากนี้ไปทรัพย์สินของตระกูลจ้าวจะเป็นของพี่ชายของเจ้า ดังนั้นตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าพี่ชายของเจ้าว่าจะยินดีมอบให้เจ้าหรือไม่”

“ท่านพี่ใจดีกับข้ามาก เขาจะต้องให้ข้าอย่างแน่นอน” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พูดอย่างมั่นใจราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะขมวดคิ้วและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตระกูลจ้าวจะร่ำรวยแค่ไหน ข้าก็จะไม่แต่งงานกับชายอัปลักษณ์ที่ทำให้คนรู้สึกขยะแขยง”

เมื่อหงซื่อเห็นลูกสาวสนใจแต่รูปลักษณ์ภายนอกก็พลันรู้สึกกังวลใจ

หงซื่อคิดว่ามีวิธีของตัวเองในการหาผู้ชาย

ตอนหงซื่อยังเป็นเด็กผู้หญิง ครอบครัวของนางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่โชคดีที่นางมีภูมิหลังที่ดี จึงไม่ได้ถูกขายไปเป็นทาสและยังเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

ด้วยสถานะดังกล่าว แม้ว่าครอบครัวจะยากจน แต่ก็ดีกว่ารับใช้ผู้อื่นตลอดชีวิต ในเวลานั้นในครอบครัวมีเพียงพ่อและแม่เลี้ยง แม่แท้ ๆ ของนางเสียชีวิตไปนานแล้ว และต่อมาพ่อของนางก็ได้คบหากับแม่ม่าย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มสร้างครอบครัวด้วยกัน และโชคดีที่หญิงผู้นั้นไม่ได้ให้กำเนิดลูก

หลังจากทั้งสองแต่งงานกันแล้ว เนื่องจากมีลูกสาวเป็นเพียงหงซื่อคนเดียวในครอบครัว พ่อของนางเป็นช่างไม้ ครอบครัวจึงถือได้ว่ามีพอกินพอใช้ และบางครั้งก็ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้หงซื่อใส่

แม้ว่าหงซื่อจะไม่ได้เคยพบเจอกับแม่เลี้ยงใจร้าย แต่แม่เลี้ยงก็ให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าชีวิตของนาง ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแอบซ่อนเงินไว้ให้นาง เกรงว่าหงซื่อคงจะไม่มีเงินดูการแสดงของคณะอุปรากรจีน

หงซื่อชื่นชอบการแสดงเหล่านี้ และสิ่งที่นางชอบดูมากกว่าคือคนที่นั่งอยู่บนชั้นสอง

ตอนนั้นหงซื่ออายุได้สิบห้าถึงสิบหกปีแล้ว และเพื่อที่จะกำจัดหงซื่อให้พ้นไปชีวิต แม่เลี้ยงจึงเริ่มมองหาชายหนุ่มให้หงซื่อแต่งงานออกไปเร็วที่สุด เมื่อมองไปรอบ ๆ คนหน้าตาดีมักไม่มีเงิน ส่วนคนรวยมักหน้าตาไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่หงซื่อชอบ

แต่หงซื่อมีแผนการอยู่ในใจ

นางแค่ต้องการแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย แม้ว่าต้องเป็นอนุภรรยาก็ตาม

แต่นางจะไปหาคนรวยมาได้จากที่ไหนกัน

หงซื่อไม่ได้มีเงินมากมาาย ดังนั้นจึงไม่อาจย่างก้าวเข้าโรงน้ำชาระดับสูงได้ ร้านอาหารเองก็เช่นกัน เมื่อไปในที่เหล่านั้นไม่ได้ นางจึงต้องไปยังโรงละคร

โรงละครมีสองชั้น ชั้นล่างสำหรับคนธรรมดาทั่วไป และชั้นบนสำหรับคนรวยที่จองห้องส่วนตัว

หงซื่อชอบมองไปรอบ ๆ อาศัยการสังเกตและการสอบถามของตนเอง ในที่สุดนางก็รู้ว่าตรงกลางของชั้นสองสามารถมองตรงไปที่ส่วนแสดงได้โดยตรง มีเพียงไม่กี่ห้อง และโดยเฉพาะห้องที่อยู่ตรงข้ามซึ่งอยู่ตรงกลาง นางสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด

ราคาจะอยู่ในช่วงหนึ่งถึงสองเท่าของห้องส่วนตัวทั่วไป มันเป็นเพียงการชมการแสดง แต่การจองห้องส่วนตัวราคาแพงขนาดนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นว่าใครมีเงินหรือไม่มี

แม้ว่าหงซื่อจะอายุยังน้อย แต่นางรู้วิธีหาเงิน ดังนั้นนางจึงมอบเงินหลายสิบเหรียญให้กับคนดูแลส่วนแสดง และเขาก็พูดทุกอย่างออกมาทันที

เมื่อหงซื่อได้ยินว่าเขาเป็นผู้นำตระกูลจ้าวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลิวเจีย นางก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

ไม่น่าแปลกใจที่คนผู้นี้จ่ายเงินติดต่อกันเป็นเดือนมาเพื่อชมการแสดง มันเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

หงซื่อมีแผนการอยู่ในใจ เมื่อนางนั่งลง นางจะไม่สามารถมองเห็นผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวได้ นางไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลจ้าวหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ในขณะนั้น ผู้นำตระกูลจ้าวมีแรงดึงดูดที่ไม่มีใครเทียบได้ในหัวใจของนาง

หงซื่อมีแผนในใจ ตอนเช้าทุกวันนางจะต้องไปโรงละครโดยไม่ชักช้า

หงซื่อมีใบหน้างดงาม เมื่อนางยังเด็กไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่ใช่

มีหลายคนที่ต้องการแต่งงานกับนาง แต่หงซื่อหัวสูงจนไม่สนใจคนธรรมดาสามัญ

แม้ว่าครั้งนี้หงซื่อจะไม่เคยพบกับผู้นำตระกูลจ้าว แต่นางก็มีความคิดอื่นอยู่ในใจ

หลังจากผ่านความยากลำบากมามาก ในที่สุดนางก็ได้รับโอกาสและได้พบกับจ้าวสวิ่น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท