ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 867 อวี้เจิ่น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 867 อวี้เจิ่น

บทที่ 867 อวี้เจิ่น

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลังรุ่งสาง อาโม่และฉือโถวมัดเฉียนเหล่าซานและคนอื่น ๆ แล้วนำไปไว้ที่รถม้า จากนั้นมุ่งหน้าไปเมืองรุ่ยเสียน

หลังจากเดินทางมาถึงเมืองรุ่ยเสียน พวกเขาก็ไปที่ร้านจิ่นฝูเพื่อไปหาฉินเย่จือ และทันทีที่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้าน เสี่ยวเซิ่งจื่อก็ส่งคนเหล่านี้ไปยังศาลาว่าการโดยไม่ต้องคิด เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดถือจดหมายสารภาพของตัวเองไว้ หลิวจือเสี้ยนจึงไม่ต้องเสียเวลามากนัก และตามกฎหมายของราชวงศ์ เขาต้องขังคนเหล่านี้เอาไว้ และพวกเขาทั้งหมดถูกขังไว้เป็นเวลาหลายปี นอกจากนี้ยังหมายความว่า ในช่วงไม่กี่ปีต่อมาหลิวชิงซานและคนอื่น ๆ จะไม่ออกมาทำชั่วอีก หลังจากได้รับข่าว ฉินเย่จือก็กลับไปยังเมืองหลิวเจีย ฉินเย่จือต้องการรีบกลับไปดูว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างไร

ครั้นกลับมาถึงเมืองหลิวเจีย บังเอิญว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้อยู่เฉย ๆ นางติดป้ายที่ทางเข้าร้านอาหาร โดยมีตัวอักษรขนาดใหญ่สองสามตัวกำกับไว้ว่า ‘อวี้เจิ่นชิ้นใหม่จะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้’

แค่ได้ยินชื่ออวี้เจิ่น ทุกคนต่างสงสัยว่าอวี้เจิ่นคืออะไร จึงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน ผู้มีชื่อเสียงบางคนขอให้คนรับใช้ในร้านอาหารจับจ้องที่นั่งล่วงหน้า และรอที่จะกินอาหารจานใหม่พรุ่งนี้

ฉินเย่จือบังเอิญเจอกู้เสี่ยวหวานในห้องครัวของร้านจิ่นฝู

ขณะนี้กู้เสี่ยวหวานกำลังอธิบายให้หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อในร้านจิ่นฝูทำอวี้เจิ่นแสนอร่อย

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กิจการส่วนใหญ่ของร้านจิ่นฝูถูกแย่งความสนใจโดยร้านซุ่นซิน ตัวการคือมันเทศ หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อเองก็ลิ้มลองรสชาติของมันเช่นกัน รสชาติโดยทั่วไปค่อนข้างดี ไม่แปลกใจเลยที่ลูกค้าจะชอบกินมัน เมื่อมันเทศถูกนึ่งออกมา มันมีสีทองอร่ามและทำให้ผู้คนน้ำลายสอ หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อไม่มีอะไรทำในสองวันที่ผ่านมา พวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในครัวและถอนหายใจ พลางสงสัยว่าทำไมร้านจิ่นฝูถึงไม่มีโชคดีเช่นนั้นบ้าง ทำไมถึงไม่เจอกับมันเทศนั้นบ้าง

ขณะที่พวกเขากำลังคร่ำครวญ กู้เสี่ยวหวานก็เข้ามาพร้อมถือถุงใบใหญ่

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเข้ามา หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคุยกับกู้เสี่ยวหวาน เรื่องกิจการไม่ที่ไม่ค่อยดีช่วงนี้

หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อก็ถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ เสี่ยวหวาน เจ้าไม่เคยลิ้มลองรสชาติของมันเทศนึ่งเลย มันหอม หวาน และเหนียวหนุบหนับ รสชาตินั้นพิเศษมาก เจ้าไม่เคยลิ้มรส เจ้าคงไม่รู้ ใคร ๆ ก็ชอบกินสิ่งนั้น ดูสถานการณ์ปัจจุบันของร้านอาหารของเรา หากเราไม่ทำสิ่งที่เทียบได้กับมันเทศนึ่งนั้น กิจการร้านอาหารของเราอาจจะถึงคราวขาลง”

กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “พ่อครัวหลี่ พ่อครัวเกา ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยกันหาทางออกหรอกหรือ?”

หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อแววตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำตอบของกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน เจ้ามีวิธีดี ๆ หรือ?”

กู้เสี่ยวหวานขอให้กู้หนิงผิงเปิดถุงและเทพืชหัวยาวอวบอ้วนผิวภายนอกสีแดงออกมา พวกเขาสองคนไม่เคยเห็นมันมาก่อนจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เสี่ยวหวาน สิ่งนี่คืออะไร?”

เกาจื่อหยิบมันขึ้นมามองอย่างพิจารณา ผิวด้านนอกมีความเสียหายเล็กน้อย เกาจื่อเอายกขึ้นมาไว้ใต้จมูกและเริ่มดมกลิ่น จากนั้นเบิกตากว้างและพูดอย่างตื่นเต้น “พ่างจื่อ นี่คือมันเทศนึ่ง มันเทศนึ่ง”

เมื่อหลี่พ่างจื่อได้ยินดังนั้น เขารีบหยิบขึ้นมาอีกหนึ่งหัวแล้วมองมันอย่างละเอียด มันอาจจะดูเหมือนเล็กน้อย แต่มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผิวนอกเป็นสีชมพูแต่รสชาตินั้นไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

เมื่อได้ยินความสงสัยของหลี่พ่างจื่อ เกาจื่อก็รู้สึกสับสนเช่นกัน แต่สิ่งนี้ดูเหมือนกัน แต่มีกลิ่นที่แตกต่างออกไป

ทั้งสองคนมองหน้ากัน แต่พวกเขาไม่สามารถเดาได้ว่ามันคืออะไร พวกเขาทั้งหมดหันไปมองกู้เสี่ยวหวาน โดยคาดหวังว่ากู้เสี่ยวหวานจะให้คำตอบพวกเขาทั้งคู่

“เสี่ยวหวาน นี่… นี่คืออาหารจานใหม่ของร้านจิ่นฝูของเราหรือ?” หลี่พ่างจื่อถามอย่างตื่นเต้น ก้อนเนื้อบนใบหน้าของเขาแน่นขนัดไปหมดเนื่องจากความตื่นเต้น และดวงตาของเขาก็หรี่ลงจนกลายเป็นขีดตรง

ครั้นเห็นพวกเขามองตนเองด้วยสายตาคาดหวัง กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้า “ใช่แล้ว นี่คืออาหารจานใหม่ของร้านจิ่นฝูของเรา จานเด่นเหมือนกับของร้านซุ่นซิน มันคือมันเทศเช่นกัน แต่ข้าตั้งชื่อให้มันดีกว่า”

“ชื่อว่าอะไร?”

“อวี้เจิ่น” มันเทศมีอีกชื่อที่ไต้หวันเรียกกันว่า อวี้เจิ่น

อย่างไรก็ตาม จากรูปลักษณ์ของสิ่งนี้ มันดูเหมือนหมอนหยกจริง ๆ

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดเกี่ยวมันเทศในร้านซุ่นซิน นางต้องมีกรรมวิธีนอกเหนือจากการนึ่ง

เมื่อก่อนกินไปสองสามครั้งก็คิดว่าอร่อยดี แต่พอกินไปนาน ๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกเบื่อ และไม่อยากกินมันอีกต่อไป

นอกจากนี้ มันเทศนึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ธรรมดาที่สุด และใช้ทักษะน้อยที่สุดในการกินมันเทศ กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าหากนางต้องการเอาชนะพวกเขา หากนางยังทำมันเทศนึ่งธรรมดา ๆ นางจะไม่มีโอกาสชนะเลย พวกเขาทำได้เพียงรอมันเทศทั้งหมดในร้านซุ่นซินหมด และพวกเขายังมีบางส่วนในโกดังสินค้าเพื่อที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าบางคนที่ไม่ได้กินอาหารนี้เป็นครั้งคราว

แต่ถ้าเรารอจนถึงปีหน้า เมื่อทุกคนรู้ว่าสิ่งนี้ปลูกอย่างไรก็จะแทบไม่มีตลาดสำหรับมันเทศอีก

ตราบใดที่หุงข้าวหรือต้มน้ำหนึ่งหม้อก็สามารถนึ่งมันเทศได้

ไม่ได้ยุ่งยากเลย

กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่นานกว่าจะได้วิธีนี้มา ทำมันเทศธรรมดา ๆ ให้เป็นอาหารรสเลิศและหรูหรา ด้วยวิธีนี้ ประการแรก มันสามารถชนะในแง่ของคุณภาพและรูปแบบ และประการที่สอง มันสามารถชนะในแง่ของปริมาณ

ไม่ว่ามันเทศจะมีขายในร้านซุ่นซินอย่างไร หลังจากผ่านมาหลายวัน เกรงว่าในมือของพวกเขาคงจะมีมันเทศไม่มากนัก

“อวี้เจิ่นคืออะไร” ชื่อฟังดูดี แต่ลักษณะดูน่าเกลียด ชื่อดูหรูหราขนาดนี้ก็ได้หรือ?

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรากำลังจะเปิดอาหารจานใหม่ชื่อว่าอวี้เจิ่นนึ่ง” เกาจื่อรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย และเขาก็มีความกังวลเช่นกัน หากทำตามร้านซุ่นซิน พวกเขาก็จะไม่ได้เปรียบมากนัก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท