ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 854 พันจักจั่นไว้ที่เอวเพื่อแสดงความมั่งคั่ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 854 พันจักจั่นไว้ที่เอวเพื่อแสดงความมั่งคั่ง

บทที่ 854 พันจักจั่นไว้ที่เอวเพื่อแสดงความมั่งคั่ง

หากว่ากันตามเหตุผล ฉินเย่จือไม่ได้มีเงินติดตัวมากนัก

กู้เสี่ยวหวานเคยนึกสงสัย แต่เมื่อคิดถึงบุคลิกของฉินเย่จือ นางก็เชื่อมั่นในตัวเขา

กู้เสี่ยวหวานรับมันเอาไว้

เมื่อเห็นฉินเย่จือมอบของให้ตัวเองอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานจึงหยิบกล่องผ้าออกมาเปิดออก และก็เห็นจักจั่นหยกวางอยู่ใต้ผ้าสีแดง

จักจั่นหยกนั้นเหมือนจริงมากเสียจนมองเห็นลายเส้นบนปีกได้อย่างชัดเจน ทำให้เห็นได้ว่าช่างแกะสลักมีฝีมือมาก

กู้เสี่ยวหวานหยิบจักจั่นหยกออกมาจากกล่องผ้า และเล่นกับมันภายในมือ นางชอบมันมากเสียจนว่างไม่ลง ความประหลาดใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า

“พี่เย่จือ มันสวยมาก”

“เจ้าชอบหรือไม่” เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็คลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน

สิ่งนี้ทำขึ้นอย่างประณีต และจะทำให้เด็กหญิงคนนี้พอใจอย่างแน่นอน

“ชอบสิ” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างตื่นเต้น

ฉินเย่จือยิ้มอย่างอบอุ่น “ชอบก็ดีแล้ว”

สิ่งที่เขาเลือกมาไม่ได้ไร้ประโยชน์ เขาใช้เวลามากมายในการคิดว่าจะมอบอะไรให้กู้เสี่ยวหวาน หลังจากเขียนรายการถึงอาเว่ย ในที่สุดก็ขอให้อาเว่ยค้นหาสิ่งเหล่านี้ในโกดังของเขา

ของในโกดังล้วนเป็นของมีมูลราคา และเกรงว่าจะมีแม้แต่ของบางอย่างที่ไม่มีในใต้หล้านี้

เหมือนกับจักจั่นหยกที่กู้เสี่ยวหวานชอบในตอนนี้

จักจั่นหยกตัวนี้เป็นหยกเหอเถียนชั้นยอด แกะสลักโดยช่างฝีมือชั้นสูง และมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า

ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานชื่นชอบมัน ฉินเย่จือจึงเอื้อมมือไปถอดแหวนหยกที่ห้อยอยู่ที่คอของกู้เสี่ยวหวาน โดยตั้งใจว่าจะห้อยจักจั่นหยกและแหวนหยกไว้ด้วยกัน

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเขาต้องการทำอะไร จึงเอียงศีรษะและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ต้องการห้อยสิ่งนี้ไว้ที่คอ ข้าวางแผนที่จะพันมันไว้ที่เอวของข้า”

ฉินเย่ตกตะลึง สิ่งนี้ต้องห้อยไว้ที่คอ เหตุใดถึงจะนำไปพันไว้รอบเอว “ทำไมถึงพันรอบเอวล่ะ”

“เจ้าคงไม่เข้าใจ” กู้เสี่ยวหวานราวกับจะสื่อว่า ถ้าไม่เข้าใจเจ้าก็ต้องเรียนรู้จากข้า ก่อนจะกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องพันไว้ที่เอวเพื่อแสดงความมั่งคั่งหรอกหรือ?” กู้เสี่ยวหวานพูดพร้อมกับเขย่าจักจั่นหยกในมือ

ทันทีที่ฉินเย่จื่อได้ยินดังนั้นก็เข้าใจในทันที

เขาชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยท่าทางผ่อนคลาย

แมวน้อยตัวนี้หลงใหลในเงินทอง

……

สำหรับหงซื่อ หลังจากรอคอยมาสองสามวัน พวกเขาก็เชิญแม่สื่อหลี่ไปที่บ้านทันที

และแม่สื่อหลี่ก็ได้ยินว่าตระกูลจ้าวต้องการให้นางเป็นแม่สื่ออีกครั้ง

ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลหลักหรือลูกชายของอนุ พวกเขาล้วนมีพ่อคนเดียวกัน และเป็นตระกูลเดียวกัน

มันจะดีขึ้นได้อย่างไร

พวกเขามาเชิญนางถึงที่บ้าน และเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ไป

ครั้นมาลองไตร่ตรองดูทีหลัง ถ้าไม่หาเงินก็คงเป็นคนโง่ บางทีผู้คนก็มองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว เพียงปล่อยให้ตัวเองทำตามขั้นตอน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แม่สื่อหลี่ก็มาถึงก็ไปยังตระกูลจ้าวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับอีกสถานที่หนึ่ง

นั่นคือห้องของหงซื่อ

แม่สื่อหลี่ได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพจากหงซื่อ แตกต่างกับฮูหยินจ้าว นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่อบอุ่นเช่นนี้ แม่สื่อหลี่จึงมีความสุขเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้นางยังบอกว่านางจะช่วยเป็นแม่สื่อในคุณชายจ้าวได้อย่างแน่นอน

ทันทีที่หงซื่อได้ยินว่าแม่สื่อหลี่ตกลง นางรีบบอกแม่สื่อหลี่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

แม่สื่อหลี่ถูกตระกูลหงเกลี้ยกล่อมจนถึงที่สุด เมื่อคราวนี้นางได้ยินชื่อของกู้เสี่ยวหวาน นางก็ได้สติจากอาการวิงเวียนศีรษะ

เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังของหงซื่อ แม่สื่อหลี่ถามอีกครั้ง “นายหญิงขอให้ข้าไปที่บ้านของใคร เพื่อเป็นแม่สื่อกับใครนะเจ้าคะ?”

“ตระกูลกู้ ลูกสาวคนโตของตระกูลกู้ในสวนกู้ที่ชานเมือง กู้เสี่ยวหวาน” หงซื่อคิดว่าแม่สื่อหลี่ได้ยินไม่ชัด ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างละเอียด

นางเคยไปสวนกู้มาในครั้งที่แล้วไม่ใช่หรือ?

กู้เสี่ยวหวานก็เป็นผู้หญิงในครั้งที่แล้วไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงเป็นนางอีกล่ะ

ตระกูลจ้าวไม่ยอมแพ้หรือ?

เมื่อคนหนึ่งล้มเหลว จึงให้อีกคนมารับช่วงต่อไปหรือ?

แม่สื่อหลี่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ที่บอบบางและน่ารักของกู้เสี่ยวหวาน นางก็ได้แต่คิดอะไรไม่ออก

ผู้หญิงคนนั้นไม่มีสามหัวและหกแขน แล้วเหตุใดภรรยาทั้งสองคนของตระกูลจ้าวต้องการนางมาเป็นสะใภ้

แม่สื่อหลี่คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงท่าทางเย็นชาของกู้เสี่ยวหวานครั้งก่อน เกรงว่าหากตนไปที่นั้นอีกครั้ง สาวน้อยคนนั้นคงจะไม่ให้ตนเองเข้าไป

เมื่อนึกถึงคนที่เหมือนเทพเจ้าเฝ้าประตูทั้งสองในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน แม่สื่อหลี่ก็รู้สึกหวากกลัวเล็กน้อย

แม่สื่อหลี่อายุมากแล้ว ดังนั้นอาจไม่สามารถถูกลากมันออกมาซ้ำสองได้ แม่สื่อหลี่ยังคงอับอายเล็กน้อย นางอยากจะตบหน้าตัวเองหลังจากที่ตกปากรับคำไปเมื่อครู่

หลังจากถูกเกลี้ยกล่อมอยู่นาน และนางก็ยอมรับคำขออย่างไม่เป็นทางการ หากทำสำเร็จก็ไม่เป็นไร หากทำไม่สำเร็จล่ะ? นั่นไม่ใช่การทำลายชื่อเสียงของตนเองงั้นหรือ?

นางทำงานเป็นแม่สื่อมาหลายปี และตลอดหลายปีมานั้นไม่เคยไม่สำเร็จสักครั้ง

หากครั้งนี้ทำไม่สำเร็จ เกรงว่าป้ายทองของนางจะถูกทุบจนเสียหาย

แม่สื่อหลี่เกิดแผนการบางอย่างในใจ ไม่ว่าอย่างไรนางก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้

กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนคนฉลาด และไม่อาจถูกคนอื่นควบคุมได้ง่าย ๆ

หากคุณชายจ้าวคนนี้มีนิสัยดีและมีภูมิหลังทางครอบครัว เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้า…

เมื่อนึกถึงลักษณะของลูกชายอีกคนของตระกูลจ้าว นางก็ไม่มีสิ่งใดจะพูด

กินเหล้าเคล้านารี และติดพนันเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา

นอกจากนี้ หากสาวน้อยคนนั้นตกลง แม่สื่อหลี่ก็จะไม่มีหน้าจะเป็นมนุษย์อีกต่อไป

หากฮูหยินจ้าวรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร

หากฮูหยินจ้าวไม่รู้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทุบตีนนางจนตาย

แม่สื่อหลี่หันกลับมาและเมื่อเห็นแววตาคาดหวังของหงซื่อ นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “นายหญิง เกรงว่าข้าจะรับงานในครั้งนี้ไม่ได้”

“รับไม่ได้หรือ?” เมื่อแม่สื่อหลี่บอกว่านางรับงานนี้ไม่ได้ ดวงตาของหงซื่อก็เบิกกว้างทันทีพร้อมกับความโกรธที่ฉายชัดบนใบหน้า “แม่สื่อหลี่หมายความว่าอย่างไร เจ้ายังไม่ได้ไปที่นั่น ทำไมถึงบอกว่ารับไม่ได้”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท